น้ำใจดั่งสายธาราของแม่ค้าขายลูกชิ้น
วันจันทร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ยังเป็นวันหยุดชดเชย ‘วันพ่อ’ ผมอยู่บ้านสองคนกับลูกชาย เพราะภรรยาไปดูงานที่จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ภรรยาดูเริงร่าเป็นพิเศษ เหมือนนกน้อยที่จะบินออกจากรังเป็นครั้งแรก ส่วนพวกผมกลับแสนหงอยเหงา เหมือนกบน้อยที่จำศีลตลอดฤดูกาล
ประมาณเที่ยงวัน น้องสาวของผม ได้มาเอารถยนต์ที่มาฝากจอดไว้ที่บ้านของผมเป็นประจำ เพื่อเดินทางไปร่วมงานศพของคุณพ่อของพี่ที่ทำงานด้วยกัน ที่ต่างอำเภอ ด้วยความรีบเร่ง กลัวไม่ทันเวลา ผมจึงเตือนอย่างห่วงใย จึงพูดว่า “ค่อย ๆ ขับรถนะ อย่าให้คันหลังแซงก็แล้วกัน”
เวลาผ่านไปตามเข็มนาฬิกาที่เดินทางตามแรงโน้มถ่วงของโลก ประมาณบ่ายสี่โมงกว่า ๆ ได้ยินเสียงน้องสาวเปิดประตูเหล็กหน้าบ้านดัง จึงชะโงกไปดู เห็นน้องสาวกำลังจะขับรถเข้าบ้าน
หลังจากจากนั้น ได้ยินเสียงร้องเรียกว่า “ลืมของใช้ของแม่ไว้ที่ร้านขายลูกชิ้นหน้าห้าง”
ของใช้ของแม่ เช่น ผ้ารองอนามัย แป้ง สบู่ ยาสีฟัน และสำลี น้องสาวเป็นธุระจัดการให้ทุกเดือน เพราะต้องผ่านอำเภอใหญ่ ที่มีร้านสรรพสินค้าย่อย ๆ และราคาถูก วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อน้องสาวเสร็จพิธีงานศพ จึงแวะซื้อของ เมื่อซื้อของเสร็จสิ้น ด้วยความหิว เพราะไม่ได้ทานข้าวเที่ยง จึงมุ่งเข้าสู่ร้านขายลูกชิ้น ได้ถุงลูกชิ้น และน้ำดื่ม แต่ดันลืมของใช้ของแม่ ตั้ง ๓ ถุง ใหญ่ ๆ ราคาประมาณเกือบหนึ่งพันบาท
น้องสาวของผม คงโยนหินถามทาง เพราะเห็นถอยรถออกจากหน้าบ้าน แล้วไขกระจกถามว่า จะไปดีไหม ผมเห็นว่า น้องสาวตั้งใจจะกลับตามดูของ จึงไม่กล้าขัดใจ เลยบอกเพียงว่า ให้ขับรถระวัง ของหายไม่เป็นไร เอาชีวิตของเราไว้ก่อน ถ้าไม่ตายยังหาซื้อได้
ตอนแรกผมก็อยากจะขับรถให้น้องสาว แต่เนื่องจากลูกชายไม่ยอมไปด้วย จึงไม่ได้ไปด้วย แต่จากการประเมินในใจของผมในวินาทีนั้น ผมคิดว่า ของใช้ของแม่ต้องหายแน่นอน เพราะเวลาก็เย็นลงมากแล้ว แม่ค้าลูกชิ้นคงจะกลับบ้าน คงไม่รอน้องสาว และถ้าจะฝากของกับห้าง คงบรรยายรูปร่างหน้าตาของน้องสาวได้อย่างไร ?
และความคิดที่ชั่วร้ายของผมที่ผุดขึ้น คือ ‘หวานหมู ที่ได้ของฟรี’
ยามเย็น ๆ ของวันนี้ ดวงตะวันทำมุม ๑๐ องศา ...ผมมองเห็นภาพน้องสาวที่ยิ้มร่าพร้อมชูถุงของใช้ของแม่
น้องสาวเล่าว่า “แม่ค้าขายยังรอหนูอยู่พร้อมรถเข็น เพราะขายลูกชิ้นหมดแล้ว ยังรอเพราะแน่ใจว่าต้องกลับมารับของคืน คนที่ลืมสิ่งของต้องเป็นทุกข์และต้องการของคืนทุกคน และจำหนูได้เพราะมีผู้หญิงคนเดียวที่ใส่ชุดดำมาซื้อลูกชิ้น จะนั่งรอถึง ๒ ทุ่ม ถ้าไม่มาคงกลับบ้าน และจะกลับไปคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ ? ”
ถึงแม้อากาศวันนี้ จะเริ่มหนาวเย็นยะเยือก อากาศครึ้มหม่น ท้องฟ้ามืดมัวเป็นสีเทา ถ้าบรรยากาศเป็นเช่นวันนี้ ผมคงเงียบเหงาหงอยแน่นอน
แต่วันนี้ ผมรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจอย่างประหลาด ไม่ใช่เพราะพวกเราได้ของใช้แม่คืนอย่างครบถ้วน แต่เป็นเพราะว่า พวกเราได้รับน้ำใจดั่งสายธาราของแม่ค้าขายลูกชิ้น ที่ทำให้ผมเห็นว่า ยังมีความงดงามที่ยิ่งใหญ่ จากคนเล็ก ๆ บนโลกใบนี้ โดยที่ผ่านมาผมมองว่าเป็น ‘โลกที่รกร้าง’
ตอนนี้ ผมมองโลกอย่างเปลี่ยนไปด้วย ‘มุมมองเล็ก ๆ ที่งดงามยิ่งใหญ่...บนโลกที่รกร้าง’
ไม่มีความเห็น