พลาย
พลายพิชัย พลาย ิศิริอรรถ

วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓


การก้าวเดินบนเส้นทางสายกรกฎาคม

๒๐.๔๕ น. วันพฤหัสบดี ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓


            ครึ่งทางระหว่างเดือนเข้ามาแล้ว ดูเหมือนการก้าวเดินบนเส้นทางสายกรกฎาคมจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนไม่ทันจะได้มองกลับหลังหันไปดู เล่นเอาวันนี้มาหยุดยืนอยู่ที่ตรงกึ่งกลางของเส้นทางเดือนเข้าไปแล้ว ถึงกระนั้นก็เถอะยังไงเราทุกคนก็คงต้องเดินหน้ากันต่อไปตราบเท่าที่ร่างกายยังสามารถดำรงอยู่ด้วยเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ตามสมควร...


            หลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่เป็นอันนอนกับการเฝ้าเชียร์และคอยลุ้นผลการแข่งขันฟุตบอลโลกาผ่านไป ท้ายที่สุดก็เป็นทีมที่ไม่ได้อยู่ในดวงใจที่ได้เเชมป์ไป แต่ก็นั่นแหละการจะได้เป็นแชมป์มันต้องมีความสมบูรณ์ในทุก ๆ ด้านเหนือกว่าคู่แข่ง และกว่าจะมาถึงวันแห่งชัยเชื่อแน่ว่าไม่มีแชมป์ไหนที่ไม่เคยผ่านการฝึกซ้อมและการพ่ายแพ้มาก่อน...


             เมื่อคืน เป็นอีกคืนหนึ่งที่ทำงานอย่างยาวนาน โดยเริ่มจากตอกบัตรทำงานตามปกติในตอนเช้า ๐๗.๒๐ น. ไม่เกินนั้น จากนั้นก็ทำหน้าที่สอนของตน จนกระทั่งเวลาบ่ายสองโมง มีงานด่วนเข้ามาให้ต้องทำโดยการมอบหมายของท่านรองผู้อำนวยการ และมีทีมงานด้วยกัน ๔ ท่าน อันได้แก่ น้องปอง ครูเป้ พี่วุฒิ และตัวผู้เขียนเอง ภารกิจที่ว่านี้ก็คือการร่างโครงการเพื่อนำเสนอ สสค. เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และสร้างสังคมแวดล้อมให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งงานนี้ สสค. สนับสนุนงบให้โครงการที่ผ่านการพิจารณาไม่เกินสามแสนบาท นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสุมหัวกันอีกครั้งจากบ่ายสองถึงตีสองทุกอย่างจึงออกมาเป็นรูปเป็นร่าง โดยอาศัยบ้านพี่วุฒิเป็นห้องทำงานรอบดึก (ซึ่งมีอยู่บ่อย ๆ ) งานนี้ก็อ่วม (ไม่ใช่ต่าย) อรทัย กันอีกครั้ง...


             เช้าวันนี้แม้จะนอนดึกแต่ก็ตื่นตามเวลาปกติ (สงสัยจะซ้อมมาดี) ไปทำงานได้ทันเวลา แต่อาจจะเบลอ ๆ นิดหน่อย เติมกาแฟตอนเช้าเข้าไปหนึ่งถ้วย บวกกับงานที่ล้นมือ (สิ่งนี้เเหละเป็นยาแก้ง่วงดีนักแล) เพราะจากการสังเกตตัวเองหลายครั้งแล้วหากนอนดึกสิ่งที่จะช่วยให้ไม่ง่วงนั้นก็คือการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา ดูเหมือนร่างกายจะลืมไปเลยว่าความง่วงเป็นอย่างไร และถ้ามองอีกอย่างหนึ่่งตัวที่มันทำให้เราง่วงกลับไม่ใช่ร่างกายแต่มันคือกิเลสต่างหากละครับ มิน่าละโบราณท่านจึงบอกเอาไว้ว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าว...


             มาบัดนี้ก็ค่ำมืดด้วยการหมุนรอบตัวเองเพื่อหลีกหนีควาจำเจที่ต้องมองอยู่แต่มุมเดิม ๆ และเพื่อไม่ให้ดวงอาทิตย์ต้องเผาไหม้ส่วนใดส่วนหนึ่งอยู่เป็นเวลานาน ๆ บัดนี้โลกได้หันอีกข้างซึ่งอยู่กันข้ามให้ดวงอาทิตย์ได้ยลโฉม ส่วนตัวเราเองที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ต้องอาศัยภูมิปัญญาของโทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ปราศเปรื่องที่มอบมรดกการสร้างพลังงานแสงสว่างไว้ให้ชาวโลกเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณท่านไว้ ณ โอกาสนี้อีกด้วย เพราะไม่งั้นป่านนี้การเขียนบันทึกของเราก็ไม่รู่จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า หรือไม่งั้นก็อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปซึ่งก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นเช่นไร...


             มาบัดนี้ความเหนื่อยล้าสะสมที่เกาะตัวกันเป็นก้อนใหญ่กำลังถ่วงน้ำหนักลงที่เปลือกตาตามอำนาจของแรงโน้มถ่วงที่เฝ้าดึงทุกอย่างให้ล่วงลงสู่ที่ต่ำอยู่เสมอไม้เว้นแม้แต่จิตใจของผู้คนที่เพ่นพ่านอยู่ทั่วโลกา และนั่นมันก็คงถึงเวลาที่จะต้องยอมแพ้แรงโน้มถ่วงเพื่อโน้มตัวให้เอนราบขนานไปกับพื้นนุ่ม ๆ ของที่นอน แล้วผ่อนคลายลมหายใจให้เนิบช้า พร้อมลับตาของเราเบา ๆ ตามด้วยการเฝ้าดูลมหายใจพลางกับนึกถึงคำว่าพุทธ  โธ  พุทธ  โธ  พุทธ  โธ ............................z z z z z z z z z z z

หมายเลขบันทึก: 375490เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2010 21:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท