ผมได้รับอีเมล์จากคุณสาโรจน์ เกษมสุขโชติกุล สมาชิกเก่าของ สคส. ([email protected]) ส่งเรื่องต่อไปนี้มาให้ จึงนำมาบอกต่อ ว่า ดร. เกศรา รักชาติ เป็นวิทยากร KM ที่มีความสามารถท่านหนึ่ง ต่อไปนี้เป็นบทความที่คุณสาโรจน์ ส่งมา
ดร.เกศรา รักชาติ [email protected]
ขอแสดงความยินดีกับการก้าวสู่ปีที่ 3 ของหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek หนังสือพิมพ์คู่คิด…คนคิดรวย…ที่กำลังเติบโตอย่างมั่นคงและสง่างาม สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพให้ท่านผู้อ่านได้ก้าวทันโลกเปลี่ยน
ในโอกาสฉลองการก้าวย่างสู่ปีที่ 3 นี้ชาว BizWeek รวยน้ำใจมากค่ะ ด้วยการดูแลและตอบแทนท่านผู้อ่านและแฟนๆ โดยการจัดสัมมนา การก้าวทันโลกเปลี่ยน เศรษฐกิจ “เสี่ยง” กับ 3 สัมมนา ซีรีส์ "รู้ทันเศรษฐกิจ" "พิชิตการเปลี่ยนแปลง" "แข่งให้ได้ใน...โลกาภิวัตน์" โดยท่านผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้พบกับซีอีโอใหญ่, ซีอีโอแถวหน้า, นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแถวหน้า, และกูรูสาวที่ปรึกษาองค์กรในวันที่ 6, 13, และ20 กรกฎาคมนี้ ณ หอประชุม บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต เวลา 13.00 - 16.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่าพลาดนะคะ
การก้าวสู่ปีที่ 3 คงเป็นบทพิสูจน์ได้บทหนึ่งนะคะว่า BizWeek กำลังเติบโตอย่างหนังสือพิมพ์ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาวิชาชีพของตนเองและ ณ ขณะเดียวกันBizWeek ก็พร้อมไปด้วยคุณลักษณะภายในที่ดี นั่นคือเป็นหนังสือพิมพ์ที่ใจกว้างซื่อสัตย์ มีจริยธรรม และคุณธรรม
องค์กรท่านผู้อ่านละคะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงภาวะเศรษฐกิจเสี่ยง คงมีผลกระทบต่อชีพจรองค์กรบ้าง ไม่มากก็น้อยใช่ไหมคะ จะว่าไปภาวะเศรษฐกิจเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมดูแลขององค์กร ดังนั้น ผู้บริหารทุกคนจะต้องหากลยุทธ์ที่ทำอย่างไรให้องค์กรอยู่ อยู่รอดในยุคนี้ ยามนี้ได้ พนักงานในองค์กรเองก็เช่นกันต้องฉลาดรอบด้านอย่างสมดุล จึงจะมีชีวิตการทำงานที่สามารถต่อสู้อย่างมั่นใจกับ
ภาวะเศรษฐกิจเสี่ยง และปัญหาการเมืองช่วงสับสนได้อย่างลงตัว
ความฉลาดอันดับแรกที่พนักงานต้องมีคือความฉลาดทางด้านการดูแลสุขภาพร่างกาย (Physical Quotient หรือ PQ) คนฉลาดย่อมต้องเลือกดูแลร่างกายตัวเองก่อน ซึ่งมันคือพื้นฐานเบื้องต้นเลย ถ้า
ร่างกายเราแข็งแรง สมบูรณ์ ก็จะช่วยให้เรามีพลังที่จะไปทำสิ่งอื่นๆ ได้ การดูแลสุขภาพร่างกายอย่างคนฉลาด เช่น “สุขภาพดี...เริ่มต้นด้วยโภชนาการและอาหารที่ดี” ลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ทานอาหารให้มีความพอดีกับความต้องการทางโภชนาการ และเหมาะสมกับวัย
ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
หาโอกาสอยู่ในที่ๆ อากาศบริสุทธิ์
ใส่ใจกับการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
นอนหลับและพักผ่อนให้พอเพียงและเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย
ดูแลร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ และให้เครื่องแต่งกายของคุณบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ
ตรวจเช็คสุขภาพประจำปี รวมทั้งการวัดระดับความเครียดและการวัดมวลไขมันในร่างกาย
ความฉลาดอันดับสองคือความฉลาดทางด้านการพัฒนาสติปัญญา (Intelligence Quotient หรือ IQ) เราจะต้องรู้ร้อน รู้หนาวและเตรียมตัวให้พร้อมต่อสภาพแวดล้อมภายนอกองค์กรที่เปลี่ยนไป และ ณ ขณะเดียวกัน ต้องมีความรวดเร็วในการปรับตัวด้วย เราจะมัวมานั่งรอให้เศรษฐกิจเสี่ยงแล้วถึงจะลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองนั้น เห็นทีจะไม่ทัน
ดังนั้นพนักงานต้องกระตุ้นสติปัญญาของตัวเองด้วยการลุกขึ้นมาท้าทายตัวเองสติปัญญาของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น
การอ่านหนังสือเกี่ยวกับสาขาวิชาชีพ หรือธุรกิจที่ท่านทำงานอยู่ เพื่อช่วยเปิดโลกทัศน์และเพิ่มพูนสติปัญญา
มีการถ่ายทอด แบ่งปันความรู้ต่อเพื่อนร่วมงาน
หาความรู้จากผู้ที่เก่งกว่า เพื่อพัฒนาตนเอง หาประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ กับผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานในวิชาชีพและต่างวิชาชีพ ทั้งในองค์กรเดียวกันและต่างองค์กร
การจดบันทึก การเขียน การทำ After Action Review ถึงปัญหา และความสำเร็จเกี่ยวกับการทำงาน
การใช้จินตนาการในเรื่องต่างๆ
หางานอดิเรกทำ เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย
ศึกษาพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของในหลวงในวาระต่างๆ
การวางแผน ใช้เวลาอยู่คนเดียวบ้าง...คิดถึงเป้าหมายชีวิต คิดว่าเราต้องการจะเป็นอะไร แล้วเราจะถึงจุดนั้นได้อย่างไร
ความฉลาดอันดับสามคือความฉลาดทางด้านอารมณ์ (Emotional Quotient หรือ EQ) จะฉลาดรอบด้านได้ เราต้องพัฒนาทางด้านอารมณ์ด้วย คือต้องสามารถจัดการอารมณ์ทั้งของตน และของผู้อื่นได้ หมั่นสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลสำคัญในชีวิตให้ดีอยู่เสมอ
และดียิ่งๆขึ้นไป และ ณ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างสัมพันธภาพใหม่ๆ กับคนใหม่ๆเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเราต้องสามารถที่จะรับรู้ ตีความ แสดงออกภาวะอารมณ์ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น
ประพฤติ ปฏิบัติตน ให้ดี มีมารยาทอยู่เสมอตามหนังสือ “สมบัติของผู้ดี”
รักษาสัมพันธภาพของเรากับบุคคลสำคัญทั้งในชีวิตส่วนตัว ชีวิตการงาน และสังคมเช่นกับสมาชิกครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง สมาชิกทีมงาน เพื่อนบ้านเพื่อนร่วมสังคม
รู้จักรักและให้อภัยผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
ใจกว้าง แบ่งปันสิ่งของ น้ำใจ ความรู้ให้ผู้อื่นอยู่เสมอๆ
ความฉลาดอันดับสุดท้ายคือความฉลาดทางด้านจิตวิญญาณ (Spiritual Quotient หรือSQ) คือความฉลาดที่จะบริหาร ”ใจ” เพื่อยกระดับจิตใจของตัวเราให้สูงขึ้น เช่น การยึดถือและปฏิบัติตามค่านิยมขององค์กรอย่างจริงจังและจริงใจ เช่น เรื่องการยึดถือ จริยธรรม คุณธรรม ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น การทำงานเป็นทีม การ
เปิดกว้าง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นต้น
สวดมนต์ ฝึกสติ ฝึกสมาธิ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจอยากศึกษาด้านนี้และไม่มีเวลาอ่านหนังสือลองเข้า website นี้ค่ะ เพราะมีการอ่านหนังสือธรรมะดีๆ ให้ฟัง เราสามารถ download มาฟังและฝึกปฏิบัติได้ เช่นหนังสือ คู่มือมนุษย์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ และพุทธประวัติของท่านพุทธทาสภิกขุ ธรรมบรรยาย เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของคุณ
ดังตฤณ และวิถีแห่งความรู้แจ้ง-ประธีปส่องธรรม ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมทโช เป็นต้นค่ะ
ค่ะจะฉลาดรอบด้านได้ต้องฝึกปฏิบัติทั้ง 4 ด้านให้สมดุลกันในแต่ละอาทิตย์ แต่ละเดือน แต่ละปี อย่างเป็นประจำ สม่ำเสมอ ก็จะทำให้เรารู้ตื่น เบิกบาน รับมือกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างดี ไม่ต้องห่วงเรื่องปัจจัยเศรษฐกิจเสี่ยง หรือภาวะการเมืองที่สับสนอีกต่อไปค่ะ
-----------------------------
ภาวะเศรษฐกิจเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมดูแลขององค์กร ดังนั้นผู้บริหารทุกคนจะต้องหากลยุทธ์ที่ทำอย่างไรให้องค์กรอยู่ อยู่รอดในยุคนี้ ยามนี้ได้ พนักงานในองค์กรเองก็เช่นกัน ต้องฉลาดรอบด้านอย่างสมดุล จึงจะมีชีวิตการทำงานที่สามารถต่อสู้อย่างมั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจเสี่ยง
-----------------
โดย ดร.เกศรา รักชาติ: Ph.D. Leadership and Human Behavior ผู้มีประสบการณ์ตรงจากการสร้าง Learning Organization
วิทยากรและที่ปรึกษาทางด้าน Learning Organization, Leadership, Coaching, Communication & Interpersonal Skills, ทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาองค์กร