ข่าวร้ายจากโลก


แผ่นดินใหว วาตภัย มนุษย์

ข่าวร้ายจากโลก

                ยังมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับระบบ และงานที่ตัวเองทำอยู่ รวมทั้งเพื่อนร่วมงานหลายๆคน อ่านข่าวภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม และFake CSR  การก้าวข้ามคนอื่นๆในระบบราชการ การไม่ยอมรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองซึ่งทำให้เสียโอกาสมากมายมหาศาล ทำให้เขียนบทความนี้ขึ้น ขอให้ทุกคนโชคดี

                หลังจากข้าพเจ้ากำเนิดมาเป็นเวลานานนับกัลป์ ไม่เคยมีครั้งใดที่จะขมขื่นเท่าครั้งนี้เลย ข้าพเจ้าได้อุทิศร่างกายเพื่อเป็นที่หล่อเลี้ยงชีวิต ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เมื่อมีสัตว์เซลล์เดียว ข้าพเจ้าได้แบ่งปันผิวน้ำผิวดินและอากาศของข้าพเจ้าให้เป็นธาตุอาหารแก่สัตว์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้ จนเมื่อมีวิวัฒนาการเป็นสัตว์น้ำและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ข้าพเจ้าได้แต่เฝ้าดูสัญชาติญาณดิบเพื่อการอยู่รอดของสัตว์เหล่านี้ มีทั้งการกินพวกเดียวกัน และกินต่างพวก มีทั้งการรวมกลุ่มล่า และการล่ากันเอง มีการผ่าเหล่า จนเกิดเป็นสายพันธ์ใหม่ ที่วิวัฒนาการสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่บินอยู่ในอากาศ กลายเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ เดินได้ด้วยสี่เท้าและสองเท้า รวมทั้งสัตว์ที่เลื้อยคลานไปตามพื้นดิน สัตว์เหล่านี้รวมกลุ่มกันแพร่พันธ์ กินพืช พันธ์ผลไม้ สัตว์เหล่านี้มีวิวัฒนาการและพัฒนาการจนตัวโตขนาดใหญ่ มีมากมาย ข้าพเจ้าไม่เคยทวงสิทธิ์หรือหวงทรัพยากรในตัวของข้าพเจ้าเลย สัตว์ใหญ่โตเหล่านี้เมื่อตายไปก็มีการเน่าเปื่อยเนื่องจากสัตว์ตัวเล็กๆที่กัดกินเนื้อเยื่อและเลือดของมันจนย่อยสลายกลายเป็นมูลดินกลับคืนมายังตัวข้าพเจ้า สัตว์เหล่านี้มีขนาดเล็กใหญ่ ไม่เท่าเทียมกัน สัตว์ขนาดเล็กก็มีวิถีชีวิตของมัน สัตว์ขนาดใหญ่ก็มีวิถีชีวิตของมัน ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามันมีวิธีคิด วิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร เมื่อข้าพเจ้าอายุมากขึ้น ก็มีการผลัดเปลี่ยนผิวดิน เกิดการเคลื่อนตัวของพื้นผิวของข้าพเจ้า ธารชีวิตซึ่งร้อนแรงต้องการประทุออกเพื่อระบาย โชคร้ายที่เกิดการประทุพร้อมกันเนื่องจากข้าพเจ้าไม่จัดเจนในการควบคุมในการประทุครั้งใหญ่ครั้งแรกนั้น เกิดเป็นการระเบิดพ่นออกไปในบรรยากาศ จนปกคลุมไปทั่วตัวของข้าพเจ้าทำให้แสงจากดาวฤกษ์ที่ให้กำเนิดข้าพเจ้าส่องมาไม่ถึง ทำให้สัตว์และพืช สูญสิ้นชีวิตเกือบหมด ข้าพเจ้าไม่ทราบเลยว่าชีวิตเหล่านี้ต้องการแสงอาฑิตย์ด้วย เถ้าถ่านของข้าพเจ้าปกคลุมไปทั่วทำให้มืดมิด เกิดความโกลาหลอลหม่าน และการกัดกินกันเองของสิ่งมีชีวิต จนไม่มีอาหารเหลืออีก ช่างน่าอนาถนัก ผิวกายของข้าพเจ้าเริ่มเย็นลงจนเป็นน้ำแข็งปกคลุมไปทั่ว ร่างกายของข้าพเจ้าเกิดการแบ่งแยกจนมีผืนน้ำเข้ามาแทรก เป็นหย่อมใหญ่ เมื่อควันจากร่างกายข้าพเจ้าสลายไป ชีวิตเริ่มเกิดขึ้นมาอีกครั้ง เริ่มจากเหตุการณ์กำเนิดชีวิตที่ซ้ำกัน แต่ครั้งนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เดินด้วยสองเท้าเกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตนี้เมื่อแรกมีขนปกคลุมลำตัว มีขาซึ่งใช้หยิบจับของและไม่ต้องเดินสี่เท้าเหมือนสัตว์อื่นๆสิ่งมีชีวิตนี้เมื่อแรกเริ่มก็เหมือนสัตว์อื่นๆ มีสัญชาติญาณในการอยู่รอด หาอาหาร และสืบพันธ์ แต่สิ่งมีชีวิตนี้ไม่มีเขี้ยวเล็บ ไม่มีสิ่งป้องกันตัว จึงเป็นอาหารของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่และดุร้ายกว่าเสมอ นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตนี้ยังชอบเข่นฆ่ากันเองในเผ่าพันธ์ จนเกิดการผ่าเหล่าเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตามขั้นตอนของวิวัฒนาการ ข้าพเจ้าไม่สามารถจำรายละเอียดได้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถใช้เครื่องมือในการล่าหาอาหารหรือในการทำร้ายกันเองเมื่อไร ข้าพเจ้าไม่สามารถจำรายละเอียดว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถใช้ไฟในการคุ้มครอง กันหนาวหรือปิ้งย่างเนื้อสัตว์ที่ล่ากันมาได้เมื่อไร อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างกับสิ่งมีชีวิตอื่นที่เคยเกิดมาบนตัวของข้าพเจ้า มันรู้จักคิดรู้จักขีดเขียน ไม่เคยมีสัตว์ตัวใดที่เคยเกิดมาบนตัวของข้าพเจ้าที่รู้จักคิดหรือขีดเขียนเช่นนี้ มันเริ่มจากการเขียนภาพก่อน แล้วภาพก็กลายเป็นตัวอักษร มีการสื่อสารกันโดยใช้คำพูดเฉพาะฝูง ต่อมามีการสื่อสารกันโดยการเขียน ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาเฉพาะฝูง มีหัวหน้าฝูง หัวหน้าฝูงมีสิทธิ์หลายอย่างในฝูง คนที่อ่อนแอกว่าก็คอยหาอาหาร ตัวที่แข็งแรงกว่าก็มีความพยายามยึดครองตำแหน่ง เมื่อหัวหน้าฝูงแก่ตัวลงก็จะถูกท้าทายและยึดอำนาจจากตัวที่ต้องการ อำนาจจึงเป็นสิ่งที่สัตว์เหล่านี้ต้องการ เป็นสิ่งที่อยู่ในสัญชาติญาณ เนื่องจากสัตว์เหล่านี้รู้จักคิด รู้จักประดิษฐ์ มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ข้าพเจ้าจำรายละเอียดไม่ได้มากแต่ในเวลาหลายพันปีสัตว์เหล่านี้สามารถสร้างถาวรวัตถุ ปักหลักฐานลงบนตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นสักขีพยานการฆ่าฟันของสัตว์เหล่านี้หลายครั้ง มีการฆ่าฟันกันเองครั้งใหญ่ มีการตายครั้งใหญ่จากความไม่สมดุลย์ในธรรมชาติของสิ่งมีชิวิตทั้งหลายซึ่งสัตว์เหล่านี้ซึ่งเรียกตัวเองว่ามนุษย์เรียกว่าโรคระบาด การฆ่าฟันกันเองเกิดจากความต้องการอำนาจ สัญชาติญาณหิวกระหายไม่มีที่สิ้นสุด มีการใช้ทรัพยากรบนตัวของข้าพเจ้ามากมาย เกินกว่าจะบรรยาย มากกว่าที่มีการเคยใช้ในช่วงหลายพันล้านปีที่ข้าพเจ้าได้เกิดมา จนถึงปัจจุบัน มีการสร้างเครื่องจักร เครื่องยนตร์ มีการใช้สายเลือดของข้าพเจ้าที่พวกมนุษย์เรียกว่าน้ำมัน มีการใช้สารเคมีซึ่งปราศจากการควบคุม มีการโค่นต้นไม้ซึ่งเป็นสิ่งยึดผิวกายของข้าพเจ้า มีการทำลายบรรยากาศรอบตัวข้าพเจ้าจนผิวกายข้าพเจ้าถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซต่างๆมากมายจากสารเคมีที่พวกมนุษย์ผลิตขึ้น นอกจากนี้ในเหล่ามนุษย์เองก็ยังคงสัญชาติญาณดิบแห่งความต้องการอำนาจ โดยอ้างความเท่าเทียมกัน อ้างสิทธิเสรีภาพ ซึ่งไม่เคยมีมาเลย ในฝูงสัตว์ ในธรรมชาติ เนื่องจากธรรมชาติไม่มีความเท่าเทียมกัน มีแต่สมดุลย์ มีการใช้เครื่องมือซึ่งมนุษย์เรียกว่าลัทธิต่างๆ มาอ้างเพื่อเข่นฆ่ากันเอง นอกจากนี้มนุษย์ยังต้องการความสุขสบาย มีการผลิตสิ่งของเพื่อความสะดวกสบายของตนเอง สิ่งของเหล่านี้ต้องใช้ต้นทุนอื่นๆมากมาย ขณะที่มนุษย์บนพื้นผิวแห่งหนึ่งเรียกร้องความเท่าเทียม เรียกร้องความสบาย มนุษย์ในอีกพื้นผิวหนึ่งก็มีความอดอยากไม่มีความสบาย ธรรมชาติได้มาร้องเรียนข้าพเจ้า เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ธรรมชาติถูกเอาเปรียบต่างๆนานา ข้าพเจ้าได้เตือนมนุษย์หลายครั้งเพื่อไม่ให้ธรรมชาติเห็นว่าข้าพเจ้าลำเอียง โดยมีการปล่อยการควบคุมการเคลื่อนของพื้นผิว การเคลื่อนใหวของผิวน้ำ ที่มนุษย์เรียกว่าแผ่นดินใหว ซึนามิ เอลนิโน หรือลานินญา อะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ที่ไม่ยอมฟังใครทั้งสิ้น เมื่อตัวเองไม่ได้อำนาจก็จะประท้วง เมื่อตัวเองครองอำนาจก็จะใช้อำนาจนั้นเอง และก็จะถูกประท้วง อย่างนี้เรื่อยไป เป็นวงกลม ที่มีจุดเริ่ม จุดสูงสุด และจุดต่ำสุด วนไปเรื่อยๆ เป็นวัฏจักร จนถึงปัจจุบัน ธรรมชาติได้เปลี่ยนไป ตัวข้าพเจ้าร้อนขึ้น ผิวน้ำมีการเปลี่ยนแปลง ความอุ่น ความร้อนมีการเคลื่อนใหว ผิวกายข้าพเจ้าเคลื่อนใหวโดยตัวของมันเองไปเรื่อยๆ น้ำแข็งที่เคยมีละลายเป็นน้ำท่วมผิวกายข้าพเจ้าเรื่อยๆ จนข้าพเจ้ารู้สึกได้ ครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ข้าพเจ้าไม่สามารถควบคุมความร้อนในผิวกายของข้าพเจ้าได้ ครั้งนี้ข้าพเจ้ากลับเป็นผู้ถูกกระทำ นอกจากธรรมชาติที่มาประท้วง ครั้งนี้ข้าพเจ้าคงต้องประท้วงบ้างแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยทวงสิ่งที่ไม่เคยมี ข้าพเจ้าไม่ทวงความเท่าเทียมเพราะไม่เคยมี ข้าพเจ้าไม่ทวงสิทธิเสรีภาพเพราะไม่เคยมีเนื่องจากทุกอย่างต้องพึ่งกันและกัน และต้องมีเงื่อนไขในแต่ละสิ่งอยู่แล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยทวงอำนาจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเพียงต้องการสมดุลย์ในการอยู่ร่วมกัน ข้าพเจ้าคงต้องทำให้ตัวเองเย็นลง ข้าพเจ้าคงต้องทำให้ผิวดินของข้าพเจ้าไม่ร่วนซุยเนื่องจากปราศจากพืชพันธ์ยึดเหนี่ยว ข้าพเจ้าคงต้องมีการปรับผิวหน้าของข้าพเจ้า มีการชะล้างผิวหน้าของข้าพเจ้า ด้วยการเคลื่อนใหวผิวกายครั้งใหญ่เพื่อปรับสภาพสมดุลย์ ด้วยการสร้างน้ำให้ตกลงมาจากฟ้าให้มากขึ้นเพื่อปรับผิวหน้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคงต้องระบายความร้อนในตัวให้ประทุออกมาในพื้นผิวอีกครั้งเพื่อให้ผิวข้าพเจ้าเย็นลง ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวร้ายให้กับพวกมนุษย์และสัตว์รวมทั้งพีชพันธ์ทั้งหลาย เนื่องจากข้าพเจ้าไม่มีทางเลือก ข้าพเจ้าของแจ้งข่าวร้ายให้กับพวกมนุษย์ซึ่งมีส่วนรับผิดในเรื่องนี้เกือบทั้งหมด ต่อไปนี้เป็นการปรับสมดุลย์ ข้าพเจ้าจะส่งกระแสความทุรนทุรายในอำนาจให้กับเหล่ามนุษย์โดยการกระตุ้นสัญชาติญาณเดิมให้มีการแบ่งพวกพ้อง แบ่งหมู่เหล่า มีสิ่งที่เรียกว่าคอรัปชั่น หรือโกงกิน ไม่มีการยึดเหนี่ยวใดๆ ให้มีการทำร้ายกันด้วยวาจา ความรู้สืกและเข่นฆ่ากัน มีวาตภัย มีแผ่นดินใหว มีพายุ เท่าที่ข้าพเจ้าจะทำได้เพื่อปรับสมดุลย์อีกครั้ง ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเมื่อมีการปรับแล้วข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไร จะมีวัฏจักรอย่างนี้เกิดอีกหรือไม่ แต่เมื่อไม่มีทางเลือกข้าพเจ้าก็ขอเลือกทางนี้เอง

หมายเลขบันทึก: 407340เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2010 15:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท