ยุทธศาสตร์ เพื่อการตัดสินใจ ของผู้บริหารสถานศึกษา
ในแต่ละวันเรามีการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ นับเป็นร้อยครั้ง ฐานะผู้บริหารในสถานศึกษา การตัดสินใจเป็นภาระหน้าที่ที่มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตขององค์กร ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลและความรอบรู้ของเราที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะตัดสินใจทั้งหมด มีส่วนสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจนำไปสู่ความสำเร็จ อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีข้อมูลดี มีความรู้ดีในเรื่องที่จะตัดสินใจ บางครั้งการตัดสินใจก็อาจยังผิดพลาดได้ ถ้าเราไม่คำนึงถึงค่านิยมหรือความรู้สึกและการยอมรับในความสำคัญของเรื่องนั้นๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากการตัดสินใจที่ดีจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ความรอบรู้ ค่านิยม หรือความรูสึก และการยอมรับในความสำคัญของผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวแล้ว ดังนั้น ผู้บริหารที่จะต้องตัดสินใจจะต้องมีวิธีและแนวทางการตัดสินใจที่เหมาะสมกับเรื่องที่จะตัดสินใจ และเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ในที่นี้ได้มีผู้เสนอแนวทางหรือวิธีการที่จะช่วยผู้บริหารโรงเรียน เพื่อนำไปสู่กาตัดสินใจที่ดี ซึ่งผู้เสนอเรียกรวมๆ ว่า เป็นยุทธศาสตร์ เพื่อการตัดสินใจซึ่งจะใช้ในเรื่องต่างๆ คือ
- เพื่อรวบรวมสารสนเทศ (information) และการประเมินค่า (judgment) ในเรื่องนโยบายและแนวดำเนินงาน
- เพื่อระบุความต้องการและสำรวจปัญหา (identifying needs and examing problems)
- เพื่อจัดลำดับความสำคัญ (deciding priorities)
- เพื่อตัดสินใจในแนวทางในอนาคต (making decisions about future paths)
วิธีการหรือยุทธศาสตร์ที่จะนำเสนอเพื่อให้ผู้บริหารเลือกใช้ มี 19 ข้อ เพื่อให้ได้รู้จักและเข้าใจเบื้องต้น ตามจุดประสงค์ 4 ข้อข้างต้น
- การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) วิธีการนี้คงเป็นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ผู้บริหารจะใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้เพื่อตรวจสอบผลการปฏิบัติงานของตนหรือของโรงเรียนเพื่อให้เกิดความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ดีขึ้น แล้วนำผลการสำรวจไปใช้
- คณะผู้ช่วยงาน (Advocate Teams) วิธีนี้ผู้บริหารจะตั้งคณะทำงานขึ้น 2 คณะขึ้นไปให้ทุกคณะไปพิจารณาแก้ปัญหาในเรื่องเดียวกันในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ แล้วนำข้อเสนอส่งให้ผู้บริหาร ผู้บริหารจะศึกษาพิจารณาข้อเสนอของทุกคณะพร้อมๆ กัน แล้วจึงตัดสินใจเลือกวิธีการที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด
- การระดมพลังสมอง(Brainstorming) เป็นการประชุมระดมความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ได้ความคิดหรือแนวทางมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ภายในเวลาที่จำกัด โดยยังไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้มากนัก แล้วจึงมาเรียบเรียงจัดระเบียบ
- การตั้งคณะกรรมการสืบสวน (Commission of Inquiry) เป็นวิธีการที่ยืมมาจากวิธีการของศาล มีการตั้งคณะทำงานขึ้นชุดหนึ่ง ทำการสอบสวน ตรวจสอบ ซักถามพยานหรือผู้รู้แล้วร่างข้อสรุปและข้อเสนอแนะ นำข้อสรุปและข้อเสนอแนะนั้นไปเสนอให้กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องได้วิพากษ์วิจารณ์แล้วปรับปรุงก่อนนำเสนอผู้บริหาร (วิธีนี้คล้ายคลึงกับที่เรากำลังนิยมใช้อยู่ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งมักจะมีคำว่าประชาพิจารณ์ปนอยู่ด้วยในขั้นตอนการวิพากษ์วิจารณ์)
- การหาข้อตกลงร่วม 1-3-6 (Consensus 1-3-6) วิธีนี้ให้แต่ละคนที่เกี่ยวข้องเริ่มคิดวิธีการหรือข้อเสนอของแต่ละคนก่อน แล้วจับกลุ่ม 3 คน นำข้อเสนอของแต่ละคนในกลุ่ม 3 คน นำข้อเสนอของแต่ละคนในกลุ่ม 3 คนนั้น มาเรียบเรียงรวมกัน แล้วรวมกลุ่มเป็น 6 คน นำข้อเสนอที่รวมได้ในกลุ่ม 3 คนมาเรียบเรียงรวมกันเป็นข้อเสนอของคนทั้งคณะใหญ่
- การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เป็นการวิเคราะห์ภาษาในหนังสือ หรือสัมภาษณ์บุคคลเกี่ยวกับความคิดเห็น แล้วนำมาวิเคราะห์ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
- การวิเคราะห์เส้นทางวิกฤต (Critical Path) เป็นวิธีวางแผนปฏิบัติงานด้วยการกำหนดช่วงเวลาการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในแผน ทั้งที่ต้องทำต่อเนื่องกันและกันทำคู่ขนานกัน แล้วหาลำดับความต่อเนื่องของกิจกรรมสำคัญที่ขาด หรือสลับกันไม่ได้ เพื่อยึดเป็นเส้นทางหลักในการปฏิบัติงานตามแผน
- เดลไฟ (Delphi) เป็นวิธีการหาข้อมูลความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยเทคนิควิธีการถามซ้ำจนได้ข้อสรุปจากคนทั้งกลุ่มได้
- Force-field Analysis เป็นเทคนิคการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง (Changes) โดยการรวบรวมแรงดัน (Forces) ที่พยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และแรงดันที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด แล้วผู้บริหารนำมาพิจารณาชั่งน้ำหนักอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน
- การประเมินแบบอิสระจากเป้าหมาย (Goal-free Evaluation) วิธีการนี้คือ จัดให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน หรือผลผลิตที่ได้โดยดูแต่ข้อดีและข้อเสียที่ปรากฏโดยไม่คำนึงว่าการดำเนินงานหรือผลผลิตนั้นจัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์หรือเป้าหมายอะไร
- การสัมภาษณ์ (Interviews) คือการที่ผู้ต้องการข้อมูลพลบุคคลที่จะให้ข้อมูลได้เป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มแล้วใช้วิธีการพูดคุย ซักถาม หาข้อมูลหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อยากรู้หรือเป็นประเด็นปัญหา
- Nominal Group Technique) วิธีนี้ให้แต่ละคนที่เกี่ยวข้องเขียนข้อเสนอของตนก่อน นำข้อเสนอทั้งหมดมารวมกัน แล้วประชุมอภิปรายข้อเสนอทั้งหมด โดยไม่มีการระบุเจ้าของความคิด แล้วตัดสินด้วยการลงคะแนน (vote) ถ้ามีคนเป็นจำนวนมากก็ใช้วิธีแบ่งเป็นหลายๆ กลุ่ม เมื่อแต่ละกลุ่มได้ข้อสรุปแล้วให้ผู้แทนกลุ่มไปประชุมร่วมกัน แล้วอภิปรายหาข้อสรุปอีกทอดหนึ่ง
- การสังเกต (Observation) คือการออกไปดูของจริง ซึ่งอาจเป็นกระบวนการทำงาน กิจกรรม สถานที่ และอื่นๆ โดยมีประเด็นคำถามและรายการที่จะสังเกตเตรียมไว้ก่อนบันทึกผลการสังเกตแต่ละข้อที่อยู่ในรายการ แล้วนำมาหาข้อสรุป
- โรงเรียนที่เป็นไปได้ (The Possible School) กลุ่มคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายแบ่งเป็นกลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มเสนอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแนวทางที่จะพัฒนาโรงเรียนของตนตามประเด็นที่กำหนด รวมทั้งวิธีการต่างๆ ที่จะบรรลุความสำเร็จที่ต้องการ แล้วจับคู่กลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้วแต่ละกลุ่มแยกไปทำงานในการปรับปรุงแนวความคิดของกลุ่มตนให้สำเร็จตั้งแต่เป้าหมาย และแนวดำเนินการตลอดแนวผู้บริหารรวบรวมข้อเสนอของทุกกลุ่มไว้พิจารณาตัดสินใจ
- แบบสอบถาม (Questionnaires) แบบสอบถามเป็นเครื่องมือรวบรวมข้อมูลจากคนกลุ่มใหญ่ เป็นวิธีการที่เสียค่าใช้จ่ายน้อย ใช้สะดวก แต่แบบสอบถามที่มีคุณภาพก็สร้างยาก มีรูปแบบของคำถามที่อาจนำมาใช้ได้หลากหลาย ทั้งในรูปของคำถามปลายเปิด แบบตัวเลือก แบบมาตราส่วนประมาณค่า ซึ่งเราคุ้นเคยกันก็มีอีก เช่น สังคมมิติ (Sociometric Measures) คิวซอร์ท (Q-sort) การจับคู่เปรียบเทียบ (Pair Comparison) และอื่นๆ
- การสร้างภาพอนาคต (Scenario) การพรรณนาภาพของสถานภาพในอนาคตของโรงเรียนหรือองค์กรของเราที่เราปรารถนาจะให้เป็น แล้วชี้แจงเส้นทางหรือแนวทางที่จะนำไปสู่สถานภาพที่คาดหวังในอนาคตนั้น พร้อมด้วยทางเลือกในการตัดสินใจตามขั้นตอนต่างๆ และแนวทางต่อไปหลังจากผ่านทางเลือกแต่ละทางไปแล้ว ผู้บริหารอาจใช้เทคนิควิธีนี้ด้วยตนเองหรือมอบหมายให้กลุ่มผู้เกี่ยวข้องช่วยกันคิดก็ได้
- ความคิดเห็นที่สอง (A Second Opinion) วิธีการนี้เป็นทำนองเดียวกับการที่เราไปหาหมอคลินิกแห่งหนึ่ง หมอตรวจแล้ววินิจฉัย บอกโรคที่เราเป็นแล้วสั่งยามารักษา เพื่อให้แน่ใจเราก็ไปหาหมออีกคลินิคหนึ่งให้ตรวจเช็คทำนองเดียวกันซ้ำเพื่อยืนยันว่าเราป่วยเป็นโรคนั้นจริงหรือไม่ ผู้บริหารอาจใช้วิธีการนี้โดยการให้มีคณะทำงานชุดหนึ่งทำข้อเสนอแนะการแก้ปัญหาแก่เขา แล้วส่งข้อเสนอแนะนั้นให้อีกกลุ่มหนึ่งพิจารณาให้ข้อวิจารณ์ และเสนอแนะ แล้วนำข้อวิจารณ์กับข้อเสนอแนะทั้งหมดของกลุ่มที่ 2 กลับมาให้กลุ่มแรกพิจารณาอีกครั้ง ปรับปรุงเป็นข้อเสนอสุดท้ายส่งให้ผู้บริหาร
- Transactional Evaluation วิธีการโดยย่อ คือเกรียกประชุมกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องนำเสนอประเด็นปัญหาหรือแนวดำเนินงาน (แผน) ที่จะทำ ให้ผู้ร่วมประชุมเสนอความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ ตั้งแต่ใครเป็นผู้ก่อปัญหา หรือสาเหตุมาจากอะไรความร้ายแรงของปัญหา วิธีการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการแก้ไข และอื่นๆ หลังประชุมนำข้อเสนอต่างๆ มารวบรวมเรียบเรียง และจัดกลุ่มแล้วดัดแปลงเป็นแบบสอบถาม แล้วนำไปถามกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์หาอัตราส่วนหรือร้อยละของคำตอบ นำผลการวิเคราะห์เข้าสู่ที่ประชุมเดิมเพื่ออภิปรายและเลือกตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ซึ่งรวมตั้งแต่ปัญหา แผนการดำเนินงาน แลอื่นๆ
- การสอบสวนโดยคณะลูกขุน (Trial by jury) วิธีการคือ นำข้อเสนอที่เป็นแผนหรือแนวปฏิบัติเสนอต่อที่ประชุมที่แบ่งเป็นฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายค้าน ให้ทั้งสองฝ่ายนำเสนอความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ ของฝ่ายตน แล้วนำความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ
วิธีการหรือยุทธศาสตร์ทั้ง 19 ข้อนี้ มีแนวปฏิบัติปลีกย่อยที่แยกออกไปได้อีกหลายๆ แนว ซึ่งผู้บริหารจะเลือกใช้ยุทธศาสตร์ใดย่อมขึ้นกับสถานการณ์ ประเด็นปัญหา และความถนัดของแต่ละคน วิธีการนำเสนอมาทั้งหมดเป็นวิธีการกลุ่มที่ต้องมีผู้อื่นร่วมดำเนินการด้วยทั้งสิ้น ซึ่งหมายความว่าเป็นยุทธศาสตร์การตัดสินใจในแนวของการกระจายอำนาจหรือการรับฟังความคิดของหลายๆ ฝ่าย ผู้บริหารที่จะใช้วิธีการเหล่านี้ได้ต้องใจกว้างและเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ผู้ชอบตัดสินใจโดยอาศัยความคิดของตนแต่ผู้เดียว
วัลลภ กันทรัพย์ วารสารวิชาการ ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 มีนาคม 2541