Travel in UK ขั้นเตรียมการ


เตรียมตัวก่อนเดินทาง

          9-17 กันยายน 2553 นี้เราจะไปตลุย UK ค่ะ  ตอนแรกเรากะว่าจะไปแค่ London เพราะเท่าที่อ่านมามีที่ให้ไปเยอะแยะมากมาย  แต่ฟังผู้รู้หลายๆ ท่านก็บอกว่า ไหนๆ ก็ไปแล้ว น่าจะแวะไปที่อื่นๆ ด้วย เราก็เลยบรรจุโปรแกรมในเมืองอื่นๆ ไว้ทันที  และเริ่มต้นทำการบ้านตั้งแต่ไก่โห่...

การทำวีซ่า UK

       ก่อนอื่นเราก็ต้องทำวีซ่ากันก่อนค่ะ  วีซ่าเข้า UK หรือ United Kingdom โดยเราสามารถเข้าออกประเทศอื่นๆ ได้ด้วยคือ Scotland,Northern Ireland, Wales และ England  เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้ค่ะ

  1. Application (ใบคำร้องขอวีซ่า) ที่กรอกข้อความเรียบร้อยแล้ว
  2. พาสปอร์ต เล่มปัจจุบัน และถ้าใครมีเล่มเก่าก็ให้นำไปด้วยค่ะ  พร้อมกับถ่ายสำเนาทุกหน้าที่มีการประทับตรา
  3. รูปถ่ายขนาด 45 mm x 35 mm เพื่อติดในใบ application จำนวน 1 รูป ขอย้ำว่าต้องเป็นปัจจุบันเพราะเค้าจะเปิดดูทุกหน้าใน passport ว่าเราเคยใช้รูปถ่ายใบนั้นแล้วหรือยัง
  4. Bank Draft เพราะเราอยู่ลำปาง ซื้อไป  1 ฉบับ (ค่าธรรมเนียมที่ถูกต้องคือ 3,400 บาท) แต่จริงๆ แล้วเราสามารถไปซื้อจากธนาคารนครหลวงไทยที่อยู่ชั้น 1 ในอาคารรีเจนท์นั่นแหละค่ะ
  5. Book bank ตัวจริงพร้อมสำเนาทุกหน้า
  6. หนังสือรับรองการเป็นข้าราชการ  ระบุตำแหน่ง  ระยะเวลาในการเริ่มงาน  เงินเดือน และวันที่ลาพักร้อน
  7. สำเนาบัตรประชาชน
  8. สำเนาทะเบียนบ้าน
  9. สำเนาสูติบัตรของบุตร
  10. สำเนาทะเบียนสมรส
  11. ใบจองตั๋วเครื่องบิน อันนี้ให้บริษัททัวร์ที่เราจองผ่านเค้าออกให้ค่ะ (ได้ตั๋ว TG Bangkok-Heathrow ราคา 29,900 บาท)
  12. ใบจองที่พัก จองผ่าน agoda.com 3 เมือง เค้ายังไม่เก็บค่ามัดจำ
  13. แผนการท่องเที่ยว

     พอเตรียมเอกสารเสร็จก็ทำการกรอก application online ค่ะ ก็เข้าไปที่ website ของ VFS แล้วเข้าไปกรอกเพราะต้องการที่จะนัดหมาย online จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน พอกรอกไปเสร็จเรียบร้อยก็พบว่า วันที่เราต้องการจะไปเต็มไปซะแล้ว  แต่อันที่จริงไม่ต้องรอกรอกจนเสร็จก็ได้นะคะ นัดก่อนเลยยังได้ถ้าเรามั่นใจว่าเตรียมเอกสารเสร็จทัน  ก็เลยโทรไปถามที่ VFS โห กว่าจะได้คุยกับคน นานมากเลยค่ะ ต้องฟังเจ้าเครื่องรับอัตโนมัตินานอยู่แต่เราก็รอด้วยความอดทน...สุดท้ายก็ walk in อยู่ดี

     การทำวีซ่า UK เราจะต้องไปติดต่อที่ VFS ซึ่งมีที่ทำการอยู่ที่อาคารรีเจนท์ติดกับ AUA ค่ะ จากข้อมูลบอกว่าสามารถขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีราชดำริ แล้วเดินอีกนิดเดียวก็ไปถึงเลย  เราไปถึงที่นั่นก่อน 8 โมงเช้าของวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2553  พอเดินขึ้นไปชั้น 2 ของที่หมาย เจอคนอยู่บนนั้นแล้วประมาณ 50 คน และไม่มีที่นั่งด้วยเพราะถูกจับจองหมดแล้ว  ก็เลยเดินไปเดินมาแถวๆ ประตูทางเข้า  และแล้ว ยามก็ออกมาแล้วก็บอกว่า “ผมไม่รู้ว่าใครมาก่อนมาหลังนะครับ ขอให้เข้าแถวยึดแนวนี้เลยก็แล้วกันครับ”  เราอยู่ในเส้นแนวที่เค้าว่าพอดี ก็เลยยืนเข้าแถวไปโดยปริยาย ได้คิวที่ 10  เสร็จโจร...555 โชคดีที่ไม่มีที่นั่ง

     หลังจากรับบัตรคิวแล้ว เค้าจะตรวจกระเป๋า แล้วก็ให้เข้าไปรอด้านใน  นั่งจ้องจอมอนิเตอร์ว่าเราจะต้องเข้าไปที่เคาน์เตอร์ไหน เพราะมี 10 เคาน์เตอร์  แต่พบว่าเคาน์เตอร์ 1 และ 2 จะเรียกคนที่จอง online เท่านั้นในช่วงแรก  แต่พอไม่มีคนเค้าก็จะกดให้คนที่มีคิวเข้ามาได้เหมือนกันค่ะ  และแล้วเค้าก็เรียกคิวเรา

     พอเข้าไปที่เคาน์เตอร์เค้าก็ตรวจสอบเอกสาร ก็เจอ bank draft ที่ไม่ถูกต้องเพราะเราซื้อมา 3,536 บาทตามที่ปรากฏบน application ที่ print out ออกมา เค้าบอกว่ามันผิดพลาด ไม่ update เราจะต้องซื้อแค่ 3,400 บาท  ต้องลงไปซื้อใหม่ก่อนที่ธนาคารด้านล่างและขออนุญาตให้บริการคนอื่นไปก่อน โห เป็นความผิดของใครเนี่ย  แต่เราก็ยิ้มอย่างอดทนและถามว่าถ้าซื้อเสร็จแล้วให้ทำอย่างไรต่อ เค้าก็บอกว่าถ้าเคาน์เตอร์ของเค้าว่างให้เข้ามาที่เค้าเลย  หมายเหตุ “ถ้า”

     จากนั้นเราก็วิ่งร้อยเมตรลงมาชั้นล่างที่ธนาคารนครหลวงไทย  ซึ่งคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะคุ้นเคยกับคนที่เข้ามาซื้อแบบรีบๆ แค่บอกว่าวีซ่า UK เค้าก็ให้กรอกแค่เลขที่บัตรประชาชน เซ็นชื่อ และจ่ายเงินเลยค่ะ  และก็วิ่งร้อยเมตรกลับมาที่เดิมก่อนเข้าไปก็ต้องถูกตรวจกระเป๋าอีก 1 รอบ

     ปรากฏว่าที่เคาน์เตอร์เดิมมีลูกค้าคนอื่นซะแล้ว เราก็เลยยื่นหน้าไปบอกเจ้าหน้าที่คนเดิมว่าเรากลับมาแล้ว และจะนั่งรอตรงนี้นะคะ  พร้อมกับกลับมานั่งรอด้วยความอดทน  ซักพักเคาน์เตอร์ข้างๆ เคาน์เตอร์เดิมของเราก็ว่างก็คงจะบอกกันว่าค้างเคสอยู่  เค้าก็เลยเรียกเราเข้าไป เย้... ยื่นเอกสารให้น้องอ้วน  เค้าก็เงยหน้ามาถามเราว่า  “พี่เป็นคนลำปางเหรอคะ เพื่อนหนูก็อยู่ลำปาง” จากนั้นก็คุยกันเรื่องลำปางนิดหน่อย  แล้วเค้าก็ตรวจสอบเอกสาร   ส่วนการรับ passport  คืน เราให้เค้าส่งไปที่ GDA ที่เชียงใหม่ (บริษัทไพโอเนียร์คาร์โก้ อยู่แถวๆ สยามนิสสัน ตรงข้ามโลตัสหางดง) มีค่าบริการอีก 385 บาท (รวมค่าแจ้งผลการยื่นวีซ่าทาง SMS)  เค้าแจ้งว่าใช้เวลาในการทำ 15 วันทำการนะคะ  แล้วก็นำเอกสารทั้งหมดใส่ในซองสีดำ  ให้เราถือไว้และไปรับบัตรคิวที่ยามอีกคนเพื่อรอเรียกเข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือ

     ในห้องพิมพ์ลายนิ้วมือมีเจ้าหน้าที่ซักถามอีกนิดหน่อยและให้พิมพ์นิ้ว 4 นิ้วด้านขวา ซ้าย และนิ้วโป้งทั้งสองข้าง  และถ่ายรูปโดยจะต้องถอดตุ้มหูออกด้วยค่ะ 

     จากนั้นเค้าก็จะคืนเอกสารให้เราไปรับ passport  คืนประกอบด้วย สำเนา passport หน้าแรก ใบเสร็จรับเงิน และใบตรวจสอบเอกสารของเค้า  เวลาขณะนั้น 10.12 น. ทุกอย่างก็เรียบร้อยค่ะ

     ในเย็นวันนั้นเราได้รับ SMS เวลา 18.02 น. บอกว่า ใบคำร้องขอวีซ่า หมายเลขอ้างอิง..... ได้ถูกส่งไปยังสถานทูตอังกฤษเพื่อการพิจารณาแล้ว  อือ เค้าส่งเย็นนั้นเลยค่ะ  จากนั้นผ่านไป 4 วันทำการ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม 2553 ก็มี SMS แจ้งว่า ใบคำร้องขอวีซ่าหมายเลขอ้างอิง.... ได้รับการพิจารณาแล้ว  เราได้จัดส่งหนังสือเดินทางของท่านแล้ว โดยบริษัท GDA เมื่อ 02/07/2010 ซึ่งท่านสามารถติดต่อรับหนังสือเดินทางในอีกสองวันทำการ  อือ วันนั้นก็วันศุกร์แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะประมาณวันจันทร์คงจะได้รับการติดต่อจาก GDA เชียงใหม่  เป็นดังคาดค่ะ เชียงใหม่โทรมาวันจันทร์ให้มารับ passport ก็เลยแจ้งว่าจะว่างไปรับวันพุธที่ 8 กรกฎาคม นี้... เย้ ได้ไปแล้ว UK

     การไปท่องเที่ยวประเทศต่างๆ เนี่ย การทำวีซ่าเข้าประเทศนั้นๆ เป็นการพิสูจน์ตัวเองว่า เราเตรียมเอกสารได้ครบถ้วนสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด  ทำการบ้านเกี่ยวกับการทำวีซ่ามากน้อยแค่ไหน  สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องพึ่งบริษัททัวร์  การยื่นขอวีซ่า  ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ  หลังจากนี้เราก็จะเริ่มจองตั๋วรถไฟระหว่างเมืองเพราะถ้าจองล่วงหน้านานๆ ก็จะราคาถูกมากมากค่ะ ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ...

 

คำสำคัญ (Tags): #uk visa
หมายเลขบันทึก: 374426เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2010 20:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 22:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

น้องปิเดินทางเป็นประจำแบบนี้หมายถึงท่องเที่ยวส่วนตัวหรือไปราชการคะประสบการณ์น้องมากมีหลายด้านจริงๆค่ะขอชมเชย

หวัดดีค่ะ พี่อัมพิกา

อันนี้ไปส่วนตัวค่ะ เก็บเงินเองใส่กระปุกไว้...หาประสบการณ์ชีวิตค่ะ

ขออนุญาตตามติดไปด้วยนะครับ ได้ความรู้

ที่ผมไปมา สองสามประเทศ เป็น Visa On Arrival หมดเลย

เลยไม่มีประสบการณ์ ขอ วีซ่าที่ สถานทูตซักที

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท