แคว้นสทิงพระ เกิดขึ้นในบริเวณรอบๆทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่อำเภอหัวไทรลงมาคลุมพื้นที่ทั้งหมดในเขตจังหวัดสงขลาและพัทลุง บริเวณที่เป็นศูนย์กลางของแคว้น คือบริเวณที่เรียกว่า“แผ่นดินบก” เริ่มตั้งแต่เขตอำเภอระโนด ผ่านสทิงพระ มายังหัวเขาแดงในเขตอำเภอสิงหนคร
แคว้นนี้เป็นเมืองท่าที่สำคัญ เพราะเรือจากต่างประเทศสามารถแล่นเรือผ่านเข้าไปจอดตามเมืองต่างๆที่อยู่รอบทะเลสาบได้ บริเวณชุมชนที่สำคัญในระยะแรกๆคงอยู่ตามสันทรายแถวปากคลองจะทิ้งหม้อทางด้านทะเลสาบ มากกว่าด้านตะวันออกที่ติดกับอ่าวไทย ร่องรอยของโบราณวัตถุและโบราณสถานชี้ให้เห็นว่า แคว้นนี้ในระยะแรกๆนับถือศาสนาฮินดูเป็นส่วนใหญ่ ในสมัยหลังๆลงมามีการนับถือศาสนาพุทธ พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่หัวเขาแดงผ่านอำเภอสทิงพระไปจนถึงอำเภอระโนด ตั้งแต่สมัยอยุธยาขึ้นไปจนถึงทวารวดีเป็น “เกาะ”มีชื่อเรียกเกาะนี้หลายชื่อ “เกาะใหญ่” ก็เรียก “เกาะบก”ก็เรียก “เกาะสทิงพระ”ก็เรียก บ้างก็เรียกว่า “เกาะปะการัง” และฝรั่งเขียนในแผนที่ว่า “เกาะแทนทาลั่ม”
ในสมัยศรีวิชัยเกิดเป็นท่าเรือหลายแห่ง ทำให้ต่อมามีการสร้างบ้านแปลงเมืองเกิดขึ้น โดยมี “เมืองสทิงพระ” เป็นเมืองท่าและเป็นศูนย์กลางของบ้านและเมืองในท้องถิ่น โดยมีศาสนสถานทั้งพราหมณ์และพุทธอยู่มากมาย
ในสมัยอยุธยาประมาณรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้มีการจัดระเบียบการปกครองท้องถิ่นที่อาศัยวัดเป็นกลไกในการปกครอง โดยการสถาปนาวัดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางทั้งด้านการปกครอง และพิธีกรรมทางศาสนาให้ดูแลบรรดาวัดน้อยใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนในระดับหมู่บ้านและเมืองเล็กๆ (ดังแสดงในแผนที่แสดงเขตกัลปนาวัดบนเกาะสทิงพระในสมัยกรุงศรีอยุธยา) ว่าเป็นเรื่องที่พระมหากษัตริย์ทางกรุงศรีอยุธยาทรงสถาปนา “วัดพะโคะ” ให้เป็นศูนย์กลาง แล้วพระราชทานที่ดินกัลปนาให้แก่บรรดาวัดทั้งเก่าและใหม่ ที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนให้อยู่ภายใต้การดูแลของ วัดพะโคะ และเลื่อนบรรดาศักดิ์ของเจ้าอาวาส วัดพะโคะ จากการเป็น พระครู ของพระสงฆ์ฝ่ายลังกาชาด ให้เป็น สมเด็จพระราชมุนี ดังมีตัวอย่างให้เห็นว่า หลวงปู่ทวด นับเป็น พระราชมุนีองค์หนึ่งที่ปกครองวัดและบ้านเมือง บน “เกาะสทิงพระ” นี้
ตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง เกาะสทิงพระ มีความสำคัญขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คือมีพ่อค้าชาวอาหรับสร้างเมืองขึ้น ณ บริเวณหัวเขาแดง เป็นเมืองท่าที่เรียกกันว่า เมืองสงขลา แล้วตั้งตัวเป็นอิสระ แต่ถูกปราบปรามได้ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นับแต่นั้นมาบรรดาบ้านเมืองบนเกาะนี้ ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองและดูแลของ เมืองพัทลุง ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบสงขลา ขณะเดียวกันการทับถมของโคลนตะกอนและทราย โดยการกระทำของคลื่นลม ทำให้แผ่นดินงอกเพิ่มออกไป เปลี่ยนสภาพเกาะให้กลายเป็น คาบสมุทร ที่เรียกกันว่า “คาบสมุทรสทิง”
คนรุ่นเก่าๆในท้องถิ่นมักเรียกบริเวณที่เคยเป็น เกาะสทิงพระ นี้ว่า “แผ่นดินบก”
วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนบนแผ่นดินบกหรือ "คาบสมุทรสทิงพระ”จะมีความผูกพันกับ โหนด นา เล ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาหลายชั่วคนนานนับพันปี จวบจนถึงปัจจุบัน
วิถี โหนด
ตาลเอ๋ยตาลโตนด มากประโยชน์สุดอธิบายมีหลายสิ่ง
คน’ทิ้งพระลึกซึ้งได้พึ่งพิง เป็นความจริงพิสูจน์ได้หลายประเด็น
ตอนนี้’โหนดยังอยู่อย่างไร้ค่า หลายคนพามองข้ามไม่แลเห็น
ช่วยกันคิดเพิ่มค่าไม่ยากเย็น สร้าง’โหนดเด่นอีกคราน่าภูมิใจ
ไม่มีความเห็น