สรุปผลงานวิจัย เรื่อง
ภาวะผู้นำสุดยอดของผู้ว่าราชการจังหวัดและการใช้ทุนสังคมกับ
การลดความยากจนในพื้นที่ชนบท
ปัญญารัตน์ ปานทอง
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
สรุปจาก บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยนี้คือ (1) บุพปัจจัยและระดับของภาวะผู้นำสุดยอดและการใช้ทุนสังคมของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ชนทบทยากจน (2) อิทธิพลของภาวะผู้นำสุดยอดของผู้ว่าราชการจังหวัดกับการใช้ทุนสังคมในระดับจังหวัด และในระดับชุมชนที่มีผลต่อการลดความยากจนในพื้นที่ชนบท ประชากร เป้าหมายของการศึกษานี้คือ กลุ่มตัวอย่างผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการบริหารจังหวัด คณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ และนายอำเภอจำนวน 400 ราย การวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยใช้ 2 วิธี คือ (1) วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่าง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ (2) วิธีการศึกษาเชิงปริมาณใช้เทคนิควิเคราะห์พหุถดถอยแบบขั้นตอน (Stepwise multiple regression analysis , SMRA)
ผลการวิเคราะห์พบว่า (1) การลดความยากจนในพื้นที่ชนบท ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะด้านสังคมของผู้ว่าราชการจังหวัด ความเป็นคนรับฟังความเห็นของผู้อื่น ความเป็นคนซื่อตรงต่อหน้าที่ และความเป็นคนเปิดรับประสบการณ์ (2) การลดความยากจนในพื้นที่ชนบทขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำสุดยอดของผู้ว่าราชการจังหวัด ความสามารถในการโน้มน้าวจูงใจผู้อื่น (3) ความยากจนในพื้นที่ชนบทขึ้นอยู่กับการใช้ทุนสังคมของผู้ว่าราชการจังหวัด มีการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย (4) ความยากจนในพื้นที่ชนบทขึ้นอยู่กับการใช้ทุนสังคมในระดับชุมชนของผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีการทำงานร่วมกันเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะจากการศึกษาวิจัย กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง จำเป็นต้องมีการพัฒนาบุคลากรในระดับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และนายอำเภอ ในด้านการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนบุคคลให้มีคุณลักษณะด้านสังคม การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความเป็นผู้มีความซื่อตรงต่อหน้าที่ และการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ชนบทได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นจำเป็นจะต้องพัฒนาวิธีการทำงาน โดยใช้ทุนสังคมในระดับจังหวัดคือ การทำงานรวมกันเป็นเครือข่ายของทุกภาพส่วน ทั้งภาคราชการ เอกชน ประชาชน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ชนบทได้มากยิ่งขึ้น และในการทำงานร่วมกับชุมชน จำเป็นต้องพัฒนาให้หมู่บ้านมีการทำงานร่วมกันเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่แตกต่างกัน จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากหมู่บ้าน ชุมชน จะได้รับทรัพยากรในการสนับสนุนทั้งลักษณะโครงสร้างการพัฒนาและการพัฒนาบุคลากรให้สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างแท้จริง
จากบทวิจัย พอสรุปได้ว่า ในสังคมไทยทุกภาคส่วน ทุกระดับ ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ค่านิยม ทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ ของผู้นำในแต่ละระดับได้จริง ทำให้คนยากจน ขาดโอกาส ถูกเอารัดเอาเปรียบ จนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความยากจน การได้รับการศึกษาน้อย การถ่ายทอดความรู้ที่ผิด จากชนชั้นผู้มีอำนาจ จึงเกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง เบื่อหน่าย ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น หรือแสดงก็ไม่พูดความจริง เพราะขาดศรัทธา ในตัวผู้นำ ดังนั้นสภาวะผู้นำต้องเปลี่ยนก่อน...จึงจะเปลี่ยนแปลงผู้ตามได้
ok ครับ คุณธนัช