หลักการถ่ายภาพ
การถ่ายภาพที่จะให้ได้ภาพถ่ายที่มีลักษณะสมบูรณ์มีปัจจัย คือ การควบคุมแสง ความคมชัด และการจัดองค์ประกอบเป็นสำคัญ การศึกษาให้เข้าใจถึงการควบคุมเพื่อให้ได้ภาพถ่ายตามต้องการ การควบคุมจุดแรก คือ การปรับโฟกัสบนตัวเลนส์ การปรับโฟกัสหรือความคมชัดของเลนส์ก็คล้ายคลึงกับการปรับโฟกัสของตาคนเรา เลนส์ที่ดีจะมีโฟกัสแสดงให้เห็นภาพได้เหมือนจริง ซึ่งจะปรากฏภาพส่วนที่คมชัด ส่วนที่ไม่ชัด และภาพรวมทั้งหมด
การควบคุมการใช้กล้องในเรื่องของการควบคุมแสง เป็นส่วนสำคัญซึ่งจะต้องควบคุมให้แสงผ่านเลนส์เข้าไปบันทึกภาพในปริมาณที่พอเหมาะ นั่นคือการควบคุมรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ให้มีความสัมพันธ์กัน รูรับแสงทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับฟิล์ม ร่วมกับความเร็วชัตเตอร์ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมเวลาให้แสงเข้าไปในกล้องได้ เป็นระยะเวลานานเท่าใดขณะบันทึกภาพ
รูรับแสง ในการควบคุมการใช้กล้องเกี่ยวกับปริมาณของแสงที่จะผ่านเข้ามาเพื่อบันทึกภาพ ตัวควบคุมปริมาณแสง คือ รูรับแสงซึ่งมีอยู่ในเลนส์ถ่ายภาพ ลักษณะเป็นกลบซ้อนกันเรียกว่า ไดอะแฟรม (Diaphram) สามารถปรับให้กว้างหรือแคบได้ โดยหมุนปรับวงแหวนที่ตัวเลนส์ (กล้องอัตโนมัติส่วนมากปรับควบคุมที่ตัวกล้อง) ปริมาณของแสงที่ผ่านไดอะแฟรมแสดงค่าเป็นตัวเลข เรียกว่า f – number หรือ f – stop รูรับแสงมีผลต่อการบันทึกภาพในเรื่องของระยะชัดโดยเกิดผลทางด้านความคมชัดบริเวณด้านหน้า และด้านหลังจุดที่เราเลือกปรับโฟกัส กล่าวคือ รูรับแสงแคบจะให้ผลในด้านความชัดลึกของภาพและช่วงระยะความชัดลึกของภาพจะน้อยลงเมื่อรูรับแสงกว้างขึ้น
ความเร็วชัตเตอร์ เป็นส่วนที่ใช้ในการควบคุมปริมาณของแสงโดยชัตเตอร์จะเปิดและปิดให้แสงผ่านเข้าไปเพื่อบันทึกภาพ ตามระยะเวลาที่กำหนด มีลักษณะเป็นม่านหรือกลีบซ้อนทับกันหลาย ๆ ชั้นอยู่ในตัวเลนส์ มีทั้งเคลื่อนที่ในแนวขวางและแนวดิ่ง แสดงค่าเป็นหน่วยของวินาทีชัตเตอร์มีผลต่อการบันทึกภาพในเรื่องของความเร็ว คือ การควบคุมสิ่งเคลื่อนไหวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น หยุดสิ่งเคลื่อนไหว หรือทำให้เกิดภาพในลักษณะเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่งได้ดีกว่าความเร็วชัตเตอร์ต่ำ
ความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
ระบบการทำงานของกล้องที่สำคัญจะมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ การโฟกัสภาพ รูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ ระบบการโฟกัสภาพเป็นลักษณะการทำงานที่แยกเป็นอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกับระบบอื่น เพื่อให้ภาพมีความคมชัดในจุดหรือตำแหน่งที่ต้องการ รูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ จะทำหน้าที่ควบคุมปริมาณของแงที่ผ่านเข้าไปเพื่อบันทึกภาพ การเลือกปรับตั้งรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการถ่ายภาพและต้องให้สัมพันธ์กัน ฟิล์มจะบันทึกภาพได้ดีจะต้องได้รับแสงในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไปภายใต้สภาพแสงปกติ การบันทึกภาพโดยใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงและรูรับแสงเล็ก หรือจะใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ แต่ใช้รูรับแสงกว้าง ทั้งสองกรณีการบันทึกภาพจะรับแสงได้ในปริมาณที่เท่ากันและเป็นความสัมพันธ์ของรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
การเลือกค่าบันทึกภาพ เนื่องจากรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ทำงานสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อมีการปรับหรือเปลี่ยนรูรับแสงหรือความเร็วชัตเตอร์ ปริมาณของแสงที่เข้าไปในกล้องก็จะเปลี่ยนไปด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าปริมาณแสงที่เหมาะสม 100% หากเปิดรูรับแสงกว้าง 20% ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ 80% หรือถ้าเปิดช่วงรับแสงกว้าง 80% ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ 20% จึงจุได้ปริมาณแสงที่เท่ากัน
ผู้ถ่ายภาพสามารถเลือกผลที่เกิดขึ้นจากการใช้รูรับแสงหรือความเร็วชัตเตอร์ได้อย่างใดอย่างหนึ่งตามต้องการ โดยที่การบันทึกภาพได้รับแสงพอดี เช่น ภาพที่ต้องการบันทึกวัดแสงได้ที่ 1/60 วินาที f8 แต่อาจไม่ต้องการใช้ความเร็วชัตเตอร์หรือรูรับแสงตามที่วัดค่าได้ ก็อาจเลือกใช้ค่าอื่นได้ เช่น 1/150 วินาที f2.8 หรือ 1/15 วินาที f16 ซึ่งค่าเหล่านี้จะให้ปริมาณแสงที่เท่ากันแต่ภาพที่บันทึกได้จากค่าเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันจากผลของภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้รูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
โดยทั่วไปสภาพแสงที่ตองการบันทึกแตกต่างกัน ในการถ่ายภาพที่สภาพของแสง มีแสงแดดและปรากกว่าเครื่องวัดแสงกำหนดให้เปิดรูรับแสง f11 ความเร็วชัตเตอร์ 1/125 วินาทีจะได้ภาพที่รับแสงได้พอดี ถ้าเราต้องการเปลี่ยนไปใช้ความเร็วชัตเตอร์ให้เร็วขึ้น 1 สต็อป คือ 1/250 วินาที เพื่อถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวให้หยุดก็ต้องเปิดรูรับแสงให้กว้างขึ้น 1 สต็อป คือ f8 เพื่อชดเชยให้ปริมาณแสงเข้ากล้องพอดี หรือในทำนองเดียวกัน ถ้าเราต้องการใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าลง 1 สต็อป คือ 1/160 วินาที ก็ต้องปรับขนาดรูรับแสงให้แคบลง 1 สต็อป คือ f16 เพื่อให้สัมพัน์กันจึงจะได้รับแสงที่พอดี
ในการบันทึกภาพทั่ว ๆ ไปจะพบว่า ค่าแสงที่วัดได้ในครั้งแรกนั้นเป็นเพียงค่ากลางเท่านั้น ควรพิจารณาว่าภาพที่ต้องการบันทึกควรจะใช้รูรับแสงขนาดใด จึงจะได้ระยะชัดลึกตามต้องการ หรือเลือกใช้ความเร็วชัตเตอร์ระดับใดจึงจะหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อเลือกใช้รูรับแสงหรือความเร็วชัตเตอร์อย่างใดอย่างหนึ่งตามต้องการแล้ว เช่น ถ้าเลือกใช้รูรับแสงขนาดที่ต้องการก็ต้องปรับความเร็วชัตเตอร์ชดเชยค่าแสง เพื่อการบันทึกภาพได้รับแสงในปริมาณที่เหมาะสมเป็นต้น การเลือกใช้รูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์จึงต้องให้สัมพันธ์กัน
ช่วงความชัด
ภาพถ่ายที่มีความชัดตั้งแต่วัตถุที่อยู่ระยะหน้า (Foreground) ไปถึงวัตถุที่อยู่ระยะหลังสุด (Background) ของระยะตำแหน่งที่ปรับความชัดในภาพ เรียกภาพนั้นว่าเป็นภาพที่มีความชัดลึก ส่วนภาพถ่ายที่มีความชัดเฉพาะตำแหน่งที่เราปรับ Focus ไว้ ส่วนระยะหน้าและระยะหลังจะพร่ามัวไม่ชัดเจน เราเรียกภาพนั้นว่ามีความชัดตื้น
ความชัดลึกของภาพขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือ
ในการถ่ายภาพจึงควรเลือกใช้เลนส์ การปรับขนาดช่วงรับแสง หรือระยะในการถ่ายภาพ ทั้งนี้เพื่อให้ภาพที่ได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
การวัดแสงและเครื่องวัดแสง
การวัดแสง หมายถึง การปล่อยให้แสงส่วนหนึ่งเข้าไปเพื่อบันทึกภาพ สามารถควบคุมปริมาณของแสงโดยการปรับค่าแสงจากรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ ทั้งนี้เพื่อปล่อยให้แสงเข้าไปเพื่อบันทึกภาพในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ฟิล์มได้รับแสงที่พอดี
การวัดแสงและการปรับค่าแสงเป็นความสัมพันธ์?เกี่ยวข้องกันในสภาพแสงปกติการบันทึกภาพโดยทั่วไปมักต้องการให้ภาพแสดงรายละเอียดให้เห็นชัดเจนทั่วทั้งภาพ แต่บางครั้งต้องการเน้นเฉพาะส่วนสำคัญของภาพเท่านั้น
ภาพที่ผ่านเลนส์เข้ามามีช่วงความสว่างค่อนข้างกว้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแสง เช่น ภาพที่ต้องการบันทึกมีแสงจ้า ช่วงของความสว่างจะกว้างมากตั้งแต่ในส่วนของเงามืดถึงบริเวณที่สว่าง แต่ถ้าภาพที่บันทึกมีแสงนุ่ม ในวันที่มีเมฆมาก แสงไม่จัด ช่วงความสว่างจะแคบลง ทำให้ภาพที่บันทึกมีรายละเอียดดีทั้งในส่วนบริเวณเงาและบริเวณสว่าง ถ้าต้องการบันทึกรายละเอียดในส่วนที่เป็นเงามือ รายละเอียดในส่วนสว่างจะเสียไปและทำให้ส่วนสว่างนี้รับแสงมากเกินไป (Over) หากเลือกวัดแสงเฉพาะส่วนที่ได้รับแสงสว่างโดยตรง ส่วนที่เป็นบริเวณเงาจะดำและขาดรายละเอียดเนื่องจากได้รับแสงน้อยเกินไป (Under)
กล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว ปัจจุบันจะมีระบบวัดแสงทั้งในระบบวัดแสงเฉพาะจุดเฉลี่ยทั่วทั้งภาพและเฉลี่ยหนักกลาง โดยเฉพาะระบบวัดแสงเฉลี่ยหนักกลางจะเฉลี่ยค่าแสงทั้งในส่วนสว่างและส่วนเงาดำให้ได้แสงค่ากลางในการบนทึกภาพ ส่วนระบบวัดแสงเฉพาะจุดเหมาะสำหรับการเลือกค่าแสงบริเวณใดบริเวณหนึ่งโดยเฉพาะ
เครื่องวัดแสง (Light Meter) เครื่องวัดแสงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการถ่ายภาพที่จะคำนวณปริมาณของแสงที่ถูกต้อง สามารถปรับค่าแสงความสัมพันธ์ของรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
เครื่องวัดแสงที่ติดตั้งในตัวกล้อง แบ่งได้เป็น 2 พวก คือ
เครื่องวัดแสงระบบ TTL มีระบบในการวัด 3 แบบ
กล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวที่มีระบบแมนนวล หรือการปรับค่ารูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์ โดยผู้ใช้จำเป็นต้องใช้เครื่องวัดแสงในการคำนวณค่าปริมาณแสง เพื่อจะได้ปรับตั้งค่าการเปิดรับแสงเพื่อบันทึกภาพได้ถูกต้อง ซึ่งกล้องบางรุ่นที่ผลิตโดยไม่มีเครื่องวัดแสง เมื่อต้องการวัดค่าแสงเพ่อบันทึกภาพจะใช้เครื่องวัดแสงแบบมือถือ ซึ่งเป็นเครื่องวัดแสงที่มีประสิทธิภาพสูง และเลือกวัดแสงได้หลายลักษณะ เช่น แสงตกกระทบหรือแสงสะท้อน
แบบทดสอบที่ 5
หลักการถ่ายภาพ
จงตอบคำถามให้เข้าใจ
1. จงบอกหน้าที่ของรูรับแสงและผลของภาพที่จะเกิดขึ้นจากการปรับขนาดรูรับแสง
2. จงบอกหน้าที่ของความเร็วชัตเตอร์ และผลของภาพที่จะเกิดขึ้นจากการปรับความเร็วชัตเตอร์
3. จงอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างรูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์
4. การวัดแสงแลการปรับค่าแสงมีความสัมพันธ์กันอย่างไร จงอธิบายให้เข้าใจ
5. จงอธิบายความแตกต่างระหว่างระบบวัดแสงเฉพาะจุด ระบบวัดแสงเฉลี่ยแสงกลางภาพ และระบบวัดแสงเฉลี่ยทั่วทั้งภาพ
จงปฏิบัติตามหัวข้อต่อไปนี้
1. ถ่ายภาพโดยให้มีลักษณะภาพชัดตื้น ชัดลึก เคลื่อนไหว และหยุดการเคลื่อนไหว โดยอัดภาพ หรือ Print ลงบนหระดาษขนาด 3"× 5" จำนวน 4 ภาพ
สวัสดีคุณแท่ง ขอบคุณที่แบ่งปันสาระดีๆให้เรียนรู้ค่ะ