วันนี้เป็นเหมือนทุกวันก็คือต้องหาโอกาสอ่านบันทึกของมวลสมาชิกให้มากที่สุด เพราะการอ่านจะทำให้เราเกิดความคิดใหม่ในการสรรหาสร้างสรรให้เกิดงานใหม่ของเราในลักษณะที่เป็นการแสดงความคิดเห็นให้แก่เจ้าของบันทึกแต่ละบันทึก เพราะความคิดที่จะให้เกิดความสร้างสรรมันมีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายยาว พอมันยาวมันก็จะกลายเป็นวัตถุดิบที่จะทำให้เรามีเรื่องที่จะเขียนได้มากขึ้นและจะเป็นที่สนใจมากขึ้นด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าววันนี้อ่านพบบันทึกของสมาขิกท่านหนึ่ง ผมสะกิดใจที่เขียนถึงความแก่ และวิเคราะห์ว่า ความแก่น่าจะเป็นความกังวลของคนทั่วไป ผมก็แสดงความคิดเห็นไป ถึงแม้ไม่ยาวเท่ากับบทความที่ผมเขียนด้านล่างนี้ แต่แรงบันดาลใจในการเขียนเกิดจากการเข้าไปอ่านบันทึกดังกล่าวนั่นเอง จึงทำให้มีบันทึกนี้ปรากฏเพิ่มขึ้น คำที่สะกิดใจผมคือ ความแก่ไงละครับ ขออภัยที่จะต้องนำมาให้อ่านกันอีกครั้งเพื่อจะเป็นแนวคิดในการเขียนบันทึกใหม่ของมวลสมาชิกไม่มากก็น้อย
เรื่องที่น่ากลัวที่ไม่ควรกลัวของคนเราเรื่องอื่นไม่กลัวกลับกลายเป็นกลัวความแก่ แทนที่จะกลัวโรคภัยไข้เจ็บ บางคนบางท่านถึงกับต้องไปแต่งเติมทาสีให้มีสีสรร หรือใช้เครื่องนุ่งห่มปิดบัง คนประเภทดังกล่าวมีความกลัวความแก่อย่างสาหัส โดยหารู้ไม่ว่าความแก่มันจะเดินทางมาของมันเองตามธรรมชาติกำหนดและเรายิ่งกลัวก็คือยิ่งคิดถึงมันมากเท่าไรมันก็ยิ่งถาโถมเข้าหาสรีระของเรายิ่งมากขึ้นตามแรงอานุภาพแห่งความคิดถึง ถ้าเป็นความคิดถึงของความรักมันก็หายคิดถึง แต่ถ้าเป็นความแก่มันก็มาเพิ่มความแก่ให้เป็นไปตามความคิดถึงเช่นกัน
ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดถึงความแก่ก็น่าจะวิเคราะห์สิ่งที่จะนำมาแบ่งปันนี้ก็จะดีไม่น้อยที่เดียว เพราะคนเรา ยิ่งคิดว่าเรายิ่งแก่ เราก็ยิ่งเฉา ความแก่เป็นเรื่องของธรรมชาติ มันจะมาของมันเอง ถึงแม้เราไม่คิดถึงมัน มันก็ก้าวล่วงมายังเราทุกลมหายใจ ความคิดโดยส่วนตัวของผู้เขียน เราจะไม่คิดถึงความแก่ เราหันมาคิดถึงว่าทำอย่างไรให้เรามีความสุข ทำอย่างไรที่เราจะทำประโยชน์ที่ทำให้ผู้อื่นได้มีความสุข ทำอย่างไรอย่างให้เราไม่พบกับโรคภัยไข้เจ็บ หรือถ้าพบก็ให้หายบรรเทาโดยเร็ว ไม่อยู่ทวงหนี้กรรมจนนานเกินไป ความแก่ก็จะเดินทางมาสู่ตัวเราช้าลง ยิ่งไปคิดถึงมันมาก มันก็ยิ่งชอบมันจะเกาะกินหัวใจเราตลอดเวลา ความแก่ก็บุกรุกเราตลอด
แท้จริงแล้วยังเรายังไม่แก่ เพียงแต่เวลาของอายุมันเดินด้วยความยุติธรรม รับไปเลยคนละ 24 ชั่วโมง เราจะเอาเวลานั้นไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของเรา ท่านเชื่อไหมว่า การนำเวลาไปใช้ก็เป็นตัวช่วยสนับสนุนให้มีความแก่เพิ่มขึ้นได้ เช่นการดื่มของมึนเมาเป็นต้น และถ้าต้องการให้เป็นตัวช่วยให้ดูอายุเป็นไปตามธรรมชาติก็ใช้เวลาบางส่วนออกกำลังกายบ้างก็จะทำให้ดูหนุ่มกว่าวัยเข้าไปอีก ขึ้นอยู่กับว่าเรารักตัวเราจริงจังแค่ไหนนั่นต่างหาก
ลืมมันเสียเถอะความแก่ แต่ไม่ใช่ว่าจะให้ประมาทในสังขาร เดี๋ยวจะหาว่าจะยุให้ทำความชั่วกับตัวเอง แต่เราคิดถึงหลักกระแสจิตตามปกติมาจับดู เราคิดถึงเพื่อนคนหนึ่งซึ่งขณะนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ จู่ ๆ เพื่อนที่เราคิดถึงก็โทรศัพท์มาหาเรา และเขาก็บอกว่าไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงกดโทรศัพท์มาถึงเรา เราก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน อยู่ไกลหรือใกล้ แต่หันมาดูร่างกายของเรา พอเราคิดถึงมันก็ถึงเลย มันก็มาเลย แสดงอาการเลย คิดถึงมากมันก็มามาก ความก็ทวีคูณ
จะขอยกตัวอย่างการเป็นครูมีความสุขอยู่กับเด็ก ๆ โอกาสที่จะคิดถึงความแก่ยากมาก เพราะเราอยู่กับเด็ก เราก็คิดถึงเด็ก ความเป็นเด็กก็จะฝังอยู่ในใจ เพราะเราจะต้องเข้าใจเด็ก ว่าเขาต้องการความสุข เราก็ต้องการความสุข เราไม่ได้ต้องการความแก่ แต่ความแก่มันจะมาของมันเองไม่ต้องไปคิดถึง หยุดคิดถึงความแก่ก็เหมือนเราหยุดดื่มน้ำอัดลม น้ำอัดลมยิ่งดื่มก็ยิ่งสะสมสิ่งที่ทำลายกระดูกและระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ดื่มทุกวันมันก็ทำลายทุกวัน ความแก่ก็เหมือนกันยิ่งคิดมันก็ยิ่งเพิ่มเช่นกัน
ความแก่จึงไม่ควรที่จะไปคิดถึงโดยให้ปล่อยเป็นไปไปตามธรรมชาติ ก็ลองหาโอกาสเปลี่ยนความคิดเสียใหม่หยุดคิดเรื่องนี้เสียให้เด็ดขาด แล้วคอยดูผลว่าเป็นอย่างไร ถ้าผลปรากฏว่าคุณมีความกระชุ่มกระชวยขึ้นหลังจากหยุดคิดถึงความแก่ ท่านก็ช่วยแบ่งปันต่อ ๆ ไป ความแก่ของท่านก็จะชลอลง อย่าเชื่อผู้เขียน หันลองมาพิสูจน์ ผลไม่สำเร็จก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถ้ากลับกัน ท่านจะได้กำไรมหาศาลที่ท่านยอมทิ้งความคิดความแก่ไป แล้วปล่อยให้อายุมันเลื่อนไหลไปตามธรรมชาติ ความทุข์ก็จะหาย ความสุขสบายก็เริ่มมและจะมีไม่มีวันหยุด
ธนา นนทพุทธ
สวัสดีค่ะ
เกี่ยวกับครูอ้อย แซ่เฮ 1 เรื่อง คือ ความแก่ ใช่ไหมคะ โคลงแห่งมิตรภาพ...ถึงครูอ้อย แซ่เฮ