ลักษณะเฉพาะและความสำคัญของพระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์หลักของพระพุทธศาสนา ซึ่งรวบรวมหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้
แบ่งเป็นหมวดได้ 3 หมวด คือ
พระวินัยปิฎก หมวดวินัย คือ พุทธบัญญัติเกี่ยวกับความประพฤติ ขนบธรรมเนียม และการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของพระภิกษุสงฆ์ และภิกษุสงฆ์ แบ่งออกเป็น 5 คัมภีร์
พระสุตตันตปิฎก หมวดพระสูตร คือพระธรรมเทศนา คำบรรยายต่าง ๆ ที่ตรัสยักเยื้องให้เหมาะกับบุคคลและโอกาสตลอดจนบทประพันธ์ เรื่องเล่า และเรื่องราวทั้งหลายในพระพุทธศาสนา แบ่งเป็น 5 นิกาย
พระอภิธรรมปิฎก หมวดพระอภิธรรม คือ หลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วน ๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ แบ่ง เป็น 7 คัมภีร์
เรื่องน่ารู้จากพระไตรปิฎก
หากินผิดถิ่นย่อมพินาศ
ในพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค สกุณัคคิสูตร มีเรื่องเล่าว่า มีเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบจับนกมูลไถอย่างรวดเร็ว นกมูลไถเมื่อถูกเหยี่ยวจับได้ก็รำพึงรำพันว่า “เราเป็นผู้อับโชค มีบุญน้อย ที่เที่ยวหากินในถิ่นของผู้อื่น อันไม่ใช่ถิ่นเรา ถ้าวันนี้เราเที่ยวหากินในถิ่นบิดามารดาของเรา เหยี่ยวตัวนี้คงจับเราไม่ได้ เราคงสู้ได้”
ฝ่ายเหยี่ยวได้ยินดังนั้นจึงถามว่า “แน่ะนกมูลไถ ถิ่นบิดามารดาของเจ้า อันเป็นที่ทำมหากินของเจ้าเป็นยังไง นกมูลไถจึงตอบว่า “ที่ที่เป็นก้อนดิน ซึ่งเขา (ชาวนา) ไถไว้” เหยี่ยวเมื่อได้ยินดังนั้นจึงมีความหยิ่งในกำลังของตนอวดอ้างกำลังของตน จึงปล่อยนกมูลไถไปพร้อมกับบอกว่า “เจ้าจงลงไปเถิด ถึงเจ้าจะไปในถิ่นของเจ้าก็ไม่พ้นเราได้”
ฝ่ายนกมูลไถเมื่อเหยี่ยวปล่อยแล้วได้บินไปยังที่ที่มีก้อนดิน ซึ่งชาวนาทำการไถไว้แล้วบินไปเกาะที่ก้อนดินก้อนใหญ่ยืนท้าเหยี่ยวว่า “แน่ะเหยี่ยว บัดนี้ท่านจงบินมาจับเราเถิด ฝ่ายเหยี่ยวได้ยินดังนั้นมีความหยิ่งในพละกำลังของตน จึงบินโฉบนกมูลไถอย่างรวดเร็ว
ส่วนนกมูลไถซึ่งระวังตัวอยู่แล้วก็หลบเข้าซอกก้อนดินทันที นกเหยี่ยวโฉบลงโดยไม่ทันระวังตัวอกได้กระแทกก้อนดินอย่างแรง ทำให้เหยี่ยวเสียชีวิตทันที
เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสสอนพระภิกษุทั้งหลาย ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าเที่ยวไปในอารมณ์อื่น อันมิใช่โคจรของภิกษุ คือ อะไร คือ กามคุณ 5 กามคุณ 5 เป็นไฉน คือ รูปอันพึงรู้จักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด เสียงที่พึงรู้ด้วยหู ... กลิ่นที่พึงรู้ด้วยจมูก...รสที่พึงรู้ด้วยลิ้น...โผฏฐัพพะที่พึงรู้ด้วยกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้คือ อารมณ์อื่นมิใช่โคจรของภิกษุ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวไปในอารมณ์ ซึ่งเป็นของบิดาตน อันโคจร เมื่อเธอทั้งหลายเที่ยวไปในอารมณ์ ซึ่งเป็นของบิดาตนอันเป็นโคจร มารจักไม่ได้ช่อง มารจักไม่ได้อารมณ์ ก็อารมณ์อันเป็นของบิดา อันเป็นโคจร คืออะไร คือสติปัฏฐาน 4 สติปัฏฐาน 4 เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้คือ อารมณ์ซึ่งเป็นของบิดาตน อันเป็นโคจรของภิกษุ ฯ
ศัพท์ทางพระพุทธศาสนา
ศัพท์ทางพระพุทธศาสนาที่ควรทราบในชั้นนี้ คือ
1. ตัณหา หมายถึง ความทะยานอยาก ความดิ้นรน ความปรารถนา ความเสน่หา มี 3 อย่าง คือ
กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม อยากได้อารมณ์อันน่ารักใคร่
ภวตัณหา ความทะยานอยากในภพ อยากเป็นนั่น อย่างเป็นนี่
วิภวตัณหา ความทะยานอยากในวิภพ อยากไม่เป็นนั่น ไม่เป็นนี่ อยากพรากพ้นดับสูญไปเสีย
2. ฉันทะ หมายถึง ความพอใจ ความชอบใจ ความยินดี ความต้องการ ความรักใคร่ในสิ่งนั้น
ยินดีครับ....................
โค้งคำนับนั่งอ่านช่วยสานฝัน
สาระดีมีจุดเด่นเป็นสำคัญ
ชอบสร้างสรรค์เสพหาวิชาการ
ขยันเขียนเวียนหามาบันทึก
เริ่องไม่นึกก็ได้เห็นเป็นแก่นสาร
เกิดความคิดติดปัญญาพาเชี่ยวชาญ
ประสบการณ์พบเห็นเป็นบทเรียน
ธนา นนทพุทธ
จักสานอักษรกลอนคิดเห็น