วันที่ ๓๐ – ๓๑ ก.ค. ๕๓ ผมร่วมเดินทางไปสุพรรณ – อยุธยา ไปกับ Executive Learning Trip ของ สสท. เพื่อลงพื้นที่สำหรับสร้างบรรยากาศการเรียนรู้จากการสัมผัสจริงด้วยผัสสะทั้ง ๖ ของผู้บริหารของ สสท. หรือทีวีไทย ที่ต้องการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเป็นสื่อสาธารณะ ที่จริง trip นี้ ๓ วัน รวม ๑ ส.ค. ด้วย แต่ผมต้องกลับมาร่วมงานเปิดหอจดหมายเหตุพุทธทาสในวันที่ ๑ ส.ค. ผมจึงอยู่ร่วมงานของ สสท. – สคส. ได้เพียง ๒ วัน เป็น ๒ วันแห่งการเรียนรู้ เรียนรู้เรื่องสื่อสาธารณะ
นอกจากเป็นสื่อสาธารณะแล้ว สสท. ยังเกิดจากการหลอมรวม ไอทีวี เข้ามาด้วย คือเป็นสื่อธุรกิจที่ต้องปรับตัวมาเป็นสื่อสาธารณะ
เราจึงได้รับรู้ความท้าทายต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของหน่วยงานที่มีอายุ ๒ ปี ที่จะต้องตีความหาความหมายหรือคุณค่าของการเป็นสื่อสาธารณะที่จะต้องปรับตัวให้อยู่ดีและอยู่รอดในสถานการณ์ที่จะมีสถานีโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอีก จะมีการแย่งชิงพนักงานซึ่งก็มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว
สสท. มีสถานี บีบีซี ของอังกฤษเป็นแม่แบบ ที่เป็นสื่อสาธารณะที่มีคุณภาพสูง แข่งขันในวงการสื่อที่มีการแข่งขันสูงยิ่งได้เป็นอย่างดี
ผมได้รับข้อมูลยืนยันความเข้าใจเดิมว่า สื่อไทยมีจุดอ่อนที่ content อ่อนด้อยความสามารถในการสร้าง content ที่ทั้งสนุก น่าสนใจ และประเทืองปัญญา เป็นจุดอ่อนของสื่อที่เป็นธุรกิจ และที่เป็นสื่อสาธารณะ
และความเป็น “สื่อสาธารณะ” นั่นเองที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อ สสท. ท้าทายว่าจะตีความคำนี้อย่างไร จะทำให้เกิดความเข้าใจไปในทางเดียวกันทั่วทั้งองค์กรได้อย่างไร จะทำให้เข้าใจลึกถึงระดับคุณค่า และเชื่อมโยงถึงระดับปฏิบัติ ได้อย่างไร ซึ่งนี่คือการหาตัวตน ที่เมื่อผมไปทำอะไรก็ตามผมถือเป็นจุดสำคัญสูงสุด คือต้องหาตัวตนในระดับคุณค่าให้พบ และต้องพบแบบมีสิ่งที่เรียกว่า operating definition ต้องไม่ปล่อยให้อยู่ในสภาพเข้าใจรางๆ และไม่ปล่อยให้เข้าใจไม่ทั่วทั้งองค์กร
สคส. เข้าไปรับทำงานสร้างศักยภาพในการจัดการความรู้ให้แก่ สสท. เพื่อใช้พลัง KM & LO ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ในการทำงานอย่างมีคุณภาพ ขับเคลื่อนพลังของพนักงานซึ่งไม่ด้อยกว่าที่ใด ในการสร้างความเป็นเลิศของ สสท.
ผมได้เข้าใจความซับซ้อนขององค์กรสื่อ ที่มีหลากหลายฝ่าย และทำงานอย่างที่ต้องการความเร่งด่วนอยู่ตลอดเวลา จึงอยู่ในสภาพบรรยากาศฉุกละหุก ไม่มีเวลา “ลับมีด” ได้แต่ “ใช้มีดฟันไม้อยู่ตลอดเวลา”
องค์กรสื่อเป็นองค์กรที่ต้องทันสมัย ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสารกระจายเสียงและภาพ และเรื่องความรู้ความเข้าใจความรู้ (content) ใหม่ๆ แต่กลับไม่มีเวลาเพื่อการเรียนรู้แบบที่สอดแทรกอยู่กับการทำงาน น่าจะเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะสภาพเช่นนี้ จะทำให้องค์กรสื่อนั้นอ่อนด้อยด้านการพัฒนาตัวเอง และด้านการแข่งขันอย่างชัดเจน
สคส. จึงมองเห็นโอกาสใสแจ๋วแหวว ในการเข้าไปร่วมมือสร้างภาพลักษณ์ใหม่ โฉมใหม่ ที่เป็นองค์กรเรียนรู้ให้แก่ สสท.
ที่จริงกล่าวดังย่อหน้าบนนั้นผิด ที่ถูกคือ สคส. เข้าไปช่วยเป็นคุณอำนวย ให้ สสท. สร้างตนเองไปเป็นองค์กรเรียนรู้
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ก.ค. ๕๓
ไม่มีความเห็น