ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศถือว่าเป็นปัญหาของสังคมปัจจุบัน (ไม่ใช่อันตรายสำหรับเพศหญิงเท่านั้น แต่เพศชายเองก็ถือว่าอันตรายเช่นกัน) โดยนับวันยิ่งมีความรุนแรงกันเพิ่มมากขึ้น จนหลาย ๆ คนคงเกิดความสงสัยว่าเหตุใดคนที่กระทำผิดจึงเพิ่มมากขึ้น น่าจะเกิดจากสาเหตุใด บทลงโทษทางกฎหมายของบ้านเราลงโทษในอัตราน้อยเกินไปหรือความจริงแล้วคนเรามีมโนธรรม ความคิดผิดชอบชั่วดีลดน้อยลงกันแน่ !
กฎหมายเกี่ยวกับการล่วงเกินทางเพศได้บังคับมากว่า5ปีแล้ว แต่นายจ้าง ลูกจ้าง และประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าว จึงยังพอที่จะถือว่าบทบัญญัติเรื่องนี้เป็นกฎหมายใหม่ที่น่ารู้และน่าสนใจ
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 16 บัญญัติว่า
“ห้ามมิให้นายจ้างหรือผู้เป็นหัวหน้างาน ผู้ควบคุมงานหรือผู้ตรวจงานกระทำการล่วงเกินทาง
เพศต่อลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงหรือเด็ก”
บทบัญญัติดังกล่าว ห้ามบุคคลที่มีอำนาจบังคับบัญชาไม่ว่าจะเป็นตัวนายจ้างเอง เป็นหัวหน้างาน เป็นผู้ควบคุมงาน หรือเป็นผู้ตรวจงาน กระทำต่อลูกจ้างซึ่งอยู่ในอำนาจบังคับบัญชาในลักษณะที่เป็นการ “ล่วงเกินทางเพศ”
คำว่า “ล่วงเกินทางเพศ” คงแปลมาจากคำว่า “sexual harassment” ซึ่งมีความหมายถึง การกระทำใดๆ ไม่ว่าทางกาย ภาษากาย หรือทางวาจา ในเรื่องเกี่ยวการรบกวนทางเพศโดยผู้ถูกกระทำไม่พอใจหรือไม่เต็มใจแต่จำต้องยอมเนื่องจากความมีอำนาจเหนือกว่าในหน้าที่การงาน
หลังจากบทบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2541 มีคดีล่วงเกินทางเพศไปสู่ศาลแรงงานกลางแล้วหลายคดี
คดีแรก โจทย์เป็นสตรี จำเลยเป็นบุรุษชาวต่างประเทศ โจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยกระทำการล่วงเกินทางเพศแก่โจทก์ กล่าวคือ จำเลยได้ให้โจทก์สำเร็จความใคร่ให้จำเลยด้วยวิธีการให้โจทก์ใช้มือลูบคลำร่างกายตลอดจนอวัยวะเพศของจำเลย จนจำเลยสำเร็จความใคร่ในสถานที่ทำงานประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง โดยโจทก์ไม่เต็มใจและอยู่ในสภาพที่ไม่อาจขัดขืนได้ โจทก์มีสภาพเป็นนางสาวยังไม่ผ่านการมีครอบครัว...โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท...”
คดีหลังสุด โจทก์เป็นสตรี จำเลยเป็นบุรุษชาวต่างประเทศ โจทก์บรรยายฟ้องว่า “เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2545 เวลา 9 นาฬิกา จำเลยกระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อโจทก์ในรถของจำเลย บริเวณลานจอดรถของร้าน 13 เหรียญ ซอยอารีย์ โดยกระทำการกอด หอมแก้ม และจับมือโจทก์โดยโจทก์โดยโจทก์ไม่ยินยอม... การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นจากเพื่อนร่วมงาน จึงขอเรียกร้องค่าเสียหายจาการกระทำดังกล่าวเป็นเงิน 7,000,000 บาท...”
คดีทั้งสอง ศาลแรงงานกลางมิได้มีคำพิพากษา เนื่องจากศาลแรงงานกลางไกล่เกลี่ยและคู่ความตกลงกันได้ โดยจำเลยตกลงจ่ายเงินตามจำนวนที่โจทก์พอใจรับ
แม้ว่ายังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการล่วงเกินทางเพศในขณะนี้ แต่คดีประเภทนี้ยังคงมีอยู่ตลอดไปอีก หากนายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ตรวจงาน หรือผู้ควบคุมงาน ยังคงประพฤติตัวเช่นเดิม
ความจริง การล่วงเกินทางเพศดังกล่าว ผู้กระทำมีความผิดทางอาญาด้วย นายจ้างผู้มือไว จมูกไว ปากไว หรือเคลื่อนไหวอวัยวะของตนไม่ถูกทิศทาง อาจได้รับโทษทางอาญาและอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งด้วย
คดีที่ยกมานี้ แม้โทษทางอาญาจะไม่ถึงจำคุกเป็นเพียงโทษปรับเท่านั้นก็ตาม แต่เป็นคดีที่หากเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ ผู้ตกเป็นข่าวก็จะตกเป็นขี้ปากคนทั้งเมือง คงต้องใส่แว่นดำอยู่เป็นปี เนื่องจากค่านิยมที่ผิด ความเป็นจริงแล้วคนที่โดนล่วงเกินควรได้รับโอกาสจากสังคมมากกว่า...
เป็นความรู้เกี่ยวกับกฎหมายทางเพศที่ดีมากคราบ
ขอบคุณ คุณamonrteap ที่แวะมาเยี่ยมชมบล็อคค่ะ
ขอบคุนสำหรับข้อมูลค่ะ :D
ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมชมบล็อกค่ะ
ความเคลื่อนไหวเร็วมาก ดีมากๆๆๆด้วย
ทำให้ส่งงานได้ทัน
สวัสดีค่ะ ดิฉันขอรบกวนและขอคำปรึกษาเรื่องการละเมิดทางเพศ เรื่องมีอยู่ว่า น้องชายของดิฉันและกลุ่มเพื่อน 5คนตอนนั้นเรียนอยู่ ม.1เขาและเพื่อนได้ไปล่วงละเมิดเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันด้วยจับหน้าอกของเด็กหญิงคนนั้นและฝ่ายหญิงก้ได้แจ้งความถึงขั้นขึ้นศาลฝ่ายชายยอมรับว่าผิดจริงถือว่ายอมความและเสียค่าสินไหมไปแล้ว แต่พอมาทำไมปีนี้ 2556 ถึงมีการเลือกตัวขึ้นศาลและเสียค่าปรับอีกและฝ่ายหญิงก็บอกเรื่องไม่จบเท่านี้ คำถามของดิฉันคือ การล่วงละเมิดทางเพศตามกฎหมายต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ค่ะ และอยากทราบว่าฝ่ายผู้เสียหายสามารถเลือกร้องได้หลายครั้งด้วยเหรอทั้งที่เรายอมความและเสียค่าปรับไปแล้วและเราจะมีวิธีอย่างไรให้เรื่องมันจบ รบกวนตอบกลับทางอีเมลด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ
เรียน คุณ Puinoon ค่ะ
ตามป.อาญามาตรา 279 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รบกวนถามหน่อยครับเมื่อเช้าไปส่งแฟนแฟนบอกว่าเมื่
อยากได้บทกำหนดโทษในเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของต่างประเทศค่ะ
ขอปรึกษาหน่อยนะค่ะ. พอดีถูกละเมินทางเพศจากผู้ชายคนหนึ่ง. แต่ม่ได้ยินยอม หนูจะเอาเรื่องผู้ชายคนนี้ได้ยังไงค่ะ. ซึ่งตอนนี้เค้าเปนทหาร ค่ะ. ตอนนี้หนูยังตามตัวเค้าม่ได้ ถ้านี้จะฟ้องนี้จะได้ อะไรบ้างค่ะ
เรียน คุณ Pond
ตามที่ท่านได้สอบถามมานั้น
คดีข่มขืนที่ต้องแจ้งความ หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน เป็นคดีที่สามารถตกลงประนีประนอมยอมความกันได้ ซึ่งการ ยอมความนั้นจะมีบันทึกหรือเป็นหนังสือหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นการที่จะตกลงรับเงินชดใช้ค่าเสียหายและมีพยานบุคคลเห็น ก็ถือว่าเป็นการยอมความแล้ว ไม่สามารถจะเปลี่ยนใจภายหลังได้อีก จึงต้องคิดให้รอบคอบเพราะค่าเสียหายเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นการยอมความแล้ว
ทางที่ดีเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาในภายหลัง จึงควรไปตกลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับค่าเสียหายก่อนทำบันทึกตกลงยอมความ หากยังไม่ได้เงินค่าเสียหายครบถ้วนที่ตกลงกันไว้ ไม่ควรทำบันทึกไว้ก่อน เพราะในคดีข่มขืน แม้ผู้เสียหายไม่ตกลงยอมความ ผู้เสียหายก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหาย โดยฟ้องเรียกในทางแพ่ง ได้อยู่แล้ว
รบกวนขอปรึกษา
ในสถานที่่ทำงาน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย(จป.) สั่งการให้ รปภ. (เพศหญิง)ตรวจร่างกายพนักงานหลักจากเข้าออกพื้นที่การทำงาน โดยให้ ลูบคลำตามตัว ข้างลำตัว หน้าอก และก้นให้บีบที่ก้นบริเวณกระเป๋ากางเกงของพนักงาน และให้ดึงขอบเสื้อในและเขย่า ทำการลักษณะนี้ถือเป็นการคุกคามทางเพศหรือไม่คะ และสามารถให้ปฏิบัติต่อพนักงานแบบนี้ได้หรือไม่