เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ ผู้เขียนพร้อมด้วยเพื่อนพ้องน้องพี่ และคณาจารย์ในโครงการพัฒนาผู้บริหาร หลักสูตร Mini MBA คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน ๔๙ ท่าน ได้เดินทางถึงหมู่เกาะคิวชู โดยเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปถึงสนามบินฟุกุโอกะด้วยสายการบินไทย
หลังจากเดินทางถึงเมืองฟุกุโอกะ คณะทั้งหมดได้เดินทัศนศึกษาศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่เกาะคิวชูที่ตั้งอยู่ในเมือง ชื่อ "ศาลเจ้าดาไชฟุ เทมมังกุ" ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. ๙๐๕ เพื่ออุทิศแก่ท่านมิชิสะเนะ ซึงะวะระ ศิลปินด้านวรรณคดีจีน และการศึกษา ท่านนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งภูมิปัญญา
จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าของ "ศาสนาชินโต" ซึ่งเป็นศาสนาหลัก และเก่าแก่ที่ชาวญี่ปุ่นให้การยอมรับนับถือ นอกเหนือจากพระพุทธศาสนานิกายเซ็นที่เน้นหนักเรื่องคุณค่าภายในซึ่งประสานสอดคล้องกับธรรมชาติ อาจารย์โสภณซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้เชี่ยวด้านญี่ปุ่นเพราะศึกษาอยู่ ณ มหาวิทยาลัยเกียวโต ๑๐ ได้เล่าให้ฟังว่า "ชาวญี่ปุ่นจะไปประกอบพิธีเกี่ยวกับการเกิด ณ ศาลเจ้าของศาสนาชินโต พิธีแต่งงานในโบสถ์ของศาสนาคริสต์ และพิธีเกี่ยวกับการ ณ วัดของพระพุทธศาสนา" แต่ผู้เขียนมองว่า วัดที่จะทำพิธีน่าจะเป็นนิกายอื่นๆ มากกว่านิกายเซ็น
จุดที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้คือ เด็กนักเรียนที่กำลังจะสอบเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีจำนวนมาก ได้เดินทางมา ณ ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อร่วมประกอบพิธีกรรมที่จัดขึ้นโดยวัด วัตถุประสงค์ของการร่วมพิธีก็เพื่อร่วมอธิษฐานเพื่อให้ตัวเองสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยดังๆ เช่น เกียวโต และโตเกียว ได้สำเร็จ
ผู้เขียนมองว่า สาระสำคัญและเป้าหมายที่แท้จริงของการมาอธิษฐานนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นๆ ประกอบด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำท่านมิชิสะเนะ ซึงะวะระ ซึ่งเป็นศิลปินด้านวรรณคดีจีน และการศึกษามาเป็น "Role Model" และเป็น "Best Practice" อันจะก่อให้เกิด "แรงบันดาลใจ" แก่ตัวผู้เรียนเองเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเองก้าวไปสู่เป้าหมาย และประสบความสำเร็จในด้านการศึกษา
เด็กนักเรียนมัธยมปลายของเมืองฟุกุโอกะกำลังตั้งใจอธิษฐานในระหว่างการทำพิธีเพื่อให้สอบผ่านการแข็งขันเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังตามที่ตัวเองมุ่งมาตรปรารถนา
คุณครูพาเด็กนักเรียนชั้นประถมมาศาลเจ้าเพื่อกราบไหว้ และสร้างแรงบันดาลให้แก่เด็กนักเรียนเหล่านี้ว่า การศึกษานั้นสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตได้อย่างไร
นอกจากนี้ การยกย่องท่านมิชิสะเนะ ซึงะวะระ ผู้เป็นศิลปินด้านวรรณคดีจีน และการศึกษาเช่นนี้ ทำให้เราได้ประจักษ์ว่า "ชนชาติญี่ปุ่น" ให้ความสำคัญกับ "การศึกษาและพัฒนาการศึกษา" การพัฒนาที่ยั่งยืนและสำคัญที่สุดคือ "การพัฒนาคน" และ "วิธีการที่จะพัฒนาคนได้ดีที่สุดคือการพัฒนาให้คนมีการศึกษา และได้รับการศึกษา" เพื่อให้การศึกษาได้ทำหน้าที่ในการพัฒนาคน และให้คนพัฒนาสังคม และชาติบ้านเมืองต่อไป
เราจะพบว่า ชาติใด หรือประเทศใดก็ตามที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา และทุ่มเททรัพยากรทางการเงิน บุคคล และอื่นๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษา ชาติเหล่านี้ล้วนประสบความสำเร็จในการพัฒนา และสร้างชาติได้ในระยะยาว และเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ต่างๆ ในสังคม ย่อมทำให้การแสวงหาทางเลือกเพื่อจัดการกับปัญหาย่อมทำได้ง่าย และเป็นระบบมากขึ้น สอดรับกับวลีที่มักเอ่ยถึงการศึกษาในสังคมไทยว่า "รากฐานของบ้านคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา"
นมัสการเจ้าค่ะ
เห็นข่าวอยุธยาถูกน้ำท่วม
ไม่ทราบที่วังน้อยเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ