ขอบคุณมากนะค่ะ ครูหยุยสำหรับคำแนะนำที่ดี
หนูก็ทำเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ
หากมีโอกาสก็อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็ก ๆ เช่นกันนะค่ะ
เรียนคุณครูที่ผมเคารพ
เรื่องทีครูเสนอมานี้ ผมว่าเป็นปัญหาที่หนักมากๆ จริงๆ เป็นปัญหาที่มาพร้อมกับความเจริญทางเทคโนโลยี แต่เป็นปัญหาของคนที่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน (เทคโนโลยีที่เหมาะสม) ยิ่งเจริญมาก มนุษย์กลับยิ่งเสือมทรามลงมาก ดูตัวอย่างสังคมในอเมริกา ที่มีความเจริญระดับผู้นำของโลก แต่กลับมีสถิติ การทำแท้งสูงอันดับต้นๆของโลกเช่นกัน (จะว่าเป็นที่หนึ่งก็คงไม่ผิดนัก) ประเทศไทยของเรากำลังวิ่งตามก้นอเมริกาไปติดๆ ปัญหาสำคัญมาจากจุดเริ่มต้นที่ครอบครัว (ครอบครัวอีกแล้ว) ถึงรัฐจะเข้มงวด จับกุม ห้ามปรามเท่าใด ผมคิดว่าปัญหาคงไม่ลดลง ครูและนักมนุษยวิทยาทั้งหลายจึงต้องเหน็ดเหนื่อยกันอย่างนี้ไปตลอด (ใช้งานครูหนักมากจัง) ผมยังคงหวังว่า การเยียวยาสังคมจึงจำเป็นมาก เพราะสังคมป่วยไข้ คนไทยจึงมีแต่ความทุกข์ ยาดีที่สุดคือ หลักธรรมในการดำเนินชีวิต จะเป็นยาดีที่รักษาแล้วหายขาด ปัญหามีจึงมีอยู่ว่า จะทำอย่างไรให้คนไทย (ที่ป่วยไข้ทางสังคม) ยอมที่จะกินยาดีนี้ แม้จะเป็นยาขมสำหรับหลายๆ คน ก็ต้องให้กินให้ได้ (หรืออาจต้องใช้การฉีดเข้าเส้น : การรณรงค์ในหลักธรรมอย่างจริงจัง) หากสังคมของคนไทยส่วนใหญ่ยึดถือหลักธรรม (อย่างแท้จริง) ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามจำนวนน้อยก็จะคล้อยตามเข้ามาเอง แต่ในความเป็นจริง คนไทยส่วนใหญ่ละเลยกินยาดีนี้ หันไปกินยาฝรั่ง กินจนจะกลายเป็นบ้ากันไปหมด สรุปว่า การรณรงค์ให้คนไทยมาใส่ใจใน หลักธรรมของพระพุทธศาสนา เป็นความจำเป็นอันดับแรก อย่าเพียงเป็นชาวพุทธเฉพาะรูปแบบ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในบ้านเมือง มีงานเกี่ยวกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จัดงานใหญ่โต หมดเงินหมดทองมหาศาล กราบไหว้ เวียนเทียนกันอย่างมโหฬาร แต่ในที่สุดก็โกงบ้านโกงเมืองกันสนั่นแตก ดูในสภาซิครับ จะมีตัวอย่างของชาวพุทธแท้สักกี่คน ใช้ปิยะวาจา ให้เด็กๆ ดูกัน อย่างน่าอายที่สุด แล้วอย่างนี้สังคมไทยจะหายป่วยไข้ได้อย่างไรกัน เพราะผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยังไม่ยอมที่จะกินยาดีกันเลย ต้องรอให้สังคมไทยเป็นมะเร็งในที่สุดนั่นแหละ จะได้เผากันเสียที เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้
ด้วยความปรารถนาดีในธรรม
นายรักษ์ ปริกทอง
กลุ่มธรรมรักษ์
ปล. ผมอาจแสดงความคิดเห็นที่แรงไปบ้าง ต้องขอประทานอภัย แต่สิ่งนี้ก็คือความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ผมอยากเห็นคนไทยใส่ใจในหลักธรรม ปัญหาต่างๆ มากมาย ก็จะผ่อนคลายไปในที่สุดครับ
ในปัจุบันยิ่งรณรงค์
เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ยิ่งเพิ่มค่ะ
ไม่เข้าใจเลย
ทำไมเป็นแบบนั้น
สวัสดีค่ะ
พูดประเด็นนี้ทีไร สงสารพ่อแม่ที่สุดๆ
อันที่จริง มันเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุมาโยงใยต่อกัน จะปัดความรับผิดชอบให้ใครไม่ได้ ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกันซิ
แต่ๆๆๆถึงทุกคนจะร่วมมือกันอย่างไร ถ้าเค้าคนนั้นยังทำ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร พูดเรื่องนี้แล้วหนูเครียดจัง จบดีกว่า
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณครับสินาภรณ์ที่มาเยี่ยมเยียน ผมก็ทราบว่าได้ทำอยู่แล้วเช่นกัน ที่พูดไปนั้นก็เพราะเห็นด้วยกับแนวทางที่เสนอมานั่นเอง
อ.รักษ์ไม่ได้พูดไปแรงไปหรอกครับ แต่พูดได้ตรงและชี้เป้าชัดว่าไทยเรามีนักการเมืองที่แย่และเห็นแก่ตัวมากเกินไป ส่วนประเด็นศีลธรรมนั้นเป็นหลักสำคัญของทุกเรื่องครับ นำเยาวชนใกล้ธรรมะมากเท่าไหร่สารพัดปัญหาคลี่คลายลงเพียงนั้นครับ เห็นด้วย
คุณเสาะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีอยู่แล้วครับ เป็นเช่นนั้นเลย และผมต้องขอแสดงความยินดีที่มีลูกเก่งมากๆ นะครับ ดีครับจะได้เป็นกำลังของประเทศชาติต่อไป
หนูเสาวลักษณ์ รณรงค์เป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องเท่านั้น ต้องทำเรื่องอื่นควบคู่ไปด้วยครับ จึงจะมีหนทางที่ดีเกิดขึ้นได้
หนูศิวพรพูดได้ดีจัง ถ้าทุกคนทุกฝ่ายร่วมกัน ปัญหาลดลงครึ่งหนึ่งทันทีครับ ส่วนถ้าเราทำกันเต็มที่แล้ว วัยรุ่นยังไปมีปัญหาอีก ก็ต้องทำใจครับ
kumfun เทียบเคียงกับสมัยก่อนได้ดี ใช่ครับสมัยก่อนออกเรือนก็อายุยังน้อย ไม่เป็นปัญหาเพราะบริบทสังคมไม่เหมือนกันครับ สมัยก่อนนั้นอยู่ในสายตา อยู่ในครัวเรือน ร่วมกันดูแลและสังคมก็แคบ สมัยนี้เข้าหลักตัวใครตัวมัน กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็แย่แล้ว วัยรุ่นหญิงน่าสงสารเพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ชายจะหายไป ทุกข์และความว้าวุ่นตกมาให้หญิงแก้ปัญหาฝ่ายเดียว ทางออกเลยตีบตัน
ใบบุญครับ ในศาลเยาวชนนั้นเป็นคดีความที่เยาวชนไปละเมิดเยาวชน ผนวกกับเยาวชนไปมีเพศสัมพันธ์แบบสมัครใจกันเอง ปัญหาหนักมาก ใช่ครับต้องร่วมด้วยช่วยกัน หน่วยเล็กสุดคือครอบครัวเป็นฐานสำคัญครับทั้งด้านการป้องกัน แก้ไขและเยียวยาครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านเลยครับ ผมชื่นใจจริงๆ ที่ทุกคนห่วงใยปัญหานี้ ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาสักเพียงใด แม้จะต้องสู้กับความถูกต้องจนเหลือคนสุดท้าย ผมเชื่อว่าทุกๆท่าน คงไม่ต้องการอยู่ด้วยการให้สิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงมาครอบงำอย่าแน่แท้ ตรงกับคำว่า แผ่นดินไทยไม่มีวันหมดสิ้นคนดีๆ (แม้ว่าแผ่นดินไทยจะมีคนชั่ว คนไม่ดีอยู่มากมาย) เพราะเมื่อวันใดที่เรายอมแพ้ วันใดที่เราหมดหวัง วันนั้นก็จะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดนั่นเองแหละครับ
ด้วยความปรารถนาดีในธรรม
กลุ่มธรรมรักษ์
สวัสดีค่ะ คุณครู
ส่วนตัวหนูเชื่อในความตั้งใจดีและเชื่อในความเป็นมนุษย์ เชื่อว่าสามัญสำนึกของเรา ต้องแยกได้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด
ในระดับมากน้อยแตกต่างกันไป (positive thinking มากไปไหมคะ )
แต่ด้วยความเป็นสังคมที่มีหลายร้อยปัจจัยส่งผลให้ ความยั้งคิดผิดชอบชั่วดี ไม่ทำงานหรือทำงานได้ไม่ดี
ตั้งข้อสังเกตว่า ในประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายเอาจริง เด็ดขาด สามารถแก้ปัญหาได้จริงและยังสร้างระเบียบสังคมได้ในระยะยาว
ก็ในเมื่อสังคมไม่สามารถดำรงอยู่ได้โดยปกติสุข อยากให้ความศักดิ์สิทธิ์ของกฏหมาย ช่วยชี้กรอบของสังคมค่ะ
สวัสดีค่ะ ครูหยุย
น่าเป็นห่วงอนาคตของเด็กวัยรู่นน่ะค่ะ กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงจนเติบโตขึ้นมาได้
ช่วงวัยรุ่นนี่ล่ะค่ะหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าเลยจากนี้แล้วมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็น่าจะห่วง
น้อยลง ครูยุก็สอนอยู่กับเด็กวัยรุ่นค่ะ เป็นเด็กลูกครึ่งที่เรียบร้อย ภูมิใจแทน
พ่อแม่เด็กน่ะค่ะ โดยเฉพาะเด็กจะเรียบร้อยแบบไทยเราด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
อ.รักษ์ครับ แผ่นดินไม่สิ้นคนดี เราไม่ยอมแพ้ความชั่วร้าย ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ
หนูรัชดาภรณ์ ใช้หลักการคิดทางบวกเป็นหลัก ตามความคิดของผม ผมคิดว่าถูกครับ และการบังคับใช้กฎหมายหากทำจริงจังดังว่า ปัญหาลดลงได้มากจริงๆ
สิ่งที่ครูยุกล่าวมา "วัยรุ่นอยู่ในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ" จริงครับ ถ้าดูแลและส่งเสริมกันดีๆ เขาจะเลี้ยวไปในทางที่ดี และจะต่อเติมสิ่งที่ดีๆ ขึ้นในศักยภาพของเขา
สวัสดีค่ะ
เป็นกรรมของสังคมนะคะที่ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมจะผลักดันให้ปัญหานี้เกิดได้ง่ายขึ้น
หลายๆสิ่งรอบๆตัวจริงๆค่ะ
อยากให้รัฐบาลสนใจเรื่องการเผยแพร่และการปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา ให้จริงจังมากกว่านี้จังค่ะ เพราะหลักธรรมในศาสนาไม่ได้เป็นเพียงหลักยึดของจิตเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการฝึกการคิด สร้างกระบวนการคิดที่ถูกทาง (เช่นการคิดแบบโยนิโสมนสิการ เป็นต้น)
เมื่อเราคิดบ่อยๆขึ้น ปัญญาก็น่าเพิ่มพูน จนเห็นโลกตามที่ควรเป็นมากขึ้นนะคะ
ปัญหาอาจค่อยๆลดลง
มีลีลาวดีมาฝากค่ะ
ลีลาวดีงามหวานอ่อนโยนมากครับ เห็นแล้วจิตใจผ่อนคลาย ธรรมเป็นหลักชีวิตจริงๆ ครับ เพียงแต่เราสนับสนุนเยาวชนให้ใกล้หลักธรรมน้อยมาก (ไม่ใช่ น้อยไปหน่อย) ที่คุณณัฐรดากล่าวมานั้น จริงครับ ต้องฝึกกระบวนการคิดที่ถูก ปัญญารู้เท่าทันจะเกิด
สวัสดีค่ะครู
ปัจจุบันนี้มีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการท้องในวัยรุ่นคือ ดื่มสุรา ติดยาเสพติด ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งเป็นปัจจัยที่แก้ไขได้ยาก ปัจจัยหนึ่งซึ่งน่าจะแก้ไขได้ เป็นปัจจัยที่ทำให้ท้องวัยทีนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ ค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น เราต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เป็นหน้าที่ ที่เราที่จะต้องช่วยกันอบรมสั่งสอน สอดส่องดูแลความประพฤติของวัยรุ่น ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งผู้ปกครอง สถานศึกษา ตำรวจ ฯลฯ เมื่อพบความเสี่ยง สังคมต้องมีส่วนรับผิดชอบ เช่น ลดการยั่วยุทางกามารมณ์ ไม่ว่าในสถานบันเทิง การขายสุรา การมั่วสุมในที่ต่างๆ ฯลฯ รัฐบาลต้องถือว่าการลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นนโยบายสำคัญ มีกลยุทธ์ มีการสนับสนุนองค์กรที่เกี่ยวข้อง และมีการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมค่ะครู....
สวัสคีค่ะครูหยุย
เริ่มจากครอบครัวก่อนอื่นเลยค่ะ สภาพครอบครัว การดูแลเอาใจใส่ - เราจะช่วยเหลือครอบครัวที่มีปํญหาอย่างไร แล้วก็มาที่โรงเรียนค่ะ -จะสอนอย่างไร ครูเป็นแบบอย่างที่ดีไหม และชุมชน - องค์กรท้องถิ่น ทำอะไรบ้าง ให้ความสำคัญกับปัญหานี้มากน้อย จริงจังแค่ไหน ในสายตาครูบ้านนอกอย่างเรา มองไปก็เห็นปัญหาในทุก ๆ ส่วนที่กล่าวมานั้นเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก การให้ความสำคัญและร่วมมือกันอย่างจริงจังของทุกส่วนจึงจำเป็นมาก ยังไงเราก็อยากเรียกร้องผู้ใหญ่ในทุกส่วนให้เป็นแบบอย่างที่ดี อันนี้สำคัญและจำเป็นมาก เราเห็นการกดขี่ผู้หญิงอยู่ทุกวันในทุกที่ ทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียนและในองค์กรชุมชนด้วยคำพูด การมอง การกระทำฯลฯที่ผู้ใหญ่ทำให้เด็กเห็น ในขณะที่ปากก็พูดถึงการแก้ปัญหารู้สึกสะท้อนใจมาก แต่ก็ดีใจมากที่ได้เห็นความพยายามอย่างจริงจังและจริงใจจากหลายฝ่าย นี่เราก็กำลังเข้าร่วมอบรมเรื่องเดียวกันนี้กับองค์กรแพลนฯ อยู่ค่ะ
สวัสดีค่ะคณุ
เนื้อหาของครูดีทากเลยนะค่ะ
เป็นคำเตือนใจของเด็กวัยรุ่นที่ดีมากเลยค่ะ
สวัสดีค่ะครูหยุย
ถึงหนูไม่ได้เรียนด้านพยาบาลเเต่เมื่อได้อ่านเนื้อหาที่หน้าสนใจของครูทำให้ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ
ลืมบอกค่ะว่าหนูเรียนสายครู
""ขอบคุณค่ะสำหรับเนื้อหาสาระหน้ารู้จากบทความของครูค่ะ'''
สวัสดีค่ะครูหยุย
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนนะคะ เพราะยิ่งนานวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นคะ
วันนั้นดิฉันได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่ง พูดเรื่องการออกกฏหมายเกี่ยวกับนักเรียนที่ตั้งครรภ์ว่า ให้นักเรียนสามารถพักการเรียนได้
แต่ในกฏไม่ได้พูดถึงคนที่จะต้องมารับผิดชอบเลย นั้นก็คือ พ่อของเด็ก กลายเป็นว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องมารับผิดชอบแค่คน
เดียว
เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเลยน่ะค่ะที่ประเทศไทยของเราต้องมาเจอกับปัญหาเหล่านี้
............ดิฉันคิดว่าเด็กไทยในสมัยนี้คงจะมีความคิดหรือลอกเลียนเเบบจากคนอื่น ที่เเรงไปกว่านั้นคือในสมัยนี้สื่อต่างๆก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เด็กหลงในวัตถุภายนอก..........................
ดังนั้นเราควรแก้ที่ต้นเหตุก่อนซิคะ............เช่น สื่อลามกต่างๆๆๆๆๆ เป็นต้น
สวัสดีค่ะ ครูหยุย
ไม่ได้เข้ามาทักทายนานก็ไม่ว่ากันน่ะค่ะ
ไม่ค่อยว่างเลยค่ะ
วันนี้วันเกิดหนูค่ะ ^^
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
คุณมาตายีครับ ขออภัยนะครับที่บันทึกตอบช้าไป เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดครับ เห็นด้วยกับข้อเสนอในเรื่องการมีส่วนร่วมสอดส่องดูแลสิ่งที่สร้างปัญหาต่อเยาวชน แล้วแจ้งต่อส่วนดูแลให้จัดการ ส่วนระดับนโยบายนั้น เท่าที่ติดตามมาโดยตลอดนั้น เห็นท่านนายกฯปรารภเรื่องนี้กับ รมต.พัฒนาสังคมฯบ่อยครั้งให้เร่งดำเนินการอยู่
ครูหลิวครับ การเริ่มจากครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ท้องถิ่น ไปพร้อมๆ กันนั้น เป็นสิ่งจำเป็นมากครับ และคงต้องพยายามเร่งดำเนินการกันอย่างจริงจังต่อไป
หนูมยุรี เป็นนักศึกษาวัยยังไม่ห่างจากวัยรุ่นเลย วัยรุ่นช่วยกันพูดคุยกับวัยรุ่นกันเองนั้น น่าจะเป็นกลไกลวิธีหนึ่งที่มีส่วนช่วยป้อกงกันเรื่องนี้ได้มากเลยครับ
หนูอุมารังสี การเรียนครูเป็นศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่ช่วยให้คนเติบตนเป็นคนดี ช่วยได้มากครับในการดูแลอนุชนรุ่นหลังให้เติบโตขึ้นมาแทนคนรุ่นเก่า
กรณีที่คุณนันทนายกมาเรื่องกฎหมายเด็กท้องเรียนได้นั้น พร้อมยกเรื่องผู้ชายที่ไม่ได้นำมาผูกโยงให้รับผิดชอบด้วย ประเด็นนี้สำคัญมากครับ หลักสูตรหนึ่งที่กำลังผลักดันอยู่คือ ความรับผิดชอบทางเพศสำหรับหญิงชายครับ ต้องเร่งไปคู่กันด้วย
อาภาพรครับ เรื่องสื่อลามกเป็นเรื่องใกล้ตัว หาเสพง่าย กฎหมายก็มีจัดการอยู่ครับ แต่ไม่ตรวจจับกันอย่างจริงจังต่อเนื่อง หากเอาจริงปัญหาก็น้อยลงได้ส่วนหนึ่ง
หนูเหนือกาลเวลา ครูดีใจที่กลับจากต่างจังหวัดมาทันวันคล้ายวันเกิดหนูพอดี ขอให้หนูแข็งแรง ก้าวหน้าในการศึกษาเล่าเรียนและมีความสุขมากๆ นะครับ
มองได้หลายมุม การช่วยเหลือให้โอกาสเด็กเรียนขณะตั้งครรภ์ได้ก็ดีเหมือนกัน
แต่เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และต้องเตรียมความพร้อมหลายอย่างที่โรงเรียน
ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาด้านจิตใจอีก หรืออาจเป็นค่านิยมใหม่ไปเลยก็ได้
จะให้ดีควรแก้ที่ต้นเหตุ อาจต้องใช้กฏหมายบังคับใช้จริงจัง ทั้งเรื่องสุรายาเสพติด
หาซื้อได้ง่ายเหมือนซื้อขนม ผู้ปกครองก็ต้องสอดส่องลูกหลานตัวเอง ต้องช่วยกัน
แบบเครือข่าย ไปทำรายงาน งานกลุ่ม ส่งอาจารย์ ก็เป็นข้ออ้างของเด็กที่จะออกนอกบ้าน ไปรวมกลุ่มกัน บ้านเพื่อนที่ไปไว้ใจได้ไหม? ก็ต้องดูด้วย ถ้าพูดที่นี้คงไม่หมด พอแค่นี้ก่อนละค่ะครูหยุย
ที่ Jan พูดมานั้น ใช่เลย เป็นเรื่องปลายเหตุ การป้องกันนั้นต้องทำไปพร้อมๆ กันทุกส่วน อาจจะเห็นผลช้าบ้าง แต่ค้องทำเพื่ออนาคตในคนรุ่นต่อไป