ผนึกพลัง“ท้องถิ่นไทยสู่สากล” ก้าวพ้นข้อจำกัด กระทรวงต่างประเทศหนุนเชื่อมองค์กรสากล
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2553 มูลนิธิการพัฒนาพื้นฐาน ร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ จัดประชุมปฎิบัติการองค์กรปกครองท้องถิ่น และสมัชชาชุมชน กทม. รวม 57 องค์กร ที่ห้อง นราธิป กระทรวงการต่างประเทศ
ช่วงเช้า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบรรยายสถานการณ์สากล ชี้ว่าประเทศไทยเผชิญปัญหาวิกฤตสากล (Global Challenges) ถูกต่างประเทศเฝ้ามองเรื่อง ยาเสพติด อาชญากรรม การละเมิดสิทธิมนุษยชน ฯลฯ อุปสรรค คือ ระบบการเมืองและความบกพร่องของรัฐส่วนกลาง กระทรวงการต่างประเทศจะร่วมมือกับชุมชนและองค์กรปกครองท้องถิ่นแก้ปัญหาที่ต้นทาง
Mr.Young Hoon Ahn ผู้เชี่ยวชาญเกาหลี สรุปว่าประเทศเกาหลีก้าวหน้าเพราะเอาจริงกับการปรามทุจริต และหน่วยงานรัฐโปร่งใส รัฐบาลส่งเสริมชุมชน และท้องถิ่น ดร.Rainer Adam จากเยอรมันนี สรุปว่า ประเทศเยอรมันกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาประชาธิปไตย มีประสบการณ์แก้ปัญหาชุมนุมของประชาชน ภาคประชาชนมีบทบาทมากขึ้นในแนวทาง Civic Participation เยอรมันนีกำลังมุ่งมั่นสร้างสำนึกพลเมืองให้คนรุ่นใหม่
ส่วนประเทศฝรั่งเศส ที่ประเทศไทยใช้เป็นรูปแบบการปกครอง Ms,Pauline และ Ms. Margat รายงานว่า ปรัชญาการปกครองของฝรั่งเศสคือ “ เป็นรัฐที่มีความเป็นเอกภาพ ด้วยแนวทางกระจายอำนาจ” ประเทศฝรั่งเศสคล้ายกับไทยทั้งลักษณะภูมิศาสตร์และจำนวนประชากร มีความก้าวหน้ากระจายอำนาจ ส่งเสริมท้องถิ่นขนาดเล็กให้มีบทบาท และกำลังปฎิรูปกระจายอำนาจระรอกสอง
ผู้แทนองค์กรที่เข้าประชุมรายงานสถานการณ์ท้องถิ่น พบอุปสรรคร่วม คือ รัฐบาลกลางประเทศไทยยังไม่ส่งเสริมกระจายอำนาจ ถูกส่วนกลางบีบรัดด้วยงบประมาณ ระเบียบคำสั่ง งานหลายอย่างที่กำหนดให้กระจายอำนาจถูกดึงกลับ องค์กรปกครองท้องถิ่นหลายแห่งสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นได้ดีเป็นแบบอย่าง แต่ตัวอย่างที่ดียังไม่ได้รับการเผยแพร่ก่อผลสะเทือน
สมัชชาสภาองค์กรชุมชน กทม.แจ้งว่า ได้ร่วมกับสำนักงานปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ประกาศจัดตั้งอาสาสมัคร 5,000 คน ต้านทุจริตใน กทม. โดยจะถวายเป็นสักการะในโอกาสวัน 5 ธันวาคม ปีนี้
ที่ประชุมมีแนวความคิดตรงกันว่า เพื่อก้าวพ้นข้อจำกัด จะมุ่งการพัฒนาท้องถิ่นในบริบทสากล กำหนด 6 ประเด็นยุทธศาสตร์ 6 เรื่อง ได้แก่ 1) การลดแย้งทางการเมือง 2) ความปลอดภัยจากอาชญากรรรมและยาเสพติด 3) ลดการทุจริตจากภาครัฐและเอกชน 4) ป้องกันการสุ่มเสียงจากการผลิตภาคเกษตร 5) การสร้างความสมดุลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6) การฟื้นฟูรักษาวัฒนธรรมอันดีงามและประเพณีท้องถิ่น
องค์กรที่เข้าประชุมจะประสานงานกับ “เครือข่ายท้องถิ่นไทย” เพื่อเป็นเครือข่ายเรียนรู้ พัฒนาท้องถิ่นตนเองให้เป็นตัวอย่างแห่ง ความโปร่งใส บริการเป็นเลิศ สร้างความสุขแก่ประชาชน และ ร่วมเป็นพลังปฎิรูปประเทศไทย
สวัสดีครับ
ขอสนับสนุนด้วยคนครับ
อาสาสมัครต้านทุจริตนั้น ควรมีทั้งประเทศและควรมีอาสาสมัครในด้านอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะเรื่องคุณธรรมและจิตใจซึ่งเป็นต้นทางของทุจริตต่างๆ ของมนุษย์
เห็นด้วยค่ะ สาธุขอให้สำเร็จผล
ขอร่วมสนับสนุนด้วยครับ ควรจะทำให้เป็นกระบวนการเรียนรู้ ทำไประยะหนึ่งแล้วก็นำมาเรียนรู้ทบทวนแล้ววางแผนใหม่สักระยะละ ๓-๕ ปี หมุนเวียนและยกระดับไปเรื่อยๆกระทั่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องมีอยู่ในระบบบริหารจัดการความเป็นชุมชน ทั้งในชุมชนเมืองอย่างกรุงเทพมหานครและในชุมชนของเมืองในภูมิภาค-ท้องถิ่นต่างๆซึ่งมีความแตกต่างกัน
สำหรับภาพรวมแล้ว น่าจะเพิ่มประเด็นยุทธศาสตร์ทางด้าน การพัฒนาการศึกษาเรียนรู้เพื่อสร้างสุขภาวะชุมชนท้องถิ่น : มาตรการเชิงยุทธศาสตร์ ครอบคลุม... การพัฒนาการเรียนรู้ท้องถิ่น การสร้างความรู้และเรียนรู้ชุมชน การพัฒนาเวทีเรียนรู้และกิจกรรมการแสดงออกในความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้บูรณาการของครอบครัว ชุมชน กลุ่มประชาคม การพัฒนาองค์กรชุมชนและแหล่งสาธารณะ การพัฒนาพิพิธภัณฑ์และแหล่งจัดแสดงเอนกประสงค์เพื่อการศึกษาเรียนรู้และสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรม การพัฒนาแหล่งแสดงผลิตภัณฑ์และสินค้าทางศิลปหัตกรรมของชุมชน ระบบข้อมูลข่าวสาร สื่อและการสื่อสารเรียนรู้
ในส่วนของ กทม.นั้น ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๕ น่าจะครอบคลุมไปถึง....การสร้างความสมดุลธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แม่น้ำคูคลอง และกิจกรรมสร้างสรรค์ในสวนสาธารณะของท้องถิ่น ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๖...การฟื้นฟูรักษาวัฒนธรรมอันดีงามและประเพณีท้องถิ่น....น่าจะเพิ่มเป็น.... การฟื้นฟูและส่งเสริมวิถีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามและภูมิปัญญาสร้างสรรค์ทางศิลปะในศาสนสถานและในภาคเอกชน และควรจะเพิ่ม ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๗ ...การฟื้นฟูส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กของท้องถิ่นและการท่องเที่ยวชมศิลปหัตถกรรม เรียนรู้เรื่องราวชุมชนและย่านเมืองเก่า ซึ่งในกรุงเทพมหานครมีอยู่อย่างมากมายแทบจะทุกชุมชน
ร่วมต่อความคิดน่ะครับ