พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง
1.ความหมายของพรรคการเมือง (Political Party)
ตอบ ความหมายของพรรคการเมืองมีอยู่หลายประการแต่เราจะยกมาแค่ 3 ประการ
1.เป็นกลุ่มบุคคลที่มีการจัดตั้งองค์กรร่วมกัน 2.มีอุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกัน คือ สมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในแนวทางกว้างๆคล้ายๆกัน 3ป.มีวัตถุประสงค์ให้ได้มาซึ่งอำนาจมหาชน และใช้อำนาจนั้นดำเนินการหรือบริหารประเทศให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น ลักษณะประการนี้สำคัญยิ่งเพราะโดยธรรมชาติในสังคมอาจมีการรวมตัวกันของบุคคลที่มีความคิดเห็นคล้ายกันเข้าด้วยกัน หากแต่ถ้ากลุ่มดังกล่าวไม่ประสงค์จะเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ย่อมไม่ใช่พรรคการเมือง อาจเป็นสหภาพแรงงาน สมาคม หรือมูลนิธิเท่านั้น โดยสรุป ความหมายของพรรคการเมือง คือ กลุ่มบุคคลที่มีการจัดตั้งองค์กรร่วมกันโดยมีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน โดยกลุ่มดังกล่าวมีวัตถุประสงค์จะยึดกุมอำนาจรัฐ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ เข้าเป็นรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามอุดมการณ์ของตนให้สัมฤทธิ์ผล
2.องค์ประกอบของพรรคการเมือง
ตอบ องค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนเกื้อหนุนให้การดำเนินงานของพรรคการเมืองบรรลุเป้าหมายได้ ประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
1. คน ซึ่งก็คือ สมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค รวมถึงหัวหน้าพรรคและบุคลากรอันเป็นเจ้าหน้าที่ประจำพรรค
2. สถานที่และอุปกรณ์ หมายถึง ที่ทำงานทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขา ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้สำนักงาน โต๊ะ เก้าอี้ พิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ โทรศัทพ์ โทรสาร เครื่องถ่ายเอกสาร และอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้
3. การกำหนดและจัดแบ่งโครงสร้างที่สำคัญ เช่น ที่ประชุมใหญ่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สำนักงานเลขาธิการ ฝ่ายและแผนกต่าง ๆ เช่น ฝ่ายการเงิน การคลังและบัญชี ฝ่ายวิชาการและวิจัย ฝ่ายข้อมูลและสารสนเทศ ฯลฯ มีหน่วยปฏิบัติการ มีสำนักงานและกรรมการสาขาต่าง ๆ เป็นต้น
4. ความคิดความเชื่อหรืออุดมการณ์ร่วมกัน ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อบังคับพรรคและนโยบายพรรค ซึ่งโดยหลักการจะเป็นสิ่งเชื่อมประสานบุคลากรในพรรคเข้าด้วยกัน
2.1 ระบบของพรรคการเมือง
ตอบ แบ่งระบบพรรคการเมือง โดยดูจากจำนวนพรรคการเมืองได้ 4 ประเภท คือ (1) ระบบพรรคการเมืองพรรคใหญ่ 2 พรรค (2) ระบบหลายพรรค (3) ระบบพรรคเดียวผูกขาด (4) ระบบพรรคเด่นพรรคเดียว โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ระบบพรรคการเมืองพรรคใหญ่ 2 พรรค (Two-party
system) ประเทศที่มีระบบพรรคการเมืองแบบพรรคใหญ่ 2
พรรคก็เช่น ประเทศอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา
ในประเทศเหล่านี้มีพรรคการเมืองเกิน 2 พรรค แต่ ณ เวลาหนึ่ง ๆ
นั้นจะมีพรรคใหญ่ ๆ ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลอยู่เพียง 2 พรรคเท่านั้น
ความเปลี่ยนแปลงของสังคมอาจจะทำให้เกิดพรรคใหม่ขึ้นมา
และพรรคที่เคยเป็นพรรคใหญ่เคยตั้งรัฐบาลมาก่อนอาจจะกลายเป็นพรรคเล็ก ๆ
แต่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก
2.ระบบหลายพรรค (Multi-Party System)
ประเทศที่มีระบบหลายพรรค ก็เช่น อิตาลี สวิส นอร์เวย์ สวิเดน
ประเทศที่กล่าวมานี้จะมีพรรคการเมืองหลายพรรค
ไม่มีพรรคใหญ่ที่มักจะได้ควบคุมอำนาจทางการเมืองเพียง 2
พรรคดังที่เป็นอยู่ในอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา
จึงต้องมีรัฐบาลที่เรียกว่า รัฐบาลผสม (Coalition Government)
เวลามีการเลือกสมาชิกรัฐสภาจะไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากเกินครึ่ง
รัฐบาลซึ่งเป็นรัฐบาลผสมมักจะอยู่ในตำแหน่งไม่นาน
ตัวอย่างก็เช่นประเทศอิตาลี ซึ่งรัฐบาลจะอยู่ในอำนาจโดยเฉลี่ยไม่ถึง 1
ปี แต่ละการเลือกตั้งจะไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก
3.ระบบพรรคเดียวผูกขาด (One-Party Monopoly
System)
ประเทศที่มีระบบพรรคเดียวผูกขาดที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือ
ประเทศที่ใช้ระบบคอมมิวนิสต์ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน คิวบา
เกาหลีเหนือ เป็นต้น ในประเทศเหล่านี้
พรรคคอมมิวนิสต์ผูกขาดอำนาจทางการเมือง
การเลือกตั้งอาจจะมีแต่พรรคคอมมิวนิสต์
จะเป็นพรรคเดียวที่ส่งผู้สมัครเข้าแข่งขัน
4.ระบบพรรคเด่นพรรคเดียว (One-Party Dominate
System)
ประเทศที่มีระบบพรรคการเมืองแบบพรรคเด่นพรรคเดียว
จะต่างจากแบบพรรคเดียวผูกขาดเพราะในระบบพรรคเด่นพรรคเดียวจะมีพรรคการเมืองหลายพรรค
แต่มีพรรคใหญ่มากอยู่พรรคเดียว
พรรคนี้จะได้เสียงเกินครึ่งจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ทำให้พรรคเดียวได้ครองเสียงข้างมากในสภาตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา
เช่น ประเทศสิงคโปร์ซึ่งก็คือพรรคมีเพิลแอคชั่น (People Action Party
หรือ PAP) พรรค PAP
ของสิงคโปร์เป็นพรรคที่ครองอำนาจการเมืองในสิงคโปร์มาตลอดทั้งแต่เป็นเอกราชจากอักฤษ
เมื่อปี ค.ศ.1959 ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง พรรค PAP
ซึ่งหัวหน้าพรรคคนแรก คือ นายลีกวนยู จะชนะได้ที่นั่งเกือบจะทั้งหมด
อย่างเช่นการเลือกตั้งในปี ค.ศ.1988 พรรค PAP ได้ที่นั่ง 80
ที่นั่งจากที่นั่งทั้งหมด 81 ที่นั่ง
2.2บทบาทและหน้าที่ของพรรคการเมือง
ตอบ พรรคการเมืองมีบทบาทและหน้าที่ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
1) วางนโยบายในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
และแถลงนโยบายเหล่านั้นให้ประชนรับทราบ
เพื่อจะได้พิจารณาว่าควรจะสนับสนุนพรรคการเมืองนั้นๆหรือไม่
นโยบายของพรรคดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนหรือไม่
2)
พิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค
ในระดับชาติและท้องถิ่น หรือ ในกรณีที่ได้เข้าไปเป็นรัฐบาล
พรรคก็จะทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ทางการเมืองในคณะรัฐบาล
3) ดำเนินการหาเสียงเลือกตั้ง
โดยพยายามเข้าถึงประชาชน รับฟังความคิดของกลุ่มต่างๆในสังคม
และทำการประสานประโยชน์กับกลุ่มต่างๆเหล่านั้น
เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนมากที่สุด
4) นำนโยบายของพรรคที่ได้แถลงต่อประชาชน
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ประชาชนสนับสนุนพรรคด้วยการเลือกตัวแทนที่มาจากพรรคของตนไปนั่งในรัฐสภา
5)
ให้การศึกษาและอบรมความรู้ทางการเมืองให้กับประชาชนโดยทั่วไปและสมาชิกพรรค
ด้วยการให้ข้อมูลกับประชาชนเพื่อให้มีความรู้ทางการเมือง
6) หน้าที่ในการควบคุมการทำงานของรัฐบาล
เพราะว่านโยบายต่างๆของรัฐบาลก็ต้องคอยตรวจสอบดูว่า
รัฐบาลได้ดำเนินงานตามนโยบายที่แถลงไว้หรือไม่
ซึ่งเราจะเห็นไดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ลักษณะดังกล่าวเป็นการควบคุมนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงการไว้กับรัฐสภา
ในประเทศประชาธิปไตยที่มีพรรคการเมืองใหญ่ๆ
และมีระบบพรรคการเมืองที่มั่นคง
ประชาชนมักจะนิยมเลือกผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมืองมากกว่าผู้สมัครอิสระ
ทั้งนี้เพราะ
1) พรรคการเมืองมีนโยบายที่แน่นอน
และต้องผ่านการพิจาณาอย่างรอบคอบแล้ว
2) พรรคการเมืองสามารถบริหารประเทศได้ดีกว่า
เพราะมีกำลังคนและความพร้อมมากกว่า
3) พรรคการเมืองสามารถควบคุมความประพฤติของสมาชิกพรรคได้
ผิดกับผู้สมัครอิสระที่ไม่มีใครควบคุมได้
4) พรรคการเมืองประกอบด้วยสมาชิกจำนวนมาก
จึงสามารถรู้ความต้องการของประชาชนได้ดีกว่า
และการทำงานก็ไม่ผิดพลาดมาก
เนื่องจากผ่านการพิจารณาของคนหมู่มากแล้ว
พรรคการเมืองมีประโยชน์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาก
เพราะปัญหาของประเทศในปัจจุบันเป็นปัญหาใหญ่
และมีความยุ่งยากเกินกว่าที่คนคนเดียวจะแก้ไขทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม
พรรคการเมืองที่ดีจะต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ
คำนึงถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชนโดยส่วนใหญ่
3.พรรคการเมืองไทย
ตอบ เป็นสถาบันการเมืองที่มีความสำคัญต่อกระบวนการทางเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการดำเนินการทางการเมืองหลายประการ นับตั้งแต่การกำหนดนโยบายของพรรค การคัดสรรผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อไปเป็นตัวแทนของประชาชน การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาบริหารประเทศ การเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ยังเผยแพร่อุดมการณ์และนโยบายของพรรค พร้อมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจทางการเมืองให้แก่ประชาชน และในปัจจุบันพรรคการเมืองได้มีการปรับบทบาทเพื่อให้ใกล้ชิดกับประชาชน และเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองมากขึ้น ทั้งนี้เพราะพรรคการเมืองเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้การปกครองประเทศดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้ มีบางกลุ่มจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา เพื่อแสวงหาประโยชน์จากกองทุนพัฒนาการเมือง ดีที่ต่อมาได้มีแก้ไขกฎเกณฑ์ป้องกันจนผ่านปัญหานี้ไปได้