หลังจากผมศึกษาวิจัย หารูปแบบการพัฒนาความสามารถการทำวิจัยของครูมา 3 ปีกว่า เห็นความจริง บางประการดังนี้
1. ครูส่วนใหญ่อยากเรียนรู้และอยากทำวิจัย เพราะครูรู้ว่า พรบ. กำหนดให้ครูต้องวิจัย และผลงานวิจัยยังนำไปประกอบการขอวิทยะฐานะ แต่ครูไม่ทราบว่าจะเริ่มทำวิจัยอย่างไร ครูหลายท่านไม่ได้เรียนวิชาการวิจัยมาครั้งเรียนปริญญาตรี จึงไม่มีความรู้เรื่องหลักทฤษฏีวิชาการการทำวิจัย จะให้ศึกษาเองคงมีครูจำนวนน้อยมากที่ศึกษาด้วยตนเองได้ การอบรมเพียง 3-5 วันโดยให้ครูนั่งฟังไม่ส่งผลให้ครูกลับไปสอนแล้วจะทำวิจัยได้ด้วยตนเอง
2. ภาระงานปัจจุบันของครูมีมาก ทั้งหน้าที่โดยตรง(สอน ดูแลนักเรียน ) และหน้าที่อ้อม(งานธุระการ หรืองานที่สั่งหรือขอความร่วมมือมาจากเขตพื้นที่และหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน) การทำวิจัยด้วยตนเองควบคู่กับการเรียนสอนจึงเหมือนเพิ่มงานใหม่(ซึ่งครูปัจจุบันไม่อยากแบกรับ)
3. การให้ครูที่ไม่เคยเรียนรู้การทำวิจัยมาก่อนทำวิจัยด้วยตนเองนั้น จำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์การวิจัยในชั้นเรียนมาให้คำแนะ พร้อมกับให้ครูทดลองใช้นวัตกรรมกับนักเรียนตามระเบียบวิธีวิจัยที่ออกแบบไว้ควบคู่กับการเรียนการสอน ทำนองครูคิดนวัตกรรม นำไปทดลองใช้กับนักเรียน ปรับปรุง วนทดลองซ้ำไปมาจนได้ผล จากนั้นจึงนำมาเขียนรายงานส่งเผยแพร่หรือขอวิทยะฐานะ ประการสำคัญคือต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยแนะนำให้ครู ครูติดขัดอะไรปรึกษาได้ วิธีการนี้จะทำให้ครูเรียนรู้การวิจัยไปพร้อมกับการทำผลงาน และผลการทดลองจะส่งผลไปที่นักเรียนด้วย
4. ต้องสร้างชุมชน หรือ เครือข่ายครูวิจัย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูทีทำวิจัย เพราะการที่ครูต้องทำหน้าที่สอน ดูแลนักเรียน และงานพิเศษอื่นๆ พร้อมกับการทำวิจัยเป้นครั้งแรกด้วยตนเองคนเดียวนั้น นับเป็นเรื่องที่หนักยุ่งยากและมักท้อถอยภายหลัง การสร้างเครือข่ายครูวิจัยจะช่วยให้ครูมีเพื่อนพูดคุยถามสุขทุกข์ ความก้าวหน้า ให้กำลังใจกันและกัน
เมื่อครูจำเป็นต้องทำวิจัย(เพื่อยืนขอวิทยะฐานะ) ครูจึงต้องหย่อนคุณภาพการสอนหรือทิ้งห้องเรียน มิฉะนั้นจะทำผลงานวิจัยไม่ทันส่ง(ผู้อำนวยการโรงเรียนบางแห่งเปิดโอกาส) ครูหลายคนต้องเสาะหาผู้รู้มาช่วยเหลือ บางท่านจวนตัวมากๆ ต้องเสียเงินจ้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียโอกาส เปิดช่องให้กลุ่มคนบางกลุ่มเข้ามาเสนอตัวทำวิจัยให้โดยแลกกับจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีครูจำนวนหนึ่งต้องตัดใจใช้เงินที่สะสม(หรือกู้)มาหลายปีจ้างทำผลงาน
ผมคิดว่าภาวะที่ครูหลายท่านประสบขณะนี้ เป็นสิ่งที่แย่มากๆ สำหรับครู ครูทุกท่านอยากทำผลงานด้วยตนเอง และทดลองกับนักเรียน ครูอยากให้นักเรียนได้รับผลจากการทำวิจัยการเรียนการสอนพร้อมกันไปด้วย แต่ครูทำได้ยากหรือทำไม่ได้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ผมได้ยินเสียงวิพากษ์ทางลบ เกี่ยวกับการจ้างทำผลงานของครูเพื่อนำไปขอวิทยะฐานะ หรือการลอกเลียนผลงานวิชาการ การทิ้งห้องสอนขณะทำผลงานวิจัย การกู้เงินสหกรณ์เพื่อนำไปเป้นค่าใช้จ่าย(จ้าง)ทำผลงาน และอื่นๆ
ผมคิดว่าครูทุกคนอยากก้าวหน้า อยากมีเงินมาเพิ่มรายรับ อยากมีเกียรติ ผมมั่นใจว่าครูส่วนใหญ่อยากทำด้วยความสามารถตนเอง
การที่ครูจะได้วิทยะฐานะ ครูต้องทำตามระบบหรือเงื่อนไขกฏเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีระบบช่วยเหลือพัฒนาครูด้านความสามารถการทำวิจัย ปล่อยให้ครูหาเอง ทำเอง
ผมคิดว่า การให้ครูเรียนรู้การวิจัยด้วยตนเอง ในขณะที่ครูต้องทำงานหลายอย่างในโรงเรียน เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะแม้แต่การเรียนปริญญาโทหรือเอก ที่ผู้เรียนใช้เวลาเรียนเต็มที่ยังต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษา
ผมขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีระบบการช่วยเหลือครูเรียนรู้การวิจัยควบคู่กับการสอน ให้ครูเรียนรู้การทำวิจัยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ห้องสอนคือห้องทดลอง นักเรียนคือเป้าหมายของการทดลอง มีนักวิชาการให้คำแนะนำ ทำการทดลองตลอดทั้งภาคเรียนหรือทั้งปี ครูได้นักเรียนได้
วันนี้ขอแสดงความคิดเห็นเท่านี้ก่อน ครับ
วันหลังเมื่อมีโอกาสและเวลา จะนำเสนอต่อ
ฉลองชัย ธีวสุทรสกุล
6 สิงหาคม 2553
สวัสดีค่ะ
ท่านเขียนได้ดีมากค่ะ จะติดตามอ่านอีกนะคะ เขียนเมื่อไร ไปชวนมาอ่านนะคะ ขอบคุรมากค่ะ