มีใครบ้างไหม ? ที่อยู่บนโลกนี้เพียงลำพังโดยไม่รู้สึกถึงความเหงา.........เหงาและเดียวดาย จนในที่สุด....ความเหงาก็กลายเป็นเพื่อนกับความเดียวดาย ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องอยู่เป็นหมู่เหล่า เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม มักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังได้ไม่นาน แต่บางครั้งมนุษย์ก็จำต้องอยู่เพียงลำพังให้ได้ เมื่อคนที่เคยอยู่เคียงข้างได้จากไปแล้ว.........และเป็นการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
1 ปีก่อนฉันได้เจอกับคุณยายดอน หญิงชรารูปร่างเล็ก ผอม ท่าทางอิดโรยดูซีดเซียว ผมเป็นสีดำดอก สวมใส่เสื้อผ้าที่ซีดจนแทบจะไม่รู้เลยว่าสีเดิมเป็นสีอะไร ขาที่ลีบเล็กแทบจะมีเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น รองเท้าไม่สวม สั้นเท้าแตกด้าน เล็บที่ยาวและดำ เนื้อตัว และที่สำคัญคุณยายตาบอด มันเป็นภาพที่ติดตรึงในความรู้สึกของฉันตราบจนทุกวันนี้ ชีวิตที่อยู่กันเพียง 3 คน พ่อ แม่ ลูก แม่ผู้พิการทางสายตา พ่อผู้พิการทางการเคลื่อนไหว(ขาลีบเล็ก) และลูกสาวที่ดูจะไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ ภายในกระท่อมชายนาที่ผู้ใจบุญยอมให้สร้างเพิงเป็นที่พิงพักอาศัยหากแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะทวงสิทธิ์อันชอบธรรมนั้นคืน ไม่มีห้องน้ำห้องส้วม ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีแม้แต่น้ำประปา และสุดท้ายแม้แต่หมายเลขบัตรประชาชนก็ยังไม่มี
แม้ Team HHC รพ.โนนคูณ จะดำเนินการช่วยเหลือจนให้คุณยายได้มีเลขบัตรประจำตัว 13 หลัก เพื่อนบ้านต่างก็คอยส่งข้าว – ส่งน้ำให้ตามอัตภาพของแต่ละคน ได้รับเงินช่วยเหลือจากองค์การบริหารส่วนตำบลบกเกี่ยวกับผู้สูงอายุและผู้พิการ สถาบันพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษยังให้การดูแลและช่วยเหลือด้านโครงสร้างอาคาร เพื่อปรับเปลี่ยนตัวบ้านให้น่าอยู่และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่เงินที่ได้จาก พมจ. กลับไม่ได้นำไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ คุณยายดอนให้เหตุผลเพียงว่า
“ บ่อมีม่องนอนกะอยู่ได้ แต่ขั่นบ่อมีข้าวกินสิเฮ็ดจั่งได๋ละคุณหมอ ”
จริงอย่างที่คุณยายพูด บางครั้งเรื่องปากท้องย่อมมาก่อนที่หลับนอน อาจจะเป็นเพราะเรามองและแก้ปัญหากันคนละมุม ในขณะที่ผู้เดือนร้อนก็ย่อมต้องตัดสินใจแก้ปัญหาในวิธีทางของตนเองเพื่อให้ชีวิตยังดำเนินต่อไป แต่สุดท้ายจุดประสงค์หลักของทุกคนก็คือ การช่วยเหลือครอบครัวนี้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่สิ่งที่เป็นสัจจะธรรมอันเที่ยงแท้ก็กำลังคืบคลานเข้ามา
ดวงอาทิตย์อัสดงทอแสงสีทองส่องไปทั่วท้องฟ้า กิ่งก้านของต้นมะพร้าวโยกเอน พลิ้วไหวไปมา ลมเย็นระเรื่อยโชยกลิ่นควันธูปให้อบอวลไปทั่วอาณาเขตวัด จนชายชราขาลีบเล็กที่กำลังยืนเกาะราวลูกกรงเหล็กต้องใช้มือขวาตัวเองขยี้จมูก เพื่อบรรเทาอาการแสบคัด เนื่องจากควันธูปจำนวนมากในกระถางที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนอิริยาบทมากน้อยแค่ไหนมีเพียงสายตาเท่านั้นที่จับจ้องมองไปยังกล่องสี่เหลี่ยมไม้อัดที่ถูกประดับประดาไปด้วยกระดาษลายไทยในรูปแบบต่าง ๆ ราวกับต้องการสื่อสารกับใครอีกคน ใครคนนั้น คนที่นอนอย่างทองไม่รู้ร้อน เพียงไม่นานหยดน้ำใส ๆ ก็หลั่งรินออกมาจากสองตาของชายชรา ซึ่งชายคนนั้นก็คือ คุณตาสำรอง สามีของคุณยายดอน ฉันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อยากจะเดินเข้าไปปลอบและบอกว่ายังมีคนอีกมากมายที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือคุณตาต่อดังเดิมนะ แต่ในขณะที่เห็นน้ำตาลูกผู้ชายกำลังหลั่งรินนั้น ฉันทำได้แค่นั่งอยู่กับที่ดังเดิม พลางคิดว่าบางทีคุณตาอาจต้องการเวลาสำหรับการอยู่เพียงลำพัง และคิดอะไรคนเดียวก็เป็นได้ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ฉันและ Team HHC รพ.โนนคูณ จะได้มาส่งคุณยายดอนที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเป็นครั้งสุดท้าย
ภายหลังงานศพคุณยายดอนเสร็จสิ้น ที่เหลืออยู่ก็เพียงคุณตาสำรองและน้องอร หากเป็นเราคงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง พรุ่งนี้จะทำยังไงต่อไปดีกับชีวิตที่เหลืออยู่ แต่สำหรับฉันและ Team HHC รพ.โนนคูณ การช่วยเหลือก็จะยังคงดำเนินต่อไป ดุจดังใบไม้ผลัดเปลี่ยนสี ใบหนึ่งร่วงโรยเพื่อให้อีกใบได้แตกกิ่งก้านสาขา ตอนนี้สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป คือ การช่วยเหลือให้น้องอร ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณยายดอน เด็กอายุ 12 ปี แต่มีระดับ IQ เพียง 52 ได้เข้าโรงเรียนเฉพาะทางพัฒนาระดับความรู้ความสามารถ เพื่อให้เขาดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้เฉกเช่นคนปกติทั่วไป สามารถประกอบอาชีพ และเป็นที่พึ่งพิงยามพ่อแก่เฒ่า ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทาง Team HHC รพ.โนนคูณคาดหวังว่าจะต้องดำเนินต่อไปให้ได้และมันจะต้องสำเร็จ ทั้งนี้คงต้องอาศัยหน่วยงานอีกหลายส่วนที่จะร่วมกันเข้ามาช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ที่ทำได้ คือ การส่งเรื่องขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการด้านสติปัญญาจากองค์การบริหารส่วนตำบลบก “ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง ”
**************************************************************************
Team HHC รพ.โนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ
ไม่มีความเห็น