ปุ๋ยชีวภาพช่วยชาติ


ปุ๋ยอินทรีย์ / ปุ๋ยชีวภาพ  * เอกสารเผยแพร่เพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน   โดย : ครูไพฑูรย์  ศิริรักษ์  

        ปุ๋ยชีวภาพเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำที่ได้จากการนำ เศษพืช ผัก ผลไม้ หรือวัสดุที่ย่อยสลายง่ายมาหมักด้วยกากน้ำตาล ระยะหนึ่งเพื่อให้ย่อยสลาย บางแหล่งเรียก “ปุ๋ยน้ำ” “ปุ๋ยโอโซน” ก็เรียก

       วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

              ๑. กากน้ำตาล                        ๒. เศษวัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น เศษผัก ใบไม้ ผลไม้ ฯลฯ                 

              ๓. น้ำสะอาด                          ๔. ภาชนะมีฝาปิด :  โอ่ง  ถังพลาสติค   ขนาดความจุ ๒๐๐ ลิตร

       โดยสูตร : กากน้ำตาล ๑ ส่วน เศษวัสดุ ๓ ส่วน น้ำ ๘  ส่วน  มีขั้นตอนการทำดังนี้  :

      ผสมกากน้ำตาลกับน้ำ สัดส่วน ๑ : ๘  โดยน้ำหนัก คนให้เข้ากัน แล้วเติมวัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น เศษผัก เปลือกผลไม้ ใบไม้ หญ้า หยวก หรือเศษอาหาร เติมในถังที่ผสมน้ำกับกากน้ำตาล ปริมาณ ๓ ส่วนโดยน้ำหนักปิดฝาให้แน่นเพื่อป้องกันแมลงวันวางไข่ หมักทิ้งไว้นานประมาณ ๑๕ วัน ตักปุ๋ยมาใช้ได้  ในกรณีที่เติมเศษวัสดุไม่ได้สัดส่วนในการทำครั้งแรก ทุกครั้งที่เติมเศษวัสดุ ให้ใช้ไม้คนส่วนผสมในถังหมักทุกครั้ง

        ในการหมักกับถังขนาด ๒๐๐ ลิตร ให้เติมน้ำประมาณ ๒ /๓ ถัง ( ประมาณ ๑๕๐ ลิตร)  ใช้กากน้ำตาลผสมประมาณ ๒๐ กก. คนให้เข้ากัน ใช้เศษวัสดุ เศษอาหารจากในครัว เศษผัก เปลือกผลไม้ เติมทุกวันจนกระทั่งเต็มถังจึงสามารถตักน้ำปุ๋ยไปใช้ได้

         วิธีใช้  หลังจากหมักปุ๋ยทิ้งไว้ ๑๕ วัน หรือ หรือเติมวัสดุจนเต็มถัง สามารถตักปุ๋ยน้ำมาใช้ได้ โดยใช้ ปุ๋ยน้ำ ๑ ส่วน ผสมน้ำ ๒๕๐ ส่วนให้เจือจาง สำหรับ ผักกินใบ  ต้นกล้า ไม้ดอก หรือรดราดแปลงหญ้าสำหรับเลี้ยงวัว แพะ ได้ผลดี สัตว์เลี้ยงชอบเนื่องจากหญ้าใบอวบอ้วน มีรสชาติดี  สำหรับไม้ใหญ่ หรือพืชสวนต้นขนาดใหญ่ที่ให้ผลผลิตแล้ว เช่น เงาะ ลองกอง ลางสาด ทุเรียน มังคุด มะม่วง มะพร้าว ฯลฯ สามารถใช้ปุ๋ยน้ำรดบริเวณโคนต้นได้เลยโดยไม่ต้องผสมน้ำให้เจือจาง

        การใช้ปุ๋ยน้ำสามารถใช้ได้บ่อยอย่างต่อเนื่องทุก ๗ - ๑๐  วัน กับพืชผักสวนครัวจะเห็นผลหลังจากการใช้ปุ๋ย ๒ - ๓ สัปดาห์ และกับต้นไม้ผล  ๓ - ๔ เดือน หลังการหมัก ๕ - ๖ เดือน ให้ตักกากวัสดุฝังกลบรอบโคนต้น

       นำน้ำหมักชีวภาพที่กรองผ่านตะแกรง ผสมน้ำ ๕๐ ส่วน ใช้ราดพื้นห้องน้ำ โถปัสสาวะ เพื่อดับกลิ่น  ราดโถส้วม  ท่อระบายน้ำ เพื่อละลายไขมันป้องกันการอุดตัน นอกจากนี้ ปุ๋ยน้ำเข้มข้น ยังใช้เทราดคูระบายน้ำ แหล่งน้ำครำ พื้นคอกเลี้ยงสัตว์ เพื่อดับกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี

      ผลที่ได้จากการทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง

      © สามารถนำเศษวัสดุที่เหลือใช้มาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ – ปุ๋ยชีวภาพ ด้วยตนเองได้อย่างคุ้มค่า

      © เป็นการกำจัดขยะ – แหล่งเพาะเชื้อโรคและแมลงวัน สร้างมลภาวะสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ชุมชน

      © เป็นการสร้างอาชีพแบบพึ่งพาตนเองที่มีส่วนช่วยลดการนำเข้า

  สูตรการทำปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้เอง :             

ขี้วัว ๑ ปี๊บ+แกลบ ๑ ปี๊บ+รำข้าวชนิดหยาบ ๑ ปี๊บ+จุลินทรีย์ (EM) ๒ ฝา+กากน้ำตาล ๒ ฝา+น้ำ ๑๐  ลิตร

วิธีทำ :  ใช้แกลบ ขี้วัว และรำข้าว ตามสูตร คลุกให้เข้ากันดี เติม จุลินทรีย์  กากน้ำตาล  และน้ำ (หากขี้วัวเปียกให้ลดส่วนน้ำลงคลุกเข้ากันจนทั่วดีแล้วนำบรรจุกระสอบปุ๋ยวางบนท่อนไม้ให้อากาศถ่ายเทได้ หมักทิ้งไว้ ๑๕ วันจึงนำไปใช้

ข้อมูลสาระน่ารู้เรื่องการเกษตรธรรมชาติเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

      คัดลอกจาก เอกสารเผยแพร่  ของ  ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรธรรมชาติไทย

๙๕  หมู่ที่  ๕   ตำบลช้างกลาง   กิ่งอำเภอช้างกลาง   จังหวัดนครศรีธรรมราช 

น้ำสกัดชีวภาพ  ( BIOEXTRACT )

            ลักษณะทั่วไป  น้ำสกัดชีวภาพเป็นของเหลวสีน้ำตาล  มีกลิ่นหอมคล้ายดอกเห็ด หรือฟางข้าวรสเปรี้ยว  ได้จาการสกัดพืชสด หรือเนื้อสัตว์ และกากน้ำตาล  ได้ส่วนประกอบที่เป็นสารอินทรีย์หลายชนิดที่พืชสามาถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง และจุลินทรีย์ฝ่ายสร้างสรรค์ ที่มีประสิทธิภาพมากมายหลายจำพวก  มีทั้งพวกที่กัดกินเชื้อโรค  พวกย่อยสลาย  พวกสร้างสารปฏิชีวนะ  พวกกำจัดแก๊ส  และพวกตรึงไนโตรเจน  ตรึงคาร์บอน  มีประโยชน์ทางด้านเกษตรสิ่งแวดล้อมและด้านการแพทย์

 ๑.  การทำน้ำสกัดชีวภาพ Bioextract

๑.๑  วัสดุที่ใช้

๑.    พืชสดทุกชนิดสับเป็นชิ้นเล็กๆ  ๓  กิโลกรัม

๒.  กากน้ำตาล  ๑  กิโลกรัม

๑.๒  วิธีทำ  นำวัสดุผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ถังปิดฝาหมักทิ้งไว้ในที่ร่ม ๗ – ๑๐ วัน

 ๑.๓ การนำไปใช้

๑.    น้ำสกัดชีวภาพ ๓ ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ๑ ปี๊บ รดพืชผักทุกชนิด /  พืชโตเร็ว  ปลอดภัย

๒.  น้ำสกัดชีวภาพผสมน้ำ  ๓๐๐  เท่า  ฉีดพ่นคอกสัตว์  / ดับกลิ่นเน่าเหม็น

๓.   น้ำสกัดชีวภาพผสมน้ำ  ๕,๐๐๐  เท่า  ให้สัตว์กิน  /  ปลอดโรค

๔.   ให้ทำน้ำฮอร์โมนชีวภาพ  เชื้อหมักขับไล่หนอน  แมลง  และกำจัดโรคพืช

๕.   ใช้ทำหัวเชื้อปุ๋ยชีวภาพ

 ๑.๔ ประโยชน์ของน้ำสกัดชีวภาพ Bioextract

๑.    ใช้ผสมน้ำรดพืชทุกชนิดเพื่อเร่งการเจริญเติบโต

๒.  ลดการระบาดของศัตรูพืช  กำจัดโรคพืช

 ๓.   บำบัดน้ำเสีย  กำจัดแก๊สพิษต่าง ๆ และกลิ่นเหม็นเน่าตามคอกสัตว์  ห้องน้ำ

๔.   ย่อยสลายอินทรีย์วัตถุต่าง ๆ แปรสภาพเป็นอาหาร  ฮอร์โมน  และวิตามินสำหรับพืชและสัตว์

 ๕.   ช่วยปรับสภาพของดินและน้ำ

๖.    ช่วยกระตุ้นการงอกของเมล็ดพืช

๗.   สร้างแพลงค์ตอนที่เป็นประโยชน์ต่อสัตว์น้ำ  ทำลายแพลงค์ตอนพิษโดยการตัดวงจรอาหาร

๘.   ใช้เป็นหัวเชื้อผลิตปุ๋ยหมักต่างๆผลิตยากำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช  ผลิตฮอร์โมนพืช

 ๑.๕  สารอินทรีย์ที่ปรากฏในน้ำสกัดชีวภาพ  Bioextract

            ๑.  กรดอะมิโน  ใช้เป็นอาหารของพืช

            ๒.  กรดอินทรีย์  ใช้เป็นอาหารของพืช

            ๓. จิบเบอร์เรลลิน ได้จากสารสกัดพืชสีเขียว กระตุ้นให้เกิดการยืดตัวของเซลล์ ทำให้ช่อดอกยาวขึ้น ลำต้นอวบใหญ่ 

            ๔. ออกซิน  พืชจะสร้างขึ้นที่บริเวณยอดอ่อน  ลำเลียงไปใช้ส่วนอื่นของพืช  เช่น  IAA (Indole  acitic  acid)  ทำหน้าที่เร่งการเจริญเติบโต  โดยจะกระตุ้นการขยายตัวของเซลล์ ควบคุมการแตกตาข้าง กิ่งข้าง การเจริญเติบโตของผล   การร่วงใบ  ดอกผล  เร่งการออกดอกของพืชบางชนิด

           ๕. ไซโตไคนิน สร้างขึ้นบริเวณปลายราก เช่น Zeatin จะทำหน้าที่ในการเกิดตา การแบ่งเซลล์การเจริญเติบโตของลำต้น  ทำลายเชื้อราที่เป็นโทษต่อพืช

            ๖. เอทธิลีน เป็นฮอร์โมนที่อยู่ในรูปก๊าซ พืชสร้างได้มากในช่วงผลไม้จะสุก ทำหน้าที่ควบคุมความแก่ของพืช เร่งการสุกของผลไม้ เร่งการหลุดร่วงของผล ดอก ใบ

               ๗. สารยับยั้งการเจริญเติบโต พืชสร้างขึ้นมาเพื่อยับยั้งมิให้ฮอร์โมนชนิดอื่นกระตุ้นพืชเติบโตเร็วเกินไปจะควบคุมการฟักตัว การหลุดร่วงของใบ ดอก และผล ควบคุมการออกดอก เช่น ABA (Abscisic  acid)

                ๘. วิตามินซี และวิตามินอี

 ๑.๖   จุลินทรีย์ที่ปรากฏในน้ำสกัดชีวภาพ Bioextract

            เมื่อเอาพืชสดและกากน้ำตาล  หรือเนื้อสัตว์และกากน้ำตาล  มาหมักไว้ในถังอับอากาศประมาณ  ๗ - ๘  วัน  จะได้น้ำสกัดชีวภาพและเกิดจุลินทรีย์ธรรมชาติฝ่ายสร้างสรรค์หลายชนิด  แบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้

            ๑. กลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ประมาณ  ๔  แฟมิลี่

            ๒. กลุ่มแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส ประมาณ ๘ - ๑๐ แฟมิลี่

            ๓. กลุ่มรา และฟังไจต่างๆ มากที่สุด เป็นรารูปเส้นใยสีขาว

            ๔. กลุ่มยีสต์ ประมาณ ๒ - ๓  แฟมิลี่

หมายเหตุ  จุลินทรีย์ที่พบในน้ำสกัดชีวภาพได้จากการวิจัยของสถาบันวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยใช้หยวกกล้วยและกากน้ำตาลเป็นตัวอย่างวิจัย

 การนำเอาน้ำสกัดชีวภาพ Bioextract ประยุกต์ใช้กับพืช

 ๒.  การทำปุ๋ยชีวภาพ Bioextract

     ๒.๑ วัสดุ

            ๑. มูลสัตว์แห้งทุกชนิด            ๑  ส่วน

            ๒.  รำละเอียด                         ๑  ส่วน

            ๓.  แกลบ                                ๑  ส่วน

            ๔.  วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น  เช่น กากอ้อย เปลือกถั่ว ขุยมะพร้าว แกลบกาแฟ กากปาล์มอย่างใดอย่างหนึ่ง  ๑  ส่วน

๒.๒  วิธีทำ เอาวัสดุทุกชนิดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน  แล้วราดด้วยน้ำจืดสะอาดที่ผสมด้วยน้ำสกัดชีวภาพบีอี  ๑๐ ซีซี.  กากน้ำตาล  ๑๐ ซีซี.  ต่อน้ำ  ๑๐  ลิตรลงบนกองปุ๋ย  คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่งพอให้กองปุ๋ยหมาดๆ นำไปกองบนพื้นซีเมนต์หนาประมาณ  ๑  คืบ  คลุมด้วยกระสอบป่าน  ทิ้งไว้  ๔ - ๕  วัน  จึงนำไปใช้ได้

 ๒.๓ ลักษณะปุ๋ยที่ดี มีราขาว  มีกลิ่นราหรือเห็ด  ไม่ร้อน  มีน้ำหนักเบา  สามารถเก็บไว้ได้นาน  ๑   ปี

 ๒.๔ วิธีใช้ปุ๋ยชีวภาพ Bioextract

        ๑. ใช้ปุ๋ยชีวภาพผสมกับดินในแปลงปลูกผักทุกชนิด  อัตราปุ๋ย  ๒ - ๓  กำมือ  ต่อพื้นที่๑  ตารางเมตร

        ๒. พืชผักอายุเกิน ๒เดือน เช่น กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตง ฟักทอง ใช้ปุ๋ยชีวภาพรองก้นหลุมก่อนปลูกประมาณ ๑ กำมือ

       ๓. ไม้ผล ไม้ยืนต้นควรรองก้นหลุมด้วยเศษหญ้า ใบไม้ ฟางแห้งประมาณ ๑ บุ้งกี๋ก่อนปลูก ส่วนไม้ผลที่ปลูกแล้วให้ใส่ปุ๋ยชีวภาพรอบทรงพุ่ม ๒ - ๓ กำมือต่อตารางเมตร แล้วคลุมด้วยหญ้า ใบไม้ฟางแห้ง  ฯลฯ

        ๔. ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้กระถาง ควรใส่ปุ๋ยชีวภาพทุกๆ ๗ วันครั้งๆละประมาณ  ๑  กำมือ

 ๒.๕  การใช้น้ำสกัดชีวภาพฉีดพ่นรดราดโดยตรง

            นำเอา  น้ำสกัดชีวภาพ  ๑  ช้อนโต๊ะ  กากน้ำตาล  ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ ๑๐  ลิตร

            ฉีดพ่น  รดราด  พืชผัก  ไม้ผล ไม้ยืนต้น บ่อยๆ  จะช่วยป้องกันแมลงและเร่งการ

            เจริญเติบโต 

 ๓.  การผลิตฮอร์โมนชีวภาพ

๓.๑  วัสดุ 

            กล้วยน้ำหว้าสุก             ๑         ก.ก. 

            ฟักทองแก่จัด               ๑         ก.ก. 

            มะละกอสุก                  ๑         ก.ก. 

            กากน้ำตาล                   ๒         ช้อนโต๊ะ 

            น้ำสกัดชีวภาพ               ๑         ช้อนโต๊ะ 

            น้ำสะอาด                     ๕         ลิตร

๓.๒  วิธีทำ  

            นำกล้วย  ฟักทอง  มะละกอ ทั้งเปลือก และเมล็ด สับจนละเอียดคลุกเข้าด้วยกัน  ผสมน้ำสกัดชีวภาพ Bioextract และกากน้ำตาล คลุกให้เข้ากันดีแล้วบรรจุใส่ถุงปุ๋ย หมักในถังพลาสติกปิดฝาทิ้งไว้ ๗ - ๘  วัน  น้ำที่ได้คือ  ฮอร์โมนชีวภาพ  นำฮอร์โมนชีวภาพ  ๒๐ ซีซี.  ผสมน้ำสะอาด  ๕  ลิตร  ใช้ฉีดพ่น รดราด  พืชผัก  ไม้ผล  ไม้ประดับ บ่อยๆ จะทำให้พืชแข็งแรง  โตเร็ว   ผลดก  ป้องกันแมลง และโรครบกวน

๔. การผลิตเชื้อหมักชีวภาพขับไล่แมลงและกำจัดโรคพืช Super Bioextract

๔.๑  วัสดุ

            น้ำสกัดชีวภาพ                        ๑         ส่วน

            กากน้ำตาล                            ๑         ส่วน

            น้ำส้มสายชูหมัก                      ๑         ส่วน

            เหล้าขาว                               ๒         ส่วน

 ๔.๒ วิธีทำ เอาวัสดุทั้งหมดละลายให้เข้ากันดีใส่ถังปิดฝาให้สนิททิ้งไว้อย่างน้อย ๒๔ ชั่วโมง จึงนำไปใช้ได้  หากใช้ไม่หมดสามารถเก็บไว้ได้นานถึง  ๓  เดือน

๔.๓  วิธีใช้           

         ๑. เอาSuper Bioextract ผสมน้ำจืด ๘๐๐ - ๑,๐๐๐ เท่า ฉีดพ่นปราบหนอน แมลงศัตรูพืช ทุกชนิด

         ๒. กำจัดเชื้อโรคพยาธิต่างๆ ในบ่อกุ้ง ใช้ Super Bioextract  ๕  ลิตรต่อไร่

 ๔.๔  การใช้น้ำสกัดชีวภาพ Bioextract กับการเลี้ยงสัตว์

          ๑. ผสมกับน้ำสะอาดอัตรา ๑ ส่วนต่อน้ำ ๘๐๐ - ๑,๐๐๐ เท่าให้สัตว์กินตลอดเวลาทำให้สัตว์ปลอดโรค สุขภาพดี

          ๒. ผสมกับน้ำสะอาดในอัตรา ๑ ต่อ ๑ ใช้หยอดจมูกเป็ด ไก่ แทนวัคซีน

          ๓. เอาน้ำผสมในอัตรา ๓๐๐ - ๕๐๐ เท่า ฉีดพ่นคอกสัตว์บ่อยๆ ช่วยป้องกันโรค และกำจัดกลิ่นเน่าเหม็น

๔.๕  การใช้น้ำสกัดชีวภาพ Bioextract กับสิ่งแวดล้อม

          ๑. ใช้น้ำสกัดชีวภาพผสมน้ำ ๓๐๐ - ๕๐๐ เท่าฉีดพ่นหรือรดราดบริเวณที่มีกลิ่นเน่าเหม็น ห้องน้ำ ห้องส้วม กลิ่นเน่าเหม็น        จะหมดไป  เอาหัวเชื้อเทราดในโถส้วมจะหมดกลิ่น และช่วยสร้างจุลินทรีย์ทำให้ส้วมไม่เต็ม

            ๒. นำเอาหัวเชื้อน้ำสกัดชีวภาพ ไปใส่ใน คู คลอง หรือแหล่งน้ำที่เน่าเสีย ในอัตราน้ำสกัดชีวภาพ ๑ ลิตร ต่อปริมาณน้ำ๑๐,๐๐๐  ลิตร  (๑๐ ลูกบาศก์เมตร)               

น้ำสกัดชีวภาพ Bioextract ช่วยปรับสภาพน้ำดีขึ้น ทำให้เกิดจุลินทรีย์ และแพลงค์ตอน

 ๕. การผลิตก้อนชีวภาพ Bioextract  Ball

     ๕.๑ วัสดุ

            ๑. มูลสัตว์แห้งทุกชนิด                                      ๑         ส่วน

            ๒.  รำละเอียด                                                 ๑         ส่วน

            ๓.  แกลบ                                                      ๑         ส่วน

            ๔.  ดินเหนียวหรือดินปลวกแห้งบดผง                    ๑         ส่วน

 ๕.๒ วิธีทำเอาวัสดุทุกชนิดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน  แล้วราดด้วยน้ำจืดสะอาดที่ผสมด้วยน้ำสกัดชีวภาพบีอี  ๑๐ ซีซี.  กากน้ำตาล  ๑๐ ซีซี.  ต่อน้ำ  ๑๐  ลิตร คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่งพอหมาดๆ คลึงหรือปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดพอประมาณหรือเท่าฟองไข่เป็ด นำไปกองบนพื้นซีเมนต์เพื่อผึ่งลมให้แห้ง  ทิ้งไว้  ๔ - ๕  วัน  จึงนำไปใช้ได้หรือเก็บในกระสอบเอาไว้ใช้

 ๕.๓  วิธีใช้ นำเอาก้อนชีวภาพ Bioextract Ball ไปใส่ใน คู คลอง หรือแหล่งน้ำที่เน่าเสีย ในอัตราน้ำสกัดชีวภาพ ๑ ลิตร ต่อปริมาณน้ำ ๑๕ กิโลกรัม ต่อพื้นที่  ๑  ไร่ ขนาดน้ำลึก  ๑  เมตร ช่วยปรับสภาพน้ำดีขึ้น ทำให้เกิดจุลินทรีย์ และแพลงค์ตอน เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ

  ตารางแสดงปริมาณธาตุ N-P-K จากมูลสัตว์และอินทรีย์สาร(%โดยประมาณจากน้ำหนัก)

วัสดุ

N %

P%

K%

มูลวัว

มูลควาย

มูลม้า

มูลสุกร

มูลเป็ด-ไก่

มูลกระต่าย

มูลค้างคาว(ไม้ยา)

ตะกอนโคลนตม

ขนเป็ด ขนไก่

ขี้เถ้าไม้

๐.๔

๐.๖

๐.๖

๐.๔

๑.๐

๒.๔

๑๐.๐

๑.๐

๘.๐

๐.๐

๐.๑

๐.๑

๐.๑

๐.๑

๐.๔

๐.๕

๑๓.๐

๑.๐

๐.๐

๐.๕

๐.๔

๐.๗

๐.๕

๐.๕

๐.๖

๐.๐๕

๒.๐

๑.๐

๐.๐

๑๐.๐

 เอ็น (N) หมายถึง ธาตุไนโตรเจน(Nitrogen) มีประโยชน์ต่อพืช คือ ช่วยสร้างสีเขียว ให้แก่ลำต้น ใบ และผล

พี (P) หมายถึง ธาตุฟอสฟอรัส(Phosphorus) มีประโยชน์ต่อพืช คือช่วยในการสร้างดอก ผล เมล็ด  ช่วยเร่งผลิต ผล และทำให้ผลสุกเร็ว

เค (K) หมายถึง ธาตุโปแทสเซี่ยม(Potusium) มีประโยชน์ต่อพืช คือ ช่วยเร่งให้รากของพืชแข็งแรง และหัวใหญ่ ช่วยในการหายใจ ของพืช ช่วยผลิตแป้ง และน้ำตาล

ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า ฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพ วว. ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาแบคทีเรียโพรไบโอติกในกลุ่มเชื้อแลคโตบาซิลไล (Lactobacilli) และ ไบไฟโดแบคทีเรีย (Bifidobacteria) ที่มีอยู่ในประเทศไทยในรูปของ หัวเชื้อผงสำเร็จรูปบริสุทธิ์ โดยผ่านกระบวนการทำแห้ง ซึ่งผ่านการทดสอบความปลอดภัยกึ่งเรื้อรังของสายพันธุ์โพรไบโอติกที่คัดเลือกได้ต่อหนูทดลองโดยฝ่ายเภสัชกรรมและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว.แล้วพบว่ามีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมนำไปวิจัยและพัฒนาเป็นหัวเชื้อในผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหารเสริม อุตสาหกรรมนม อุตสาหกรรมอาหารหมักดอง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ในการเก็บรวบรวมและเก็บรักษาเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของแบคทีเรียแลคติกได้อีกด้วย "ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์เพื่อสุขภาพ ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นมจุลินทรีย์ผสมอยู่ อาทิ นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ฯลฯ ซึ่ง จุลินทรีย์เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ และพบในลำไส้ของมนุษย์ อย่างไรก็ตามการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์ ในรูปแคปซูลหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดอื่นๆยังมีจำนวนน้อยมาก ดังนั้นองค์ความรู้ และสายพันธุ์แบคทีเรียโพรไบโอติก ที่ได้จากโครงการนี้จะมีประโยชน์ยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพราะจะช่วยลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากการซื้อจุลินทรีย์และเทคโนโลยีการผลิต หรือการนำเข้าผลิตภัณฑ์ของเชื้อจุลินทรีย์จากต่างประเทศซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท" ผู้ว่าการ วว. กล่าว

 

หมายเลขบันทึก: 372871เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2010 21:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 20:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท