สุนทรียะ คือ สภาวะแห่งการแต่งเติมทางอารมณ์หรือไม่ คือ คำถามที่ปรากฏขึ้นในเช้านี้
บางครั้งอาจดูเหมือนเป็นความเข้าใจในเรื่องแห่งการระบายอารมณ์ ที่เฝ้าพรรณนาแห่งความทุกข์ เศร้าระทมอยู่ในจิตใจ ฤาเป็นเพียงการเพิ่มการปรุงแต่งแห่งดวงจิตให้ยุ่งเหยิงและซับซ้อนยิ่งขึ้น
แต่...หากเมื่อเราน้อมลงไปใคร่ครวญ
เราจะพบว่า ความเป็นสุนทรียนั้นคือ กระบวนการแห่งการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความงามของดวงจิตด้วยพลังด้านบวก ไม่ใช่เป็นกระบวนการอันไปกระตุ้นอารมณ์เชิงทำลาย ไม่ว่าจะเป็น เศร้า โกรธ เคียดแค้น ชิงชัง อันมีรากเหง้ามาจากหน่อเนื้อเมล็ดพันธุ์ของ "ความไม่ชอบใจ"...
เป็นกระบวนการเชิงสร้างสรรค์ของการกำจัดวัชพืชใจที่เป็นอารมณ์ด้านลบที่มักนำพาตนให้ไปในทิศทางของโลภ โกรธ หลง... หากแต่นำการแปรเปลี่ยนไปสู่ "ความตื่นรู้" และบ่มเพาะความดีความงามของดวงจิต
สังเกตไหมว่า...
เวลาเราอยู่ในห้วงแห่งการสุนทรียสนทนา เราจะไม่พร่ำบ่นระบายอารมณ์ทางลบ แต่อารมณ์ทางลบหรือปัญหาสามารถหยิบมาพูดได้เมื่อกระบวนการเหล่านี้ผ่านไปและเราได้เกิดการตระหนักรู้ในชีวิตผ่านอารมณ์ลบหรือปัญหา...ต่างๆ เหล่านี้
สุนทรียะ...ทำให้เราเกิดเป็นความอิ่มเอมในใจ
และเกิดเป็นพลังงานในใจที่กระตุ้นให้เราอยากลุกขึ้นมาทำสิ่งสร้างสร้างเพื่อผู้อื่น นำพาเราก้าวออกไปสู่เส้นทางแห่งการเสียสละ เป็นกำลัง"ใจ"...อันยาวนานที่ฝังลงไปในจิตในใจเรา ที่เมื่อไรนึกถึงก็ยังคงเต็มอิ่มในความรู้สึกที่ปรากฏขึ้น
หากว่าจะไปแล้วข้าพเจ้าอยากจะเรียกว่า "กระบวนการสุนทรียสนทนา"นั้น นำไปสู่การร่างแผนที่แห่งความสุขที่แท้ให้ปรากฏในระดับห้วงลึกทางจิตของมนุษย์ ดังที่โกลแมนเขียนไว้ในหนังสือที่ท่านมาติเยอ ริการ์นำมาเรียบเรียงไว้
พยายามสร้างแผนที่... ถึงระดับที่สามารถฝึกสมองให้อยู่ในขอบเขตที่สร้างสรรค์ เช่น มีความยินดีแทนที่จะมีความอยาก มีความสงบเยือกเย็นแทนที่จะหงุดหงิดรำคาญใจ มีความเมตตาแทนที่จะเกลียดชัง เมื่อต้องจัดการกับอารมณ์ที่สับสนวุ่นวาย โลกตะวันตกยกความสำคัญให้กับยา และที่จะดีหรือจะแย่ก็ยังไม่แน่ใจก็คือ ยาเม็ดปรับอารมณ์ได้ทำให้ผู้คนหลายล้านคนรู้สึกสบายใจขึ้นแต่ที่ถูกยกมาเป็นคำถามวิจัย(กับผู้ปฏิบัติสมาธิ) คือ โดยตัวบุคคลนั้นเอง เขาหรือเธอสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืนในสมองซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ได้หรือไม่ เพราะสิ่งนี้ทำได้ยากกว่าการใช้ยา
บางครั้ง...หลายคนมองว่าเป็นเรื่องยาก และอาจเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะบ่มเพาะพลังด้านบวก แต่...หากว่าหลายคนที่ได้ผ่านกระบวนการแห่งสุนทรียที่เป็นความดื่มด่ำลึกซึ้งลงไปในดวงจิตที่ผ่านการบ่มเพาะผ่านเรื่องเล่าแห่งความดีความงาม จะพบการเปลี่ยนแปลงในตนเองที่เป็นไปในทิศทางแห่งดวงจิตที่โน้มเอียงไปทางบวก
คิดบวก...มองบวก และเห็นความงามของสรรพสิ่งมากขึ้น
ที่มาภาพ ; http://gotoknow.org/blog/kapoommind/371978
ยามเช้า ได้ดื่มด่ำความงามของน้องฟ้ากะนายเมฆ ก็แช่มชื่นค่ะพี่กะปุ๋ม
ชวนไปชม รื่นรมย์ ค่ะ http://gotoknow.org/blog/weather/372027
เชื่อเช่นเดียวกันคะพี่กะปุ๋ม ... จะเก็บไว้เพียงสิ่งดีๆ ในทรงจำ ขอบคุณค่ะ
เวลาเราอยู่ในห้วงแห่งการสุนทรียสนทนา เราจะไม่พร่ำบ่นระบายอารมณ์ทางลบ แต่อารมณ์ทางลบหรือปัญหาสามารถหยิบมาพูดได้เมื่อกระบวนการเหล่านี้ผ่านไปและเราได้เกิดการตระหนักรู้ในชีวิตผ่านอารมณ์ลบหรือปัญหา...ต่างๆ เหล่านี้
สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้วครับ ;)
ขอบคุณครับ ;)
ขอบพระคุณครับ นำเรื่องสุนทรียะมาเล่าสู่กันฟัง............
กระผมเคยเรียนวิชา สุนทรียศาสตร์ทางทัศนะศิลป์..........
จากนั้น กระผมก็ไม่ต้องเข้าไปเรียนอีกเลย ครูบอกฉันให้เธอผ่าน เพราะอะไรนะหรือครับ เพราะว่า
......
กระผมใช้กระดาษเก่า ๆ มาทำปกสมุดที่เป็นบันทึกข้อเขียนในชั้นเรียน บันทึกเรื่องราวของครู พอครูเห็นสมุดที่ห่อหุ้มด้วยความเป็นทั้งหมดนี้ ครูเห็นถึงความงามในจิตใจ ความงามนี้คือความงามที่จิตรู้คุณค่าในสิ่งที่ศึกษา ด้วยการนำกระดาษมาช่วยรักษาความงามของปกสมุด ให้คงอยู่อย่างไม่เศร้าหมอง ไม่ขาดวิ่น สมุดเล่มนี้ ครูบอกว่า '' คือสุนทรียะ ที่อยู่ในใจเธอ......''
..สุนทรีย..ดื่มด่ำในความงาม..(เหมือนยายธีตอนเดินชมดมกุหลาบ..จนอยากจะเป็นหมู่ผึ้งแลภุมริน..ซะอย่างนั้น.เจ้าค่ะ)..สวัสดีค่ะคุณpoo
สัมผัสถึงหัวใจที่อ่อนโยนของอาจารย์ Wasawat Deemarn ได้ค่ะ
รากเหง้าแห่งการได้บ่มเพาะในมิติแห่งการที่ได้นึกถึงลูกศิษย์และความเป็นส่วนรวมมาก่อนเสมอ คือ ความประทับใจที่กะปุ๋มมีต่ออาจารย์เสมอค่ะ...
ดอกไม้ขาวนี้ช่างงามยิ่งนักค่ะ...
ขอบพระคุณนะคะ...คุณ บุษรา ที่แวะมาทักทายและร่วมบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งสุนทรียะในดวงจิตดวงใจเรา
สุนทรีย คือ....ความดื่มด่ำแห่งความงาม....
ใช้ภาษาสวยและเข้าใจโดยไม่ต้องแปล ถ้าหากเราอยากเจอความงามที่แท้จริงเราต้องต้องดูที่ใจเราขณะนั้นก่อนว่า อยู่ในสุนทรีย์พอที่จะไปในทางบวกได้ไหม ถ้าได้ก็โอเค แต่....หากยังไม่ได้ก็ต้องปรับอารมณ์และความนึกคิดในขณะนั้นเสียก่อนเนาะ
มีความสุขกับค่ำคืนนี้นะคะ เอาพ่อแม่เห็บมาฝากค่ะ
ถ้า ณ ตอนนี้ใจยังบวกไม่มากพอ นี่เลยค่ะ "หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย"... ปรับใจอันรุ่มร้อนจากพลังงานด้านลบ ให้เห็นลงสักหน่อย ใจสบายแล้วค่อยว่าก่อนต่อ...
ขอบพระคุณนะคะสำหรับพ่อเห็บแม่เห็บนี้...555
ฟังแล้วขำเลยค่ะครูkrugui Chutima ...เป็นผู้เปี่ยมด้วยอารมณ์ขำนะเนี๊ย
ขอบพระคุณท่านอย่างยิ่งที่มักแวะมารดน้ำแห่งเมล็ดพันธุ์...อันดีงามอยู่เสมอ
คำนี้ใหญ่มากครับ ยิ่งใหญ่มาก รดน้ำแห่งเมล็ดพันธ์....อันดีงามอยู่เสมอ
.......
กระผมชอบมาก ๆ เหมือนเราได้ช่วยเติม ช่วยเสริม เราหมายถึงทุก ๆ คน ที่เข้ามาเดินทางร่วมกัน นั้นคือเราที่อยู่ในที่นี้ ความดีงาม ควรอย่างยิ่งที่จะเฝ้าดูแลด้วยความใส่ใจ ดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง เมล็ดพันธ์แห่งความดีงาม จะเจริญเติบโต เป็นร่มเงาให้กับผืนแผ่นดิน ให้กับโลก ให้กับจักรวาล ให้กับดวงดาว ให้ดำรงอยู่ในจิตใจ
......
ขออนุญาติใช้คำนี้ ในการเขียนสื่อสารในกิจกรรมต่อไปขอรับ ขอบพระคุณมากครับ