๑. วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้
เพื่อให้ผู้เรียน
๑.๑ มีความเพียรที่จะใช้ทรัพยากรในชีวิตประจำวันอย่างประหยัดและคุ้มค่า
๑.๒ มีพละ ๕ ในการปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
๑.๓ รู้จักการละเว้นอคติ อย่างมีเหตุผล
๑.๔ รู้จักและเข้าใจโลกธรรม ๘ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
๑.๕ มีการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทโดยมีสติเป็นเครื่องกำกับความประพฤติปฏิบัติ
๒. รายละเอียดของเนื้อหาการเรียนรู้
๑. หลักปธาน ๔ กับความพอประมาณ
ปธาน คือ ความเพียร มี ๔ อย่าง
๑. สังวรปธาน เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน
๒. ปหานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป
๓. ภาวนาปธาน เพียรให้บุญกุศลเกิดขึ้นในสันดาน
๔. อนุรักขนาปธาน เพียรรักษาบุญกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม
บุคคลผู้มีคุณธรรม คือ ความเพียรทั้ง ๔ อย่างนี้ จะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร ย่อมเป็นไปในทางดีงาม สามารถพึ่งตนเองได้ ชีวิตจะมีความมั่นคง สะอาดสว่างสงบและเป็นสุขตลอดไปสิ้นกาลนาน
๒. อคติกับความมีเหตุผล
อคติ คือ ความลำเอียง , ความไม่เที่ยงธรรม มี ๔ ประการ
๑. ลำเอียงเพราะรักใคร่ ชอบพอกัน เรียกว่า ฉันทาคติ
๒. ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน เรียกว่า โทสาคติ
๓. ลำเอียงเพราะเขลา ไม่รู้จริง เรียกว่า โมหาคติ
๔. ลำเอียงเพราะกลัว เรียกว่า ภยาคติ
บุคคลใดประพฤติลุอำนาจแก่อคติทั้ง ๔ นั้นแล้วแม้ข้อใดข้อหนึ่งย่อมเป็นเหตุให้บุคคลนั้นมีความประพฤติไม่ยุติธรรม ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน ทั้งตนเองก็จะได้รับทุกข์โทษ เช่น ถูกติเตียน เสื่อมจากลาภยศ เป็นต้น
๓. พละ ๕ กับการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว
พละ คือ ธรรมเป็นกำลัง มีอยู่ ๕ ประการ
๑. สัทธา ความเชื่อ
๒. วิริยะ ความเพียร
๓. สติ ความระลึกได้
๔. สมาธิ ความตั้งใจมั่น
๕. ปัญญา ความรอบรู้
คุณธรรมทั้ง ๕ อย่างนี้ เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจ ย่อมทำให้จิตใจมีกำลังเข้มแข็ง สามารถต่อต้านกับอกุศลธรรมได้ เปรียบเหมือนทำนบที่แข็งแรงสามารถต้านกระแสน้ำไว้ได้ ฉะนั้น คุณธรรมนี้ สามารถต่อต้านกิเลสตัณหาได้ เช่น ต่อต้านความไม่เชื่อ ความเกียจคร้าน และความประมาท เป็นต้นได้ จึงเรียกว่า พละ ผู้มีคุณธรรมดังกล่าวนี้ย่อมเป็นผู้มีจิตใจมั่นคงเข้มแข็งในการประกอบความดี ไม่มีความย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ธรรม ๕ ประการนี้ เรียกอีกอย่างว่า อินทรีย์ ๕ หมายถึง เป็นใหญ่ในกิจของตน
๔. โลกธรรม ๘ กับเงื่อนไขความรู้
โลกธรรม ๘ ธรรมของโลกหรือธรรมประจำโลก
ฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่น่าปรารถนา
๑. ลาภ ๒. ยศ ๓. สรรเสริญ ๔. สุข
ฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา
๕. เสื่อมลาภ ๖. เสื่อมยศ ๗. นินทา ๘. ทุกข์
โลกธรรม ๘ ประการนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ควรพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่ามันไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา มีความรู้ตามที่เป็นจริง ไม่ให้ครอบงำจิตใจ คือ ไม่ยินดีในสิ่งที่น่าปรารถนา ไม่ยินร้ายในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา
๕. หลักอัปปมาทะกับเงื่อนไขคุณธรรม
อัปปมาทะ (ความไม่ประมาท คือ ความเป็นอยู่อย่างไม่ขาดสติ หรือ ความเพียรที่มีสติเป็นเครื่องเร่งเร้าและควบคุม ได้แก่ การดำเนินชีวิตโดยมีสติเป็นเครื่องกำกับความประพฤติปฏิบัติและการกระทำทุกอย่าง ระมัดระวังตัว ไม่ยอมถลำไปในทางเสื่อม แต่ไม่ยอมพลาดโอกาสสำหรับความดีงามและความอันจะต้องรับผิดชอบ ไม่ยอมปล่อยปละละเลย การทำการด้วยความจริงจัง รอบคอบและรุดหน้าเรื่อยไป
๓. แนวทางการเรียนการสอน (กิจกรรมการเรียนรู้)
๓.๑ การสร้างความพร้อม
๑) ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสร้างกติกาในการเรียนรู้เพื่อถือปฏิบัติเป็น “วินัยประจำวิชา” เช่น การแต่งกายให้เรียบร้อย การตรงต่อเวลา การตั้งใจเรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมที่จะเรียนรู้
๒) อธิบายเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยก่อนเรียนจะต้องมีการการบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล นั่งสมาธิ และแผ่เมตตาก่อนการเรียน (ประมาณ ๕ นาที) ในทุกชั่วโมงเรียน โดยเน้นให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าและความสำคัญของการกระทำดังกล่าว
๓) ให้ผู้เรียน ๑ คน เป็นผู้นำกล่าวบูชาพระรัตนตรัย และสมาทานศีล (โดยต้องวนเวียนกันไปไม่ซ้ำบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์อย่างทั่วถึง)
๔) นำผู้เรียนเจริญภาวนาด้วยวิธีง่ายๆ คือ การดูกาย ดูจิต http://www.wimutti.net/pramote/
๓.๒ การสร้างปัญญา
๑. ขั้นเสวนาผู้รู้
- ผู้สอนกล่าวชื่นชมและอนุโมทนาในการทำความดีของผู้เรียน
- ผู้สอนแจ้งรายละเอียดของเนื้อหาโดยภาพรวมทั้งหมดว่าจะต้องเรียนอะไรบ้าง
- ผู้สอนนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนระบุพฤติกรรมของตนเองที่แสดงออกว่ามีความเพียรที่จะใช้ทรัพยากรในชีวิตประจำวันอย่างประหยัดและคุ้มค่า
- ผู้สอนให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดว่า พละ ๕ และโลกธรรม ๘ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับชีวิต
- ผู้สอนตั้งคำถามว่า นักเรียนสามารถละเว้นอคติ อย่างมีเหตุผลได้อย่างไร
- ผู้สอนตั้งคำถามว่า นักเรียนสามารถการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทได้อย่างไรบ้าง
- ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน
๒. ขั้นสดับคำสอน
- อธิบายความสำคัญ คุณธรรมและยกตัวอย่างของการมีความเพียรที่จะใช้ทรัพยากรในชีวิตประจำวันอย่างประหยัดและคุ้มค่า
- อธิบายความสำคัญ คุณธรรมและยกตัวอย่างของพละ ๕ ในการปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
- อธิบายความสำคัญ คุณธรรมและยกตัวอย่างของการละเว้นอคติ อย่างมีเหตุผล
- อธิบายความสำคัญ คุณธรรมและยกตัวอย่างของโลกธรรม ๘ และการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
- อธิบายความสำคัญ คุณธรรมและยกตัวอย่างของการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทโดยมีสติเป็นเครื่องกำกับความประพฤติปฏิบัติ
๓. ขั้นสร้างสรรค์ความคิด
- ผู้สอนแบ่งกลุ่มผู้เรียนกลุ่มประมาณ ๕ คน
- ผู้สอนแจกใบงานให้ทุกคน
- ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันระดมความคิดโดยยกตัวอย่างลักษณะของการมีความเพียรที่จะใช้ทรัพยากรในชีวิตประจำวันอย่างประหยัดและคุ้มค่า นำเสนอภายในกลุ่ม คนละ 1 นาที
- ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันเขียนสรุปวิธีการนำพละ ๕และโลกธรรม ๘ มาใช้ในชีวิตประจำวัน ในใบงาน ให้เวลา 5 นาที
- ให้ผู้เรียนแต่ละคนบอกเล่าเรื่องราวของตนเองที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทโดยมีสติเป็นเครื่องกำกับความประพฤติปฏิบัติ ในใบงาน ให้เวลา 10 นาที
- ให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มออกมานำเสนอผลงานการปั้นดินน้ำมันและบอกเล่าประสบการณ์ของตนเองภายในกลุ่ม คนละ 2 นาที
- ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันคัดเลือกเรื่องราวและรูปปั้นที่ดีที่สุดในกลุ่ม ส่งเป็นตัวแทนกลุ่ม เพื่อนำเสนอหน้าชั้นเรียนต่อไป
๔. ขั้นนำเสนอและสรุป
- ผู้สอนให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
- ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการมีความเพียรที่จะใช้ทรัพยากรในชีวิตประจำวันอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีพละ ๕ ในการปฏิบัติตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง การรู้จักการละเว้นอคติ อย่างมีเหตุผล การนำโลกธรรม ๘ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทโดยมีสติเป็นเครื่องกำกับความประพฤติปฏิบัติ โดยการถามตอบและแสดงความคิดเห็น
- สรุปความรู้และประโยชน์ที่ได้จากการเรียนและการทำกิจกรรมในชั้นเรียน
- เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถามข้อสงสัย
- ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน
๔. สื่อการเรียนการสอน
๑. หนังสือเรียนวิชา ธรรมะกับเศรษฐกิจพอเพียง
๒. รูปภาพโครงการพระราชดำริและเศรษฐกิจพอเพียง
๓. วีดีทัศน์ / สื่อเสียง
๔. สื่อประดิษฐ์
๕. ใบความรู้ เรื่อง ความเพียรที่จะใช้ทรัพยากรในชีวิตประจำวันอย่างประหยัดและคุ้มค่า
๖. การนำเสนอด้วย PowerPoint
๗. E-Learning วิชา ธรรมะกับเศรษฐกิจพอเพียง
๕. การวัดและประเมินผลการเรียนการสอน
๑. ประเมินจากพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน เช่น การตั้งคำถาม การตอบคำถาม การนำเสนอ
๒. ประเมินจากพฤติกรรมการเข้าชั้นเรียนและการส่งงานที่ได้รับมอบหมาย
๓. ประเมินจากความรับผิดชอบในงานที่มอบหมายทั้งระดับรายบุคคลและกลุ่ม
๔. ประเมินจากการรับฟัง และการปรับปรุงแก้ไขผลงาน
๕. ประเมินจากการแสดงความคิดเห็น
๖. ประเมินจากการทำกิจกรรมกลุ่มและการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
๗. ประเมินจากการสอบวัดผลการเรียนรู้ก่อนและหลังเรียน
๖. หนังสืออ่านประกอบ http://www.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=326
หนังสือ "หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" จำนวนหน้า : (40 หน้า)
หนังสือ "เรียนรู้หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" จำนวนหน้า : (78 หน้า)
หนังสือ "การประยุกต์ใช้ หลักเศรษฐกิจพอเพียง" จำนวนหน้า : (32 หน้า)
หนังสือ "เส้นทางสู่ความพอเพียง" จำนวนหน้า : (82 หน้า)
หนังสือการ์ตูน "เศรษฐกิจพอเพียง" จำนวนหน้า : (200 หน้า)
งง มาก เลย