รายงานการวิจัยการสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป วิชาสุขศึกษา สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพสมรรถภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1


รายงานการวิจัยการสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปวิชาสุขศึกษา สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

ชื่อเรื่อง  รายงานการวิจัยการสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปวิชาสุขศึกษา         

           สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพ  และการป้องกันโรค 

           กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

ผู้วิจัย  อินทรัตน์  ช่วงบัญญัติ

บทคัดย่อ 

                   รายงานการวิจัยการสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป  1) เพื่อสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป  สาระที่ 4  การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพ  และการป้องกันโรค  กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80  2)เพื่อศึกษาค่าดัชนี  ประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป  สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพ  และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา  ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  โรงเรียนวัดคูยาง  3)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  โรงเรียนวัดคูยางที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป  สาระที่ 4  การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา     4)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป  สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพและการป้องกันโรค  กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา  ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดคูยาง

                   กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/6  โรงเรียนวัดคูยางที่เรียนในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2552    จำนวน 37 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่  1)บทเรียนสำเร็จรูป สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพและการป้องกันโรคจำนวน 12 เรื่อง 2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนจำนวน 40 ข้อ 3)แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป สาระที่ 4  การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพ  และการป้องกันโรค จำนวน   15 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ  ค่าเฉลี่ย  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วย t-test (Independent Samples t-test)

 ผลการวิจัยพบว่า

             1. บทเรียนสำเร็จรูปสาระที่ 4  การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพและการป้องกันโรคมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน  เท่ากับ 83.38/85.74

             2. ประสิทธิผลทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7686 คิดเป็นร้อยละ 76.86

             3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

             4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป  สาระที่ 4             การสร้างเสริมสุขภาพ  สมรรถภาพ และการป้องกันโรค  โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก

 

           

หมายเลขบันทึก: 367616เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2010 10:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 15:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีครับ ได้ผลการวิจัยแล้ว จะได้ช่วยให้การประยุกต์สอนวิชาสุขศึกษาพัฒนการขึ้น ยิ่งเด็กหากเรียนรู้ "เข้าใจ" จะคงทนเนิ่นนานจนเป็น "อุปนิสัย"

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท