ชั้นเรียนอนุบาล 2/2 ณโรงเรียนแห่งหนึ่ง เรื่อง " หนูเรียนรู้ด้วยตนเอง" เรื่องมีอยู่ว่า
กิจกรรมกลางแจ้ง... เด็กๆ คะ วันนี้เราจะเล่นอะไร... เด็ก ๆ อยากเล่นอะไร....คุณครูถาม... เด็ก ๆ หลายคนแสดงความคิดเห็นหลายอย่างจนมาสรุปตรงที่ การเล่นเกม เสือกินวัว ในขณะที่เล่น จะมี
1.คนเป็นหลักเล้าเลี้ยงวัว
2.คนเป็นเสือ
3.คนเป็นวดัว
4.คนเลี้ยงวัว จำนวนเด็กที่เล่น มี 40 คน เราจึงเลือก เสือ 3 ตัว วัว 5 ตัว คนเลี้ยงวัว 1 คน.... จากนั้นเริ่มเล่นเกม โดยเรื่องมีอยู่ว่าคนเลี้ยงวัว พาวัวไปกินหญ้า พออิ่มแล้ว คนเลี้ยงวัวเกิดเผลอหลับ เสือเห็นจังหวะพอดี จึงย่องจะมากินวัว วัวต้องวิ่งหนี โดย ถ้าวัววิ่งหนีเข้าไปในคอก หลักจะช่วยกั้นไม่ให้เสือเข้า และถ้าเสือเข้าไปได้ หลักต้องช่วยปล่อยวัวออกมาและกั้นไม่ให้เสือออกมากินวัวได้ เพื่อช่วยวัว...ขณะที่เล่น สิ่งที่เราจะได้ยินคือ เสียหัวเราะ และความสนุกสนานของเด็กๆ...เมื่อเสือกินวัวหมด...จะต้องเปลี่ยนเพื่อคนอื่นเพื่อมาเป็นวัวและเสือ...แต่...ไม่เป็นไปอย่างที่เราตกลงกัน...มีเด็ก 3 คน ต้องการเป็นเสือ และไม่ยอมเป็นรั้วให้เพื่อน...และจะตะโกนตลอดเวลาว่า หนูจะเป็น หนูจะเป็น...จนครูต้องให้เด็ก ๆ นั่งลงเพื่อตกลงกติกาในการเล่นอีกครั้ง...โดยคุณครูอธิบายว่า เมื่อเราเล่นแล้ว เราต้องเปลี่ยนเพื่อน ๆ เล่นบ้าง เราจะเล่นตามใจตนเองไม่ได้นะคะ....เด็ก 3 คน ที่เป็นเสือยอมไปเป็นหลัก... แต่ 1 ใน 3 ร้องให้ไม่พอใจแต่ก็ยอมเป็นอย่างที่เพื่อน ๆ และครูตกลง...(แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เด็กยังไม่เข้าใจ...ครูจะทำอย่างไรดี) เมื่อเล่นเกมจบ กลับมาพักผ่อนที่ห้องเรียน...มีต่อนะคะ..เรื่องมีต่ออย่างนี้ค่ะ...เด็กคนนั้นยังไม่หายข้องใจ เมื่อเราพักผ่อนร่างกายได้สักพัก คุณครูก็เริ่มกระบวนการสรุปการเล่นกลางแจ้งในวันนี้ เด็กที่ร้องให้จึงถามขึ้นว่า ครูครับวันนี้หนู อยากเป็นเสือต่อทำไมไม่ให้หนูเป็นล่ะครับ..คุณครูจึงยิงคำถามนั้นไปที่เพื่อนนักเรียน..ว่า เด็ก ๆ บอกได้ไหมคะ ว่าทำไมคุณครูจึงไม่ให้เพื่อนเป็นเสือต่อ..แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคำถาม..คุณครูจึงถามต่อไปว่า...วันนี้เราเล่นเกมเสือกินวัว มีเด็กๆได้เป็นเสือกี่คน.. เป็นวัวกี่คน..แล้วนอกนั้นเป็นอะไร? คำถามนี้มีผล...เด็ก ๆ เริ่มมีเสียงตอบกลับมา "เป็นเสือ 3 คน เป็นวัว 5 คน..นอกนั้นเป็นรั้ว----คุณครูจึงถามต่อทันทีว่า...ไหนใครอยากเป็นวัว...เด็กๆ ยกมือเกือบทั้งห้อง...คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันับจำนวนแล้วจครูเขียนไว้ที่กระดานดำ....และครูจึงถามต่อว่า ใครอยากเป็นเสือบ้าง..เมื่อเด็กๆยกมือ คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันนนับแล้วครูเขียนไว้ท่ีกระดานอีก...จากจำนวนที่ได้ คุณครูจึงหันไปถามนักเรียนอีกครั้งว่า..กติกาในการเล่นมีอย่างไร..เด็ก ๆบอกว่าต้องทำตามข้อตกลงและเปลี่ยนกันเล่น...เมื่อเด็ก ๆ ตอบคำถามคุณครูแล้วเด็ก ๆ คิดว่า ทำไมคุณครูจึงไม่ให้เพื่อนเป็นเสือต่อในเกมที่ 2 ...(ขอเอ่ยนามเด็กเก่ง)เด็กชาย กราฟ จึงตอบขึ้นว่า จะได้เปลี่ยนให้เพื่อคนอื่นเล่นด้วย เป็นเสื่อ เป็นวัวด้วย..คุณครูจึงขอเสียงปรบมือให้เด็กชายกราฟและอธิบายเพิ่มเติมว่า...การเล่นเกมจะให้สนุกเราต้องเป็นได้ในทุกส่วนของเกม และจะทำให้เราเรียนรู้เกมได้มากขึ้น เช่นเมื่อเราเป็นวัว เราต้องเรียนรู้การเอาตัวรอด เมื่อเราเป็นเสือเราต้องเรียนรู้วิธีการไล่จับ...แล้วถ้าเราต้องมาเป็นรั้วล่ะ...เด็ก ๆคิดว่าเราต้องเป็นอย่างไร...เสียงจากเด็กชายกราฟบอกว่า...เราต้องป้องกันวัว...คุณครูจึงถามต่อว่า...รั้วต้องมีลักษณะอย่างไรจึงจะป้องกันวัวได้...เด็ก ๆ ช่วยกันตอบว่าต้องแข็งแรง..คุณครูถามต่อว่า...แบบไหนเรียกว่าแข็งแรง...เด็ก ๆ ตอบ ว่าต้องจับมือกันแน่น ๆ ไม่ให้เสือเข้ามากินวัวได้...แสดงว่าคนเป็นรั้วทุกคนต้องเป็นอย่างไร เด็ก ๆ ตอบว่า ต้องแข็งแรง ช่วยกัน...เราเรียกการช่วยกันหลาย ๆ คนว่าอะไรนะคะ...สามัคคีกัน...เฮ้ เด็กชายกราฟตอบอีกค่ะ...เฮ้ยกว่าคุณครูจะเข้าเรื่องความสามัคคี..สุด.สุดเลยค่ะ...และทำให้คุณครูเรียนรู้เพิ่มเติมว่าประสบการณ์ในชีวิตเด็กเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็ก ๆ ที่จะสามารถประมวลผล คำพูดให้ออกมาเป็นคำและความคิดรวบยอดในการเรียนรู้ในแต่ละกิจกรรม...(แต่เรื่องก็ยังไม่จบลงแค่นี้..ขอร้องติดตามอ่านนะคะ...ขอบคุณผู้สละเวลาในการอ่าน)
เรื่องนี้..คงต้อง..อื่ม..ม..ม..ทำเป็นงาน"วิัจัย"
อ่านแล้วอยากย้อนกลับไปเป็นเด็ก ...แฮะๆๆๆๆ