ครม.อนุมัติคลังกู้ 6 หมื่นล. "ไทยเข้มแข็ง"


ครม.ไฟเขียวคลังกู้เงินจากแบงก์ 6 หมื่นล้านบาท ลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง กำหนดดอกเบี้ยอัตราต่ำสุดของเงินฝากประจำ 6 เดือน กำชับกู้เงินแล้วต้องเบิกจ่ายให้เสร็จภายใน 5 เดือน นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (10 ส.ค.) มีมติอนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขให้กระทรวงการคลังกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 สำหรับไตรมาสที่ 4/2553 วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท ด้วยวิธีการทำสัญญากู้เงินกับธนาคารพาณิชย์ ที่ประกอบกิจการในไทย หรือสถาบันการเงินของรัฐ โดยมีระยะเวลากู้เงินไม่เกิน 4 ปี และมีระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใน 5 เดือน นับแต่วันที่กู้เงิน พร้อมกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นอัตราต่ำสุด
ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารใหญ่ ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้กระทรวงการคลังเจรจาต่อไป

สำหรับแผนการกู้เงินไตรมาสที่ 4/2553 หรือเดือน ก.ค. - ก.ย. 2553 นั้น กระทรวงการคลังรายงานว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณ ได้อนุมัติคำขอรับการจัดสรรงบประมาณตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นเงินประมาณ 3.1 แสนล้านบาท และหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้วเป็นวงเงินประมาณ 2.56 แสนล้านบาท ขณะที่แผนการใช้เงินของหน่วยงานราชการเจ้าของโครงการ ที่ได้ลงนามสัญญาผูกพัน คาดว่าตั้งแต่เดือน ก.ค. - ธ.ค. 2553 จะมีการเบิกจ่ายเงินรวมประมาณ 9.88 หมื่นล้านบาท โดยยังมีวงเงินกู้คงเหลืออยู่ประมาณ  3.7 หมื่นล้านบาท กระทรวงการคลังจึงเสนอให้กู้เงินอีกจำนวน 6 หมื่นล้านบาท

นายวัชระ ระบุว่า ครม.มีมติรับทราบวงเงินเหลือจ่าย จากการจัดสรรเงินตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ ประกอบด้วย
1.วงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรให้แก่โครงการที่ได้รับการอนุมัติจาก ครม.และสำนักงบประมาณอนุมัติจัดสรรเงินกู้แล้ว เป็นวงเงิน 1.09 หมื่นล้านบาท  2.วงเงินเหลือจ่ายจากค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ หรือค่าเค ซึ่งขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเงินเหลือจ่าย ซึ่งคาดว่าจะได้รับข้อมูลเบื้องต้นภายในเดือน ส.ค.และ  
3.กรณีวงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ ที่ได้รับจาก ครม.แต่หน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้ หรือหน่วยงานขอยกเลิกโครงการ

ครม.ยังมีมติเห็นชอบแผนการบริหาร โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งฯ ได้แก่ อนุมัติหลักการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายดังกล่าว ให้แก่โครงการที่ ครม.อนุมัติให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งฯ วงเงิน 4.9 พันล้านบาท เช่น โครงการประตูน้ำบางยาง วงเงิน 100 ล้านบาท  โครงการน้ำภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคใต้ วงเงิน 2.52 พันล้านบาท โครงการก่อสร้างทางรอบเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี วงเงิน 450 ล้านบาท  โครงการซ่อมแซมเรือนแถวชั้นประทวน วงเงิน 900 ล้านบาท  โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรกระบี่ วงเงิน 12.15 ล้านบาท ผลิตรถบรรทุกอเนกประสงค์เพื่อการเกษตร วงเงิน 4 ล้านบาท และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่โครงการ 40 ล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ  โพสต์ทูเดย์  ไทยโพสต์  แนวหน้า  พิมพ์ไทย  11  ส.ค.  53

หมายเลขบันทึก: 383881เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2010 13:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท