คิดมานานแล้วว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ดิฉันอยากจะเล่าให้กับทุกท่านฟังคือ หนูทดลอง ที่ตั้งชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรกระบวนการ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2539ในปี 2539 ดิฉันได้เข้าร่วมพัฒนาคู่มือวิทยากรเรื่อง การใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย (Safe Use) กับทีมงาน ประกอบด้วย บริษัทสารเคมี ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา กรมส่งเสริมการเกษตร และเกษตรตำบล
โดยคู่มือดังกล่าวจัดทำขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา แต่ประสบปัญหาว่า เพราะอะไรเกษตรกรจึงมีการนำไปใช้ค่อนข้างต่ำ ยังใช้สารเคมีไม่ค่อยถูกต้อง และเจ้าหน้ามีความยุ่งยากในการจัดการเรียนการสอนให้กับเกษตรกร ฉะนั้น ทีมงานจึงเกิดความตระหนักเห็นควรพัฒนาคู่มือที่เป็นชุดการเรียนการสอนในเรื่องดังกล่าวกัน และในทีมงานนั้น ดิฉันเป็นผู้อ่อนอาวุโสที่สุด เพิ่งเข้ารับราชการใหม่ การที่จะเสนอความคิดเห็นอะไรก็ไม่ค่อยกล้า การยอมรับมีค่อนข้างต่ำ เลยทำหน้าที่เป็นผู้ฟังเป็นส่วนใหญ่ ทางทีมงานของเราประชุมกันหลายครั้งก็ยังหาข้อสรุปของการแก้ไขไม่ได้ การรับฟังซึ่งกันและกันมีค่อนข้างต่ำ ถึงแม้จะมีการเสนอว่า จุดอ่อนอยู่ที่แผนการเรียนรู้ ก็ไม่มีใครเชื่อ เลยหมดหนทางพูดแล้วละ
จนวันหนึ่งได้มีการตกลงที่จะไปประชุมกันที่สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ในขณะนั้น อาจารย์ศักดา ทวิชศรี เป็นหัวหน้าของดิฉัน เราได้ตกลงกันว่า การประชุมครั้งนี้เราจะทดลองสอนตามแผนการเรียนการสอนที่เขียนขึ้นเพื่อให้ที่ประชุมดูของจริง ๆ กัน ก็เลยแบ่งเนื้อหากัน ให้ดิฉันรับหนึ่งเรื่อง ๆ “ฉลากสารเคมี” และ อาจารย์ศักดา รับสองเรื่อง
หลังจากนั้นดิฉันก็ทำการบ้าน ท่องจำเนื้อหาได้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นการเรียนการสอนจะพูดว่าอะไร จะใช้สื่อที่มีอยู่ในช่วงไหนบ้าง และจะถามเกษตรกรว่าอย่างไร…พูดง่าย ๆ คือ จำได้ทุกตัวอักษร และทำการฝึกสอนฝึกพูดคนเดียวหน้ากระจกจนแม่น
พอถึงวันประชุมจริง เรื่องที่ดิฉันรับผิดชอบต้องถ่ายทอดความรู้เป็นเรื่องแรก เราสองคนก็ไม่ได้บอกที่ประชุมหรอกว่าวันนี้เราจะทำอะไร แต่อาจารย์ศักดา บอกดิฉันว่า “ถ้าวันนี้ที่ประชุมพูดอะไรก็ให้ฟังอย่างเดียว ไม่ต้องโต้ตอบ อดทนไว้ เพราะเรากำลังเล่นบทบาทสมมติให้เขาดู” หลังจากนั้นเริ่มประชุม ดิฉันก็ทำบทบาทของตนเองโดยถ่ายทอดเนื้อหาตามแผนที่ได้เขียนไว้ซึ่งของจริงใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เชื่อมั้ยค่ะ? ดิฉันสอนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ท่านผู้เชี่ยวชาญก็ยกมือขึ้นและพูดว่า “หนูพอได้แล้ว ไม่ต้องพูดต่อ เพราะที่หนูพูดนั้นมันน่าเบื่อ เกษตรกรเขาไม่อยากฟัง เนื้อหาพูดวนไปวนมา ซ้ำซาก กลับไปกลับมา หนูเป็นวิทยากรอย่างนี้ไม่ได้หรอก ต้องพัฒนาตัวเอง…” ดิฉันนิ่งอึ้งเลย หยุดชะงักทันที และพูดว่า “หนูสอนตามแผนการเรียนการสอนที่เขียนไว้ในคู่มือค่ะ” แล้วท่านผู้เชี่ยวชาญก็พูดต่อว่า “เนื้อหาเราวกวนขนาดนี้เชียวหรือ?” อาจารย์ศักดา เลยเสริมว่า “เราทำหน้าที่สอนและถ่ายทอดเนื้อหาตามที่ท่านเขียนไว้ในคู่มือ เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นได้ดูกันจริง ๆ ถ้าไม่เชื่อก็เปิดเอกสารดังกล่าวดูได้เลยครับ” หลังจากนั้นคณะประชุมก็เปิดเนื้อหาอ่านกันอีกครั้ง แล้วหัวเราะพร้อม ๆ กัน “เออ! แผนการสอนเราเขียนไว้อย่างนี้จริง ๆ และเนื้อหาก็เป็นแบบนี้จริงด้วย” แล้วที่ประชุมก็ให้ดิฉันและอาจารย์ศักดา ถ่ายทอดเนื้อหากันจนครบทุกเรื่องราว หลังจากนั้นก็หันกลับมาวิเคราะห์และสร้างเนื้อหากันใหม่ ทุกคนก็สนุกสนานครื้นเครงค่ะ
ก็เป็นเรื่องราวครั้งแรกที่ถูกนำตัวเองเข้าไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพื่อให้ทีมงานดูเพื่อปรับแก้จุดอ่อน ซึ่งดิฉันก็ยอม เพราะเราคือ เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม มีหน้าที่สื่อสารให้บุคคลอื่นเกิดความรู้ความเข้าใจและพัฒนาตนเองและงานที่จะทำร่วมกัน โดยใช้ บทบาทสมมติที่ทำหรือแสดงให้คนอื่นดูและยอมให้เขาวิจารณ์ เพราะเป็นบทบาทที่เขาเขียนและกำหนดให้เราเล่นเองต่างหาก และ ถ้ายิ่งเราฝึกเราก็ยิ่งได้ ถ้าเรายิ่งลงมือปฏิบัติเราก็จะยิ่งเป็นนะค่ะ.
ไม่มีความเห็น