ผมรู้สึกประทับใจและชื่นชม "กัลยาณมิตรของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับคณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์กลุ่มนี้ ซึ่งมีความอาวุโสและความใคร่ครวญในวิชาการอย่างดี"
ทำให้ผมสนุกและพยายามช่วยเหลือในแง่วิชาการทางกิจกรรมบำบัดจิตสังคมและวิชาการวิจัยที่ได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งกับ Prof. Tanya Packer ตอนเรียน ป.โท-เอก ที่ออสเตรเลีย
โชคดีที่ผมเรียนรู้งานวิจัยและลงมือศึกษาด้วยตนเองในรูปแบบงานวิจัยและการให้เหตุผลทางการวิจัยมามากทีเดียว ทำให้ผมอ่านเล่มวิทยานิพนธ์ที่หนามากของนักศึกษาท่านนี้พร้อมเขียนเสนอแนะและตั้งคำถามได้อย่างเจาะลึก จนผมได้รับคำกล่าวชมจากคณะกรรมการสอบฯ ที่เป็นคณาจารย์อาวุโสของคณะศึกษาศาสตร์ ม.รามคำแหง
แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้เรียนรู้ความคิดและความมุ่งมั่นของนักศึกษา ป. โท ที่มีจิตใจดีงามในการขวยขวายเรียนรู้งานกิจกรรมบำบัดและงานจิตวิทยาการศึกษาพิเศษ ทั้งๆ ที่มีความรู้พื้นฐานทางรัฐศาสตร์ในระดับ ป. ตรี รวมทั้งศูนย์การศึกษาพิเศษได้เปิดโอกาสให้นศ. ป. โท ท่านนี้ได้จัดกิจกรรมการเสริมแรงเพื่อลดพฤติกรรมก้าวร้าวในกรณีศึกษาออทิสติก 3 ราย ร่วมกับนักกิจกรรมบำบัดในโรงเรียน
งานวิจัยครั้งนี้น่าสนใจและมีความเป็นชิ้นงานนำร่อง แต่น่าจะต่อยอดในระดับ ป. เอก เพื่อให้สังคมประจักษ์ว่า "ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการพัฒนาทักษะการมีส่วนร่วมทำกิจกรรมที่เด็กสนใจและไม่ปล่อยใจให้ว่างจนเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว"
ประเด็นที่เสนอแนะเพื่อให้นักศึกษา ป. โท ท่านอื่นๆ ได้ตระหนักเป็นแบบอย่างของการคิดหลักการเหตุผลในงานวิจัยให้เกิด "กระบวนการพัฒนาจิตสังคมไทยและสากล" ดังนี้
สุดท้ายผมพบว่า "ผู้วิจัยควรมั่นใจในผลลัพธ์ที่ตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงข้อมูลมากมายเฉพาะเปลือกความรู้ หากแต่จำเป็นต้องอ้างอิงธรรมชาติของการศึกษาข้อเท็จจริง กรอบความคิด การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญ และค้นคว้าข้อมูลสนับสนุนเหตุและผลทั้งเชิงกว้าง ยาว และลึก"
ไม่มีความเห็น