เรื่องราวของบันทึกนี้มาจาก รพ.สต.ภูเงิน จ.ร้อยเอ็ดในวันนั้นหนูไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ได้รับฟังเรื่องราวจากปากพี่อ้อ แล้วก็รู้สึกประทับใจ ที่สำคัญพี่ติ๊ก เป็นรุ่นพี่เภสัชที่คณะ พี่รหัสเพื่อนหนูเอง โลกมันกลมจริง ๆค่ะ ยิ่งเห็นพี่ ๆน้อง ๆ ออกมาร่วมแรงร่วมใจทำงานคุ้มครองผู้บริโภค แบบป้องกันกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เห็นพลังเเล้วอุ่นใจจริง ๆ ค่ะ ไปติดตามอ่านกันเลยนะคะ (^_^)
ที่ห้องประชุม รพ.สต.ภูเงิน วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเนื่องมาจาก น้องติ๊ก (เภสัชกรประจำโรงพยาบาลเสลภูมิ) เรียก อสม. 53 คน จาก 18 หมู่บ้าน ตัวแทนหมู่บ้านละ 3 คน เข้าร่วมประชุมติดตามงานเกี่ยวกับยาแผนโบราณ โดยมีทีมศูนย์วิทย์ ฯ ขอนแก่น เข้าร่วมด้วย นำทีมโดยพี่วิชัย (เป็นหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและเครื่องสำอาง) ซึ่งทีม อสม. ที่นี่จะมากด้วยความสามารถ และชำนาญงานอย่างแท้จริง เราให้ตัวแทน อสม. แต่ละหมู่บ้านออกมานำเสนอว่าได้ไปทำอะไรกับพื้นที่มาบ้าง โดยมีคุณแม่ดมทอง ตำ แหน่ง ประธาน อสม. เป็นตัวแทนหมู่บ้านโซล 1 บอกกับทีมงานว่า
เมื่อได้รับการถ่ายทอดเรื่องการใช้ชุดทดสอบสเตียรอยด์ ทั้งโทษ และประโยชน์แล้วก็ออกไปสำรวจในพื้นที่หมู่บ้านที่รับผิดชอบ
วิธีการทำงานจะทำงานเป็นกลุ่มเป็นก้อน ไปไหนไปกัน คนพูดก็พูดไป คนตรวจก็ตรวจไป คนเขียนก็เขียนไปทำงานแบบช่วยกันทำใครทำอะไรได้ก็ทำไป ถ้าไปคนเดียวไม่สำคัญ ชาวบ้านจะไม่ฟังและไม่เชื่อถือ (ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการทำงานของ อสม. เกือบจะทุกที่จะใช้วิธีนี้กัน)
จากนั้นเมื่อตรวจเสร็จก็จะบอกว่าปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย ถ้าไม่ปลอดภัยก็ให้เลิกทาน บางคนก็เลิก บางคนก็ไม่เลิกยังเสียดายอยู่เพราะว่าขวดหนึ่งก็เป็นพันและที่สำคัญเมื่อทานแล้วก็หายปวด
ซึ่งไม่มีตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ว่าเมื่อทานยาแผนโบราณที่มีสเตียรอยด์ปนปลอมอยู่จะมีอาการอย่างไร มีผลต่อร่างกายอย่างไร ชาวบ้านจึงยังไม่ตระหนักถึงพิษภัยเท่าที่ควร ทาง อสม. ก็จะบอกว่าถ้าทานหมดแล้วก็อย่าไปซื้อมาทานอีก เพราะว่าหมดเงินไปเปล่า ๆ เมื่อหยุดทานก็ปวดเหมือนเดิม ในพื้นที่พบตัวอย่างยาแผนโบราณที่มีเลขทะเบียนแล้วตรวจพบสเตียรอยด์ก็แจ้งให้กับหมอติ๊กเพื่อประสานงานกับพื้นที่ในเขตอำเภอประทุมรัตน์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาแผนโบราณที่ไม่ได้คุณภาพ มีสเตียรอยด์ปนปลอมอยู่
คุณแม่ดมทองบอกว่า ออกพื้นที่เรื่องสเตียรอยด์ชาวบ้านบอกว่า
“ เผิ้นเป็นหน่วยงานชื่อหน่วยงานอิหยังน๊ะ เผิ้นดี๋เน๊อะห่วงใจสุขภาพชาวบ้าน ทำไมเผิ้นถึงใส่ใจกับ เฮาได้ขนาดนี่ เผิ้นเป็นหน่วยงานอิหยัง”
(ได้ยินแล้ว เออ! น๊ะหายเหนื่อยก็ยังมีคนเข้าใจว่าเราทำงานอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ยิ้มไม่หุบเลย ว่าไปนั่น.......... )
เราเลยยิงคำถามไปว่า มีเทคนิคอะไรในการทำงานหรือเข้ากับชุมชนจนชาวบ้านเชื่อถือได้ขนาดนี้
คุณแม่ก็ยิ้มหวานแล้วตอบว่า
“ อสม. เก่งที่สุด มีศักยภาพ ยกนิ้วโป้งให้ ”
(เสียงเหกันลั่นห้องประชุม จ้า ยอมรับแบบไม่มีข้อกังขา ว่า อสม.เก่งจริง ๆ) แล้วคุณแม่ก็อธิบายต่อว่า
เป็นคนในหมู่ บ้าน ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่ม อสม. หรือกลุ่มอาสาสมัคร จะต้องสร้างกระแสในหมู่บ้าน สร้างความไว้วาง ใจ ทำงานอย่างต่อเนื่อง ทีม อสม. ทุก ๆ หนึ่งเดือนจะต้องออกไปทำงานในหมู่บ้าน
เช่น งานสำรวจลูกน้ำ ดู แลผู้สูงอายุ เด็กแรกเกิด ฯลฯ ไม่ว่าจะมีงานอะ ไรทั้งงานราชงานหลวง เราจะต้องออกหน้าก่อน พูดง่าย ๆ ก็เสนอหน้าไปก่อนเลย เมื่อเขาเชื่อถือและยอมรับเรา ไม่ว่าจะเอาความรู้หรือเข้าไปทำอะไรก็จะได้รับความร่วมมืออย่างดี เมื่อทำมาถึงตรงนี้แล้วก็ได้รับการนับหน้าถือตาในหมู่บ้าน และมีความสุขที่ได้ทำตรงนี้
จากคำพูดตรงนี้ทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำ
งาน ร่วมกับชุมชนว่าเราควรจะทำอย่างไร เพื่อจะให้ชุมชนได้ดูแลและใส่ใจสุขภาพแบบยั่งยืน โดยไม่มีใครมาบังคับ
ศุภลักษณ์ พริ้งเพราะ ผู้เขียน
จากจุดเล็ก ๆ ของการก้าวออกไปทำงานกับชุมชน สัมผัสผู้คนที่ทำงานนอกตึก อสม. ทำงานด้วย "ใจ" "ได้ใจ" แล้วก็ทำให้เรา "มีกำลังใจ
ขอบพระคุณที่อ่านจนจบค่ะ (^_^)
ไม่มีความเห็น