การศึกษาดูงานที่ผ่านมาได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก แม้จะต้องแลกกับความอ่อนล้าที่เกิดจากการเดินทางอันทรหดเร่งรีบ เนื่องจากมีเวลาอยู่ที่สิบสองปันนาแค่สามวัน คราวก่อนที่ผมไปได้ไปชมสวนนกยูง ไปเที่ยวหมู่บ้านชนเผ่าแต่คราวนี้ไม่ได้ไปและเดินทางกลับด้วยเรือมาตามลำน้ำโขงมาที่ท่าเรือเชียงแสน คราวนี้เดินทางด้วยรถยนต์เป็นเส้นทางและระยะเวลายาวนาน
การศึกษาดูงานในครั้งนี้กลุ่ม กป.4 (กลุ่มประกอบด้วยพี่ภพ พี่เวง พี่อึ่ง พี่สงค์ พี่นี พี่เชด พี่โย่ง พี่ต่าย พี่พ๊อพและผม) ได้สรุปความรู้ แนวคิดและประสบการณ์ที่หลากหลายทั้งจากการดูงานในเชียงราย พม่า ลาวและจีน ดังนี้
การวิเคราะห์ในประเด็นนี้ทางกลุ่ม กป. 4 ขอใช้การวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ในภาพรวมของสถานที่ที่ได้ไปศึกษาดูงานทั้ง 4 ประเทศ และสรุปเป็นแนวทางหลักในการพัฒนาของแต่ละแห่ง ดังนี้
- การบริหารและการวางแผนพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด/กลุ่มจังหวัด มีการพัฒนาในลักษณะ “จับปลาหลายมือ” ทำให้ทำเรื่องต่างๆมากเกินไป แม้จะมีสิ่งดีๆเยอะ มีโอกาสมาก แต่ต้องมีการเรียงลำดับความสำคัญเพื่อไม่ให้ทรัพยากรที่จะใช้พัฒนาที่มีอยู่จำกัดกระจายตัวเป็นโครงการเล็กโครงการน้อย จนไม่สามารถทำการลงทุนขนาดใหญ่ที่จำเป็นได้ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเรื่องเล็กๆจำนวนมากแต่อยู่ได้ไม่นาน เกิดการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน “เหมือนการจับปลาหลายตัวพร้อมๆกันก็จะจับได้แค่ปลาเล็กปลาน้อย บริโภคไม่นานก็หมด อยู่ได้ไม่นาน”
- การลงทุนชายแดนของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีลักษณะเป็นทางผ่านของสินค้ามากกว่าเนื่องจากสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดยังไม่สามารถนำเสนอได้ ตลาดแม่สายมีนักท่องเที่ยวเข้าไปจับจ่ายใช้สอยน้อยกว่าตลาดท่าขี้เหล็กของพม่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานยังทำได้ล่าช้าเนื่องจากขาดงบประมาณและการไม่สามารถตัดสินใจดำเนินการเองได้ของผู้ว่าราชการจังหวัด ในช่วงนี้เมื่อลาว พม่ายังมีเศรษฐกิจด้อยกว่าการค้าส่งจากเมืองไทยจะยังพอไปได้ แต่หากสินค้าอุปโภคบริโภคของพม่าและลาวสามารถผลิตเองได้หรือสินค้าจากจีนมีคุณภาพสูงขึ้นและติดตลาด เราก็จะเสียเปรียบเสียดุลการค้าได้
- สภาพเศรษฐกิจและการบริหารจัดการการค้าชายแดนด่านพรมแดน การค้าชายแดนระหว่างไทย-พม่ามีความไม่แน่นอนสูงจากปัญหาภายในของพม่าจึงทำให้การวางแผนพัฒนาดำเนินการได้ยาก ไม่ค่อยมีใครกล้าลงทุน ส่วนทางด้านลาวและจีน (เชียงแสน) การค้าและโดยสารผ่านทางเรือก็ยังมีปัญหาเรื่องร่องน้ำโขงที่บางช่วงบางตอนตื้นเขินจนเรื่อผ่านลำบาก ทำให้การวางแผนดำเนินการด้านนี้ลำบาก ส่วนทางด้านลาว (เชียงของ-บ่อแก้ว) ตลาดทั้งสองฝั่งมีขนาดเล็กไม่ดึงดูดใจ ทำให้คนลาวส่วนใหญ่จากหลวงพระบางนั่งรถโดยสารเข้าไปจับจ่ายใช้สอยในจีน (สิบสองปันนาและคุณหมิงมากกว่า) ทั้งๆที่ชายแดนไทยที่เชียงของใกล้กว่า แต่ตลาดมีขนาดเล็ก สินค้ามีน้อย ไม่มีแหล่งดึงดูดใจเหมือนของจีน
2. แขวงท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์
เป็นการพัฒนาในลักษณะ “ทำเท่าที่มี” คืออาศัยแค่ตลาดท่าขี้เหล็กเป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปจับจ่ายใช้สอยและคอยเก็บรายได้จากการผ่านแดนเท่านั้น ไม่มีความสนใจร่วมกันในการพัฒนาจัดการทรัพยากรน้ำ (แม่สาย) ไม่มีการวางแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่ชัดเจนทั้งๆที่ภายในตัวเมืองท่าขี้เล็กมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่และเจดีย์ชเวดากองจำลองให้เข้าไปกราบไหว้บูชาได้ ก็ให้เป็นแค่ความสมัครใจของนักท่องเที่ยวร่วมกับการเดินทางเท่าที่ทำได้จากการเหมาสามล้อหรือมอเตอร์ไซด์ ไม่มีไกด์นำเที่ยว หรือกระบวนการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งเส้นทางR3B ที่ไปเมืองเชียงตุง เมืองลาและไปสิบสองปันนาได้ก็ไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์และพัฒนาเท่าที่ควร ทั้งๆที่จะเป็นแหล่งรายได้มาพัฒนาประเทศได้ จึงเป็นลักษณะ “มีแค่ไหน ทำแค่นั้น”
3. แขวงบ่อแก้วและแขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาว
เป็นการพัฒนาในลักษณะ “ปล่อยไปตามกาล” ทั้งๆที่ในส่วนของบ่อแก้วก็มีแหล่งท่องเที่ยวและเป็นด่านชายแดนที่สามารถพัฒนาให้คนเข้าไปเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยหรือเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านได้ แต่ก็ไม่มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนเท่าที่ควรจะเป็นปล่อยให้เป็นไปตามศักยภาพของชาวบ้านกันเอง การพัฒนาตลาดการค้าชายแดนไม่ได้ทำ จึงเป็นแค่เมืองผ่านที่ไม่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวหยุดและควักกระเป๋าจับจ่ายใช้สอยได้ รวมทั้งหลวงน้ำทาก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจที่สามารถพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวได้ไม่แพ้สิบสองปันนาแต่ก็ไม่ได้รับการพัฒนา ในเส้นทางที่ผ่าจากบ่อแก้วไปหลวงน้ำทาไปสิบสองปันนาก็ไม่มีจุดจอดพักที่สามารถควักกระเป๋านักท่องเที่ยวได้ จึงได้แต่เป็นทางผ่านและแวะเข้าห้องน้ำกับทานอาหารกลางวันเท่านั้น ปล่อยให้เมืองพัฒนาตัวของมันเองไปเรื่อยๆช้าๆ “ปล่อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวเมืองมันก็โตของมันเองตามจำนวนผู้คนที่เพิ่มขึ้น”
4. เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ประเทศจีน
มีการพัฒนาในลักษณะ “รัฐออกหน้า พ่อค้าออกเงิน” โดยรัฐบาลเป็นผู้วางยุทธศาสตร์ วางแผนการพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบ มีการวางโซนนิ่ง การอนุรักษ์ การพัฒนาเมือง การพัฒนาตลาดการค้า การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว แล้วให้สัมปทานแก่ภาคเอกชนมาดำเนินการตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ ให้อำนาจการปกครองตนเองและตัดสินใจพัฒนาแก่รัฐบาลท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่ ไม่ต้องรองบประมาณจากรัฐบาลทำให้ไม่เสียเวลาระดมทุนหรือกู้เงินจากต่างประเทศมาดำเนินการ จึงเป็น “คอมมิวนิสต์ที่คิดพัฒนา” ไม่ใช่ “ประชาธิปไตยที่เน้นรูปแบบ” เหมือนของไทยเรา จีนจึงสามารถทำให้คอมมิวนิสต์ไปกับทุนนิยมได้อย่างราบรื่นเหมือนกับที่เติ้งเสี่ยวผิง เคยกล่าวไว้ว่า “ แมวจะขาวหรือดำไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้”
- การบริหารและการจัดการทรัพยากรน้ำ จีนมีการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้านต่างๆทั้งการกสิกรรม การคมนาคมขนส่ง การผลิตกระแสไฟฟ้า โดยรัฐวางแผน ออกแบบ ควบคุมแล้วให้สัมปทานแก่ภาคเอกชนมาดำเนินการโดยไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณจะรั่วไหล จีนศึกษาความเป็นมาของลุ่มน้ำโขง ปริมาณน้ำต้นน้ำที่ไหลลงแม่น้ำโขงและผลกระทบที่จะเกิดกับประเทศปลายน้ำและพบว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงในส่วนของไทย พม่า ลาว มาจากแหล่งน้ำบนภูเขาต้นน้ำในแต่ละประเทศเองมากกว่า การสร้างเขื่อนจะไม่ใช่สาเหตุขาดน้ำหรือแม่โขงแห้ง หากต้องมีการเจรจากันจริง ประเทศอื่นๆก็จะเถียงได้ยาก
- การอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นเมืองและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในส่วนนี้ค่อนข้างจะมีปัญหาในส่วนของวัฒนธรรมพื้นเมืองในสิบสองปันนา จีนอนุรักษ์ไว้เพียงเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่มากแห่ง ไม่ใช่วิถีชีวิตจริงแท้แล้ว แต่เป็นเพื่อวิถีชีวิตการค้า ทำให้เด็กรุ่นใหม่ไม่สนใจวัฒนธรรมไทยลื้อดั้งเดิม เด็กรุ่นใหม่พูดภาษาไทลื้อไม่ได้ ปรับวิถีชีวิต ภาษาความเป็นอยู่ไปแบบจีนเกือบหมด จีนมองในลักษณะ “วัฒนธรรมพื้นเมืองอะไรที่ขายได้ก็จะเก็บเอาไว้ อันไหนขายไม่ได้ก็รื้อทิ้งไป” ส่วนเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ก็ไม่ค่อยเป็นไปตามสภาพธรรมชาติเท่าไหร่ ชายฝั่งแม่น้ำถูกปรับปรุง ความหลากหลายทางพืชพันธุ์ในป่าเขาถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวนยางพาราซึ่งจะทำให้ความเป็นธรรมชาติสูญเสียไป ถนนหนทางตัดผ่านป่าเขาแบบสร้างสะพานข้ามหุบเหวและทำอุโมงค์ลอดภูเขา ซึ่งส่วนนี้ไม่แน่ใจว่ามีการประเมินสิ่งแวดล้อมก่อนสร้างหรือไม่
- การวางแผนพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว ในส่วนนี้มีความเด่นชัดมาก มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ กำหนดเส้นทางการท่องเที่ยวที่ชัดเจนบังคับ มัคคุเทศก์มีความรู้มีแรงจูงใจ มีการสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมเช่นหมู่บ้านไทลื้อมีเงินเดือนหรือรายได้ให้เพิ่มเติมจากรัฐ มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่โดยการให้สัมปทานเอกชนมาทำ เช่น สร้างถนนหนทาง สร้างวัดหลวงไทลื้อ สร้างพิพิธภัณฑ์เมือง มีการขอเช่าพื้นที่ของลาวและพม่าเพื่อสร้างศูนย์อัครมหาความบันเทิงแบบครบวงจรตามแนวชายแดนไทยซึ่งมีกำลังซื้อสูงกว่าพม่าและลาว
- การค้าชายแดนระหว่างประเทศ มีการวางแผนเป็นระบบทั้งแหล่งผลิตสินค้าและแหล่งระบายสินค้า ขยายพื้นที่เขตติดต่อกับเพื่อนบ้านทั้งไทย พม่า ลาว โดยการเช่าที่ สนับสนุนเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ พัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่ง
ความมีวิสัยทัศน์ของผู้นำจีนที่แม้จะมีเขตแดนติดต่อกับ 15 ประเทศแล้ว ก็ยังพยายามขยายอาณาเขตแดนโดยอาศัยการเช่าพื้นที่ของลาวและพม่าเพื่อเพิ่มช่องทางการติดต่อและระบายสินค้าของจีนได้มากขึ้น
ไม่มีความเห็น