Dare to Change: กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จอย่างที่เราฝันได้นั้น สิ่งสำคัญยิ่งคือ การที่เราจะต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อทำให้ฝันที่เราวาดไว้นั้นก่อเป็นรูปร่างขึ้นมา
อย่างในตอนที่แล้วที่เราได้กล่าวถึงทีมชาติญี่ปุ่นที่สร้างฝันให้กับคนทั้งชาติด้วยการ์ตูนซึบาสะ ซึ่งนอกจากการสร้างฝันแล้ว สิ่งที่ญี่ปุ่นทำก็คือ การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในวงการฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ J-League ขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาในด้านโภชนาการเพื่อเสริมสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง สูงใหญ่เพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบในการเข้าปะทะแย่งบอล
สำหรับตัวอย่างในบ้านเราผมขอยกตัวอย่าง ดาบวิชัย ที่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่อยากเห็นอำเภอปรางกู่ เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้ชุมชนได้ สิ่งที่ดาบวิชัยได้ทำให้เราเห็นคือ การลงมือทำตามฝัน มุ่งมั่นและพยายามในการทำตามฝันอย่างไม่ย่อท้อ
ในโลกธุรกิจก็เช่นกัน เมื่อหลายสิบปีก่อนเราแข่งขันกันด้วย Economy of Scale ใครมีความสามารถในการผลิตมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ แต่ในปัจจุบันนั้นเราจะต้องแข่งขันด้วย Economy of Speed ใครปรับตัวเข้ากับความต้องการของลูกค้าได้เร็วกว่าจึงจะเป็นผู้ชนะ เช่น Toyota ที่พัฒนาระบบการผลิตแบบทันเวลา Just In Time (JIT) ที่สามารถเปลี่ยน Model ในการผลิตรถยนต์ในเวลาอันรวดเร็ว หรือแนวความคิดในการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมที่เรียกว่า Blue Ocean Strategy ตัวอย่างเช่น สายการบิน Low-Cost Airline, ร้านขายหนังสือ Amazon
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอันหนึ่งในเรื่องของการไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ได้แก่ กรณีของบริษัท Kodak ซึ่งหากพูดถึงกล้องถ่ายรูปแบบ Digital แล้วหลาย ๆ คนคงนึกถึงยี่ห้อ Sony หรือ Fuji แต่ที่จริงแล้วบริษัทผู้คิดค้นการถ่ายรูปแบบ Digital เป็นรายแรกของโลก ได้แก่ บริษัท Kodak แต่ด้วยความกลัวว่าหากผลิตกล้อง Digital ออกมาจะกระทบต่อธุรกิจฟิล์มถ่ายภาพ ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท จึงไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง จนในที่สุดก็ไม่สามารถช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาดกล้องถ่ายรูป Digital ได้
ดังนั้นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้เราไปถึงฝัน คือ เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง (Dare to Change)
ไม่มีความเห็น