"เด็กก้าวร้าว" พฤติกรรมตามวัยจริงหรือ?
การแสดงความก้าวร้าวของเด็กเล็กอาจเกิดขึ้นได้ เช่น พูดจาหยาบคาย
ต่อว่า ไม่เคารพผู้อื่น ทุบตี หยิก กัด ผลัก ขว้างปา
ทำลายสิ่งของหรืออาจรุนแรงถึงขั้นทารุณกรรมสิ่งมีชีวิตให้บาดเจ็บหรือล้มตาย
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการฝึกเด็กให้ละเมิดสิทธิผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย
ทางร่างกาย ทรัพย์สิน หรือทำให้ผู้อื่นกระทบกระเทือนจิตใจ
ทั้งนี้ ความก้าวร้าว
อาละวาดง่ายในเด็กอายุ 2 - 5
ปีอาจเกิดขึ้นได้เพราะยังเป็นวัยที่ขาดการควบคุมอารมณ์ตนเอง
หรือเด็กบางคนมีพื้นเพทางอารมณ์เป็นเด็กเลี้ยงยาก ปรับตัวยาก
จึงเกิดความคับข้องใจและแสดงออกโดยการอาละวาดได้บ่อย
ซึ่งสาเหตุของความก้าวร้าวอาจมาจาก
1. สาเหตุทางชีวภาพ
อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น พ่อแม่มีอารมณ์ร้าย ดุ
ก้าวร้าว ฉุนเฉียวง่าย อาละวาดเก่ง
หรือถ้าพบว่าเด็กแสดงออกอย่างก้าวร้าวมาก ๆ และเป็นบ่อย ๆ
ควรคำนึงถึงโรคใดโรคหนึ่ง เช่น สมาธิบกพร่อง ไฮเปอร์แอคทีฟ ออทิสติก
หรือสมองพิการ
2.
สภาพจิตใจของเด็ก เด็กไม่มีความสุข เศร้า กังวล
ขี้ตื่นเต้น ตกใจง่าย เด็กที่คับข้องใจบ่อย ๆ และถูกกดดันเสมอ ๆ
สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กหงุดหงิดและอาจแสดงวาจากิริยาก้าวร้าวได้
3.
การเลี้ยงดูภายในครอบครัว
- การทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ดูแลเด็ก
- การลงโทษรุนแรง
- การตามใจและยอมตามเด็กเสมอ
- การทะเลาะกันภายในครอบครัว
- การยั่วยุอารมณ์ให้เด็กโกรธ
- การขาดระเบียบวินัยในชีวิต
- การที่เด็กทำผิดแล้วผู้ใหญ่ให้ท้าย
- การสื่อความหมายไม่ชัดเจน ทำให้เด็กสับสน กังวล
ไม่รู้จักความผิดที่แน่นอน
4.
จากสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม เด็กที่ดูภาพยนตร์
โทรทัศน์ วิดีโอ ที่แสดงออกถึงความก้าวร้าวรุนแรง
ไม่มีกิจกรรมอื่นที่เป็นการเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อคลายเครียด
เมื่อถูกเร้าให้เกิดความเครียดส่วนใหญ่ก็มักจะแสดงออกเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว
ได้ง่าย
นอกจากนี้ข่าวสารต่าง ๆ
ปัญหาความเครียดในสังคม ท่าที ทัศนคติของเพื่อน คุณครู ฯลฯ
ล้วนก่อให้เกิดความเครียดหรือเป็นแบบอย่างของความก้าวร้าวได้ทั้งสิ้น
และเป็นหน้าที่ของพ่อแม่
ตลอดจนผู้เลี้ยงดูในการช่วยเหลือปรับพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กให้ดีขึ้นได้
วิธีป้องกันและแก้ไข
1.
ผู้ใหญ่ต้องหยุดการกระทำอันก้าวร้าวของเด็กโดยทันที
และต้องไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงเพราะเป็นการสอนให้เด็กเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว
เช่น หากเด็กมีการขว้างปาสิ่งของ หรือทุบตีผู้อื่น
อาจจัดการให้เด็กหยุดด้วยวิธีสงบ เช่น จับมือรวบตัวเอาไว้ บอกสั้น ๆ
ว่าตีไม่ได้
2.
แนะนำทางออกอื่นให้เด็ก เช่น เมื่อเด็กโกรธกันขึ้นมา
ก็สามารถเดินมาบอกผู้ใหญ่ให้ว่ากล่าวคู่กรณีได้ แต่ตีกันไม่ได้
เด็กจะเรียนรู้ว่า การก้าวร้าวเป็นสิ่งที่เราไม่ยอมรับ
แต่เราเข้าใจความรู้สึกเขา และเตรียมทางออกที่เหมาะสมเอาไว้
วิธีนี้ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
แม้จะพบว่าเด็กมีอาการอีกเป็นครั้งคราวเพราะเด็กยังระงับอารมณ์ได้ไม่หมด
3. ไม่ควรตอบตกลง
หรือต่อรองกันในขณะที่เด็กมีอารมณ์หรือพฤติกรรมก้าวร้าว
เพื่อให้เด็กเรียนรู้ว่า ผู้ใหญ่จะตอบสนองความต้องการของเขา
เฉพาะในช่วงที่อารมณ์สงบ และมีพฤติกรรมที่เหมาะสมเท่านั้น
4.
ผู้ใหญ่ต้องระวังที่จะไม่มีอารมณ์ตอบโต้เด็ก
หรือเอาชนะกัน
5.
การลงโทษเด็กไม่ควรใช้ความรุนแรง
อาจใช้วิธีแยกเด็กอยู่ตามลำพังระยะหนึ่ง (Time Out : 1
นาทีต่อเด็กอายุ 1 ปี) โดยมีการสื่อให้เด็กเข้าใจว่า
การรบกวนผู้อื่นเป็นสิ่งไม่สมควร เมื่อสงบแล้วค่อยมาพูดจากันใหม่
บางครั้งอาจใช้วิธีงดสิทธิบางอย่างเข้าช่วยด้วย
6.
ฝึกให้เด็กรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตนเอง
เช่น ซ่อมแซมของที่ชำรุดเสียหาย (โดยพิจารณาตามความเหมาะสมค่ะ)
7.
หลีกเลี่ยงการตำหนิ ต่อว่า เปรียบเทียบ
ให้เด็กรู้สึกเป็นปมด้อย การขู่หรือหลอกให้กลัว
ตลอดจนการยั่วยุให้โกรธ โดยผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างของความปรองดอง
เป็นมิตรต่อกันให้เด็กเห็น
เป็นความรู้ที่ดีมากๆเลยนะ
เพราะตอนนี้หลานก็กำลังมีพฤติกรรมก้าวร้าวอยู่บ้าง
เด็กสมัยนี้มีพฤติกรรมก้าวร้าวมากค่ะ เนื่องจากสังคม ชุมชน ครอบครัว เปลี่ยนแปลงไปมาก มีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันทั้งนั้น เห็นแล้ว....กลุ้ม
อยู่ที่ผู้ปกครองต้องช่วยปูพื้นฐานที่ดีให้กับเด็กๆค่ะ เพราะเด็กเล็กอยู่ในวัยที่ชอบลอกเลียนแบบ
ข้อมูลควรเผยแพร่อย่างยิ่งจ๊ะคุณครู
เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว ที่ผุ้ใหญ่คอยแต่งเติมสีสัน ลวดลายให้ จะสวยหรือจะเละก็อยู่ที่ผู้ใหญ่
สิ่งแวดล้อมสำคัญมาก
สิ่งสำคัญคือคนใกล้ชิด
คุณครูทั้งหลายก็ควรอ่านเป็นอย่างยิ่งจ้า
ผมว่าครอบครัวสำคัญที่สุด
หวัดดีค่าครอบครัว
ครอบครัวทีอบอุ่น
ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด
เด็กก้าวร้าวจริง สมัยนี้ เป็นปัญหาที่ต้องเร่งเเก้ไข