นาฬิกาข้อมือ


เช้านี้...ไปรื้อหนังสือเล่มที่เคยอ่าน ไปสะดุดกับคำที่ว่า "ถอดนาฬิกาข้อมือออกไป" ทำให้นึกถึงหลายๆ เรื่องที่เคยเขียนไปจึงมานั่งค้นหามาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปั่นจักรยานมากขึ้นสิ่งที่ได้ก็มากตาม  หรือเรื่อง <วิถี38> : จักรยานและการเดิน หรือย้อนหลังไปอีกถึงเรื่องการใช้ชีวิตให้ช้าลง "ก้าวช้าๆ นะชีวิต" และเมื่อวานนี้ก็ได้อ่านบันทึกของ อ.หมอวิจารณ์ (Prof. Vicharn Panich) เรื่อง ชีวิตที่พอเพียง : ๑๐๑๙. ชีวิตช้าๆ  ทำให้ได้กลับมาใคร่ครวญในตนเองอีกครั้งในเช้านี้

"นาฬิกาข้อมือ"... เป็นอะไรที่ไม่เคยได้ติดอยู่บนข้อมือของข้าพเจ้ามานานหลายปีมาก จำได้ว่าสมัยที่เรียนพยาบาล การเป็นนักเรียนพยาบาลทุกคนต้องมีนาฬิกาของตนเอง เพื่อใช้ในการเรียนและการฝึกฝนการเป็นพยาบาล ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอะไรที่อึดอัดมาก ข้าพเจ้าจะเป็นอะไรที่ทนไม่ค่อยได้กับการใส่เครื่องประดับ หรือนำสิ่งต่างๆ มาพัวพันในร่างกาย... จนเมื่อจบ วางนาฬิกาทิ้งเลย...จนมาถึงทุกวันนี้

แล้วจะทราบเวลาได้อย่างไร...

ก็อาศัยความสังเกตจากความเป็นไปของสิ่งรอบด้าน และฝึกฝนตนเองเวลาที่จะทำไร จะกะประมาณเวลา เช่น กะว่าจะว่ายน้ำประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็สังเกตจากสภาพร่างกายถึงความทนได้ ความเหนื่อย ความเมื่อย หรือความล้า หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพท้องฟ้า และการเคลื่อนไหวของผู้คนรอบด้าน... ช่วงแรกๆ ของการฝึกได้ตรวจสอบเช็คเรื่องเวลาโดยสอบถามจากคนรอบด้าน พอหลังๆ ก็กะการณ์เอาเอง...

การที่ไม่ได้ผูกตนเองไว้ในเรื่องเวลา หากแต่ใช้เป็นความสำนึกรู้สึกในตนเอง ว่าเท่าไรพอดี หรือแค่ไหนพอดี มันก็ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่ช้าลง ไปสอดคล้องกับหนังสือที่รื้อมาอ่านเจอของ John Lane ที่พูดไว้ว่าในหนังสือ "ความเงียบ" ตอนที่ว่า "ศัตรูของความเงียบ"

...แต่การชะลอความเร็วเหมือนกับการทำความดี ที่ต้องเริ่มต้นคุณธรรมความเนิบช้า ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพดี การงานดี ธุรกิจดี ชีวิตครอบครัวดี มิตรภาพดี และเพศสัมพันธ์ดี เหล่านี้อาจพบได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเราเพียงแต่เอาใจใส่ต่อพฤติกรรมของเราเอง ก้าวแรก คือ ต้องผ่อนคลาย (ปล่อยวางความไม่อดทน เลิกเร่งร้อน และเรียนรู้ที่จะยอมรับความเนิบช้าและความไม่สมบูรณ์พร้อม) จากนั้นก็ถอดนาฬิกาข้อมือออกไป แล้วมีสติอยู่กับโลกรอบกายคุณ ฝึกมองอย่างช้าๆ ทำทุกอย่างให้นานกว่าเดิม ไม่รับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ เดินช้าๆ ขับรถยนต์ตามความเร็วที่กำหนด เรียนรู้ที่จะทำทุกสิ่งเพื่อสิ่งนั้นๆ แต่การต่อสู้กับความเร็วไม่ได้มีนัยว่า ต้องทำทุกอย่างเหมือนทากคลาน เพราะกิจกรรมบางอย่างต้องใช้ความเร็ว ศิลปะแห่งชีวิตย่อมมีทั้ง จังหวะเร็ว จังหวะช้า และจังหวะกลางๆ

บางครั้ง...

การนำพาตนเองไปสู่ความเนิบช้า จะทำให้เราได้เรียนรู้ต่อสิ่งต่างๆ ที่ผ่านผัสสะเข้ามาด้วยความละเอียดมากขึ้น ส่งผลต่อตัวเราได้อย่างมากเลย ต่อการลดความรุนแรงและก้าวร้าว เพราะการได้เรียนรู้ในความละเอียดอ่อนนั้น มักส่งผลให้ "ใจ" เรานั้นอ่อนโยนขึ้น นอบน้อมมากขึ้น ... ปราศจากความแข็งกร้าว...

เพราะ "ใจ" เราจะเพิ่มพูนความเต็มเปี่ยมด้วย "ความเข้าใจ"

เมื่อไรที่ชีวิตเราก้าวย่างไปด้วยความเข้าใจ...เมื่อนั้นเราจะเห็นความงดงามของ "ชีวิต" และสิ่งที่เกิดขึ้นอันล้อมรอบตัวเรา เพิ่มการขยายวงแห่งการมองชีวิตที่แทนที่จะมองแต่ตนเอง แต่จะมองเห็นความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์...กับสรรพสิ่งต่างๆ รอบด้านมากขึ้น ที่สุดแล้วมันจะสลายปราการ...อันเป็นกำแพงขวางกั้นที่เราได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่เด็กในเรื่อง "ตัวกู"...ให้สลายออกไป ที่สุดแล้วจะเหลือเพียงแค่ความหนึ่งเดียวภายใต้...ความเป็น "ชีวิต"

 

 

หมายเลขบันทึก: 368600เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2010 08:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 13:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

อยากไปว่ายน้ำกะพี่กะปุ๋มบ้างจัง นานมากๆแล้วไม่ได้ลงสระ ยังจำความสดชื่น และมหัศจรรย์ของน้ำ ลงไปปุ๊บ หายเหนื่อยปั๊บ แล้วโลกทั้งใบ ก็สุขี ๆๆ ขอบคุณค่ะพี่

มายิ้มรับความอิ่มเอมใจจากการอ่านบันทึกนี้ในเช้าวันที่อากาศออกเย็นสบายค่ะ

นาฬิกาข้อมือของพี่ก็หลุดจากตัวไปแสนนานเหมือนกัน การใช้ชีวิต ใส่ใจในชีวิตทำให้เรามีนาฬิกาอยู่ภายในตัวเรา มันเดินด้วยตัวของมันพร้อมกับจังหวะเต้นของหัวใจ พี่ก็มีนาฬิกาเหมือนคุณกะปุ๋มค่ะ นาฬิกาจากความเคยชิน จากความรู้สึกและลางสังหรณ์ มันปลุกของมันเอง แต่ในบางอารมณ์บางครั้งมันก็เหนื่อยไม่อยากทำหน้าที่ :) นั่นหมายถึงเวลาที่เราต้องไขลานหรือชาร์ตพลังให้ร่างกายของเราใหม่ ให้นาฬิกาในตัวเรามันเดินได้ต่อไป(มั้ยคะ)

สวัสดีครับ พี่กะปุ๋ม

ผมแวะมาอ่านเรื่องราวดีๆ ที่ให้ข้อคิดดีนะครับ

ด้วยความระลึกถึงอยู่เสมอครับ

ถ้าอยากให้การใช้ชีวิตช้าลงต้องอย่ายึดติดกับเวลา....

krugui   ถอดเวลาและนาฬิกาออกจากตัวมาได้เกือบสองปีแล้วค่ะ

ทุกวันนี้เลยมีความสุขดีกับการสัมผัสเวลาด้วยความรู้สึกและใจของเราเอง

ไม่ต้องมีใครมาบงการมากำกับนอกจากตัวเราเอง

มีความสุขกับการทำงานนะคะ

มาชวนให้ไปตอบคำถามว่าอยากกอดใคร???

นาฬิกา ไม่ได้อยู่ในข้อมือผมมานานแล้ว เพิ่งมาอยู่ก็ คราวนี้แหละครับ

ด้วยความที่คิดว่า เราก็รีบเท่าที่ทำได้อยู่แล้ว ยิ่งดูเวลา ยิ่งกดดัน

เวลาหยุดพัก ก็อย่าให้เวลามากำหนดว่าต้องเท่านั้นเท่านี้

...... แต่ตอนนี้ต้องใส่ครั้บดูวันที่ ดูเวลาบ้างบางครั้ง แต่ก็ยังคงไม่ยึดติดอยู่ดี ครับ อิอิ

เมื่อวานประมาณเกือบจะสี่โมงเย็นฝนตกหนัก...แต่พอเลิกงานฝนก็หยุดแล้วแต่ฟ้ามืดครึ้ม พี่กะปุ๋มก็ยังคงไปว่ายน้ำเช่นเดิม ที่สระไม่มีคนเลย เยี่ยมเลยน้อง poo เป็นการว่ายน้ำที่ยินดีปรีดามาก น้ำนิ่งไร้การกระเพื่อมทำให้การเคลื่อนไหวไปได้ดีมากเลย...

ยังระลึกถึงน้องปูเลยค่ะ หากได้ว่ายด้วยกันคงสุขีนะคะ

Zen_pics_007 

กะปุ๋มมักเรียกสิ่งต่างๆ นี้ว่า "นาฬิกาชีวิต" เหมือนมันจะรู้อยู่ในตัวมันเองนะคะ แต่ชอบจังที่พี่ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี  เรียกว่า"นาฬิกาจากความเคยชิน" มันก็คงจะใช่นะคะ บทสรุปนั้นเป็นเพียงว่าเรา...จะรู้ได้ด้วยตัวเราเองค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

Zen_pics_007 

อยากตอบว่า...ณ ตอนนี้อยากกอดkrugui Chutima  ค่ะ....555 อารมณ์ดีแต่เช้าค่ะ วันนี้ไม่ได้ออกไปวิ่ง เลยมีโอกาสมาแซวค่ะ

"เราเท่านั้นที่กำกับตัวเราเองค่ะ"

Zen_pics_007 

มองไปมองมา...อ้าวคุณณัฐ ณัฐวรรธน์ หายไปไหน ที่ไหนได้พี่กะปุ๋มวิ่งผ่านไปกอด krugui Chutima ก่อนจึงได้วกกลับมาเพื่อบอกขอบพระคุณคุณณัฐนะคะ

Zen_pics_007 

 

ตอนนี้...ใส่หรือไม่หาใช่ความหมายนะคะคุณนายนะ

สำคัญตรงที่ว่าเรานำพาเราไปยึดหรือไม่อย่างที่คุณนะว่า ... แต่บางครั้งที่เราไร้พันธนาการภายนอกมันก็ช่วยทำให้เรา โบยบินอย่างเสรี ไม่ต้องรีบร้อนไม่ต้องกังวลต่อสิ่งใดใด...แล้วค่อยกลับมาสู่ตารางแห่งชีวิตต่อไป

ขอบพระคุณค่ะ

Zen_pics_007 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท