อย่ามองแต่หน้าจอ มองสุขภาพตัวเองด้วย


          ปกติตัวเองเป็นคนที่สายตาไม่สั้นมากเคยวัดนานมาแล้ว สั้นเพียงแค่ 50เท่านั้น  แต่มาช่วงหลังนี้ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นวัน ๆ  บางทีงานไม่เสร็จต้องกลับมาทำต่อที่บ้านอีก  เลยกลายเป็นว่าตัวเองมีหน้าจอคอมฯ เป็นเพื่อนไปเสียแล้ว....

           และเพิ่งไม่นานมานี้เริ่มมีความรู้สึกว่า  พอมองจอคอมฯ  จะมีภาพซ้อนและปวดบริเวณขมับมากขึ้นเรื่อย ๆ    หรือถ้าหากมองไปที่วัตถุอะไร  จะมองเห็นภาพไม่ชัดเลยต้องรอให้ตาปรับสภาพก่อนถึงจะเห็นชัด .......จนเมื่อวานนี้ไปร้านแว่นเพื่อวัดสายตา  ปรากฏว่าสั้น 125 ข้างหนึ่ง  อีกข้าง 120  หมอเลยแนะนำให้ตัดแว่นที่เป็นแว่นสายตา  ที่สามารถใส่เล่นคอมฯ ได้  ...จึงตัดสินใจตัดแว่น....  ที่นี้เลยกลายเป็นคนพกแว่นไปเสียแล้ว  นี่แหละผลของการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่รู้จักดูแลตัวเอง 

          เลยศึกษาบทความมาให้ทุกคนได้อ่านเกี่ยวกับการป้องกันตนเองเมื่อต้องอยู่หน้าคอมฯ เป็นเวลานาน เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนต๋ำไงละ

การดูแลสุขภาพตัวเองเมื่อต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
             โดยเมื่อใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ ส่วนใหญ่มักเกิดอาการเมื่อยล้าในลูกตา ปวดตา ตามัวหรือเห็นภาพซ้อน ตาแห้ง รู้สึกไม่สบายตา ตาสู้แสงไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีอาการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดหลังอีกด้วย มักจะพบในผู้ที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ชั่วโมง  อย่างต่อเนื่องต่อวันเป็นประจำ สาเหตุเนื่องมาจากการที่เราใช้ตาดูจอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นผลให้การกระพริบตาลดน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาตาแห้ง นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ และภาวะแสงสว่างที่ไม่เหมาะสม การเพ่งทำงานในระยะใกล้เป็นเวลา นานๆ ทำให้กล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการเพ่งเกิดการแข็งเกร็ง เป็นสาเหตุนำมาซึ่งอาการปวดตา ปวดหัวได้ ส่วนอาการปวดคอ ปวดไหล่และหลังนั้นเป็นผลจากตำแหน่งในการวางคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม ทำให้ต้องอยู่ในท่าที่ผิดปกติ 
วิธีแก้ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก.......... ตามนี้เลย
  1. การจัดสิ่งแวดล้อมใหม่ ได้แก่การจัดวางโต๊ะคอมพิวเตอร์ให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ในระยะที่ห่างจากลูกตาประมาณ 20 – 24 นิ้ว วางในระดับที่ต่ำกว่าระดับตาประมาณ 10 – 20 องศาเพื่อจะได้ไม่ต้องเหลือบตาขึ้นสูง ความสว่างของห้องต้องเพียงพอ ความสว่างในห้องหรือบริเวณโดยรอบจอคอมพิวเตอร์ต้องใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอาจใช้แผ่นกรองแสงเพื่อช่วยลดแสงสะท้อน เป็นต้น 
  2. การปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ได้แก่ การปรับความสว่างของคอมพิวเตอร์ ควรจะปรับให้สว่างเท่าๆกับความสว่างของห้อง ขนาดของตัวหนังสือควรจะมีขนาดประมาณ 3 เท่าของขนาดตัวหนังสือที่เล็กที่สุดที่ท่านยังสามารถอ่านได้จากจอคอมพิวเตอร์ในระยะเดียวกัน ส่วนสีของตัวหนังสือควรเป็นสีดำบนพื้นสีขาว นอกจากนั้นควรวางกระดาษหรือหนังสือที่จะต้องดูให้อยู่ในแนวเดียวกับจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
  3. การฝึกนิสัยของตนเอง ควรปรับให้มีการกระพริบตาอย่างสม่ำเสมอ ให้มีการคลายกล้ามเนื้อที่ใช้ในการมองใกล้ โดยบังคับให้มองไปในที่ไกลๆนานประมาณ 1-2 นาทีเป็นครั้งคราวหรืออย่างน้อย 1-2 ครั้งทุกชั่วโมง หรือให้มีการหยุดพักการทำงานทุกชั่วโมงประมาณ 5-15 นาที เป็นต้น การใช้น้ำตาเทียมก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหาตาแห้งได้ โดยแนะนำให้ใช้ได้เมื่อรู้สึกเมื่อยล้า แสบตาหรือตาแห้ง
  4. ในผู้ที่อายุเริ่มมีสายตายืดหรือตายาวตามอายุ ควรใช้แว่นสายตาชนิด Progressive lens ซึ่งมีช่วงการมองหรือจุดโฟกัสหลายระดับโดยเฉพาะที่สำคัญคือระยะกลาง (intermediate zone) ซึ่งเป็นตำแหน่งของจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้แว่นตาก็ควรจะเคลือบสารที่ป้องกันการสะท้อนเพื่อช่วยลดการสะท้อนของแสงเข้าตาได้อีกระดับหนึ่ง
  5. การแก้ปัญหาปวดคอ ปวดไหล่และปวดหลัง นอกจากจะจัดระดับจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมดังกล่าวแล้ว ท่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มีความสำคัญ ควรจะต้องนั่งตัวตรง หลังเอนไปด้านหลังเล็กน้อย แขนทั้งสองในขณะกดแป้นพิมพ์ให้อยู่ในแนวขนานกับพื้น ส่วนเท้าควรวางราบกับพื้น 
  6. อย่านั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ถ้าเป็นไปได้ทุก 2-3 ชั่วโมงที่อยู่หน้าจอ ควรเว้นวรรคพักสายตาสัก 10-15 นาทีมั่งนะ ส่วนจะหลับตาเฉยๆ หรือเดินไปดื่มน้ำ, ดื่มชาหรือกาแฟ หรือเข้าห้องน้ำบ้างก็ได้ ไม่งั้นก็หันไปคุยกับคนรอบๆข้าง หรือแฟน ก็ได้นะ เป็นการผ่อนคลายไง
  7. ช่วงเบรกระหว่างใช้คอม ออกกำลังกายบ้างสิ อย่างน้อยทำเป็นบิดขี้เกียจก็ยังดี   ไม่ใช่นั่งอยู่ท่าเดิมๆตลอดเวลา
  8. หางานอดิเรกที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับคอมทำบ้าง เช่น ไปเดินห้างสรรพสินค้ากับแฟน ไปดูหนังสักเรื่องเป็นการผ่อนคลาย แล้วค่อยกลับมาทำงานหน้าคอมแบบเดิม ก็จะทำให้เราสดชื่นขึ้น (รับรองว่าสดชื่นมากเป็นที่สุดเลยทีเดียว) 

        ต๋ำเชื่อคะว่า  ถ้าทุกคนปฏิบัติตนตามนี้รับรองคะว่าสามารถยืดอายุดวงตาไปได้อีกมากทีเดียว  และยังเป็นการดูแลสุขภาพตัวเองด้วย  แต่ทางที่ดีต๋ำว่าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานให้น้อยลงดีกว่า  ดื่มน้ำเยอะ  ๆ  ทานอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้เราก็จะมีดวงตาคู่สวยอยู่เราไปนาน ๆ แล้วละคะ

http://www.dek-d.com/content/view.php?id=5823

คำสำคัญ (Tags): #ดวงตา#สุขภาพ
หมายเลขบันทึก: 375853เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2010 19:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 16:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ขอบคุณค่ะ...เป็นเรื่องที่ควรระวังอย่างยิ่ง...

*_* ขอบคุณ พี่ตั๊ม มากนะค่ะที่ได้ให้ความรู้ที่ใกล้ตัวของเรา มาให้อ่าน

นำความรู้ดีๆมาให้หนูอ่านอีกนะค่ะ

          นั่นไงต้องตัดแว่นใส่แล้วเห็นมั้ย  อิอิ

                             

นางสาวเพียงเพ็ญ พรายสิน

เห็นด้วยกับอาการเป็นอย่างยิ่ง เพราะกำลังประสบกับปัญหานี้อยู่เหมือนกันค่ะ

ขอบคุณคุณเพียงเพ็ญมากค่ะ  โอกาสหน้าจะนำสาระดีๆ มานำเสนออีกนะก๊า....

คิดถึงเพื่อนเก่า รัชนู  ยังธิคุณ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท