คำสอนหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้


พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย...

สาธุ

พูดมาก เสียมาก       พูดน้อย เสียน้อย      ไม่พูด ไม่เสีย       นิ่งเสีย โพธิสัตว์
image001.jpg

หลวงปู่ทวด
วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเ ถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติ กาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225
สิริ รวมอายุได้ 99 ปี

คติธรรมคำสอน ของ
หลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ

พูดมาก เสียมาก    พูดน้อย เสียน้อย
    ไม่พูด ไม่เสีย     นิ่งเสีย โพธิสัตว์
ละได้ย่อมสงบ

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข
ละได้ย่อม สงบ

สันดาน

ภูเขา ถูกมนุษย์ทำลายลงมาได

แต่สันดานของคนเราที่นอน นิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลา ให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์

การเกิดมาเป็นมนุษย์ ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ
จะ ต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จ แล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ
เมื่อ เราจะออกจากบ้าน

ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่ คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย

บรรเทาทุกข์

การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
เรา จะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม เราต้ องเป็นตัวของเราเอง
และเราจะต้อง วินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ

ยากกว่าการ เกิด

ในการที่เราเกิดมา   ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย   แต่ ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้ อยู่ได้อย่างสุขสบาย

ไม่สิ้นสุด

แม่น้ำทะเล และ มหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้น สุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน

ทุกวันนี้
เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล
จักรวาล โลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน
  เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ
  ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ

อยู่ให้สบาย

ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
เรา ต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด
  อยู่กันอย่างไม่ยินดี   อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของ นามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ
  เหนือนินทา   เหนือความผิดหวัง   เหนือความสำเร็จ   เหนือรัก   เหนือชัง
ธรรมารมณ์

การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
อยู่ อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือ รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ

ไม่ ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
  เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่างๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวัง นั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส   เสียใจน้อย ใจ
  เป็นทุกข์
กรรม

ถ้าเรามีชีวิต อยู่อย่างที่ว่า
เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็น มนุษย์ย่อมมีความภิรมย์   มีความรื่นเริง

มารยาทของผู้ เป็นใหญ่

ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิด ก่อน
  ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ

โลกิยะ หรือ โลกุตระ

คนที่เดินทางโลกุตระ
  ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะ
  ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก   เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม
ต้อง สละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า
?
ถ้าเป็นไปได้
  พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้ง ธรรมราชา ไม่ดีหรือ ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน
เราต้องตัดสินใจ
  ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญใน การที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง
ศิษย์แท้

พิจารณา กายในกาย
  พิจารณาธรรมในธรรม   พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

รู้ซึ้ง

ทุกอ ย่างจะต้องมีเหตุ
  เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล   ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว
  เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ

การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมัน จะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย

หยุดพิจารณา

คนเรานี้   ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว   จิต มันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้น
 
ตนไม่ปล่อยให้ จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ
  ศีล   สมาธิ   ปัญญา     ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
บริจาค

ทำบุญ สังฆทานเป็นจาคะ
  จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา
  การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะ นั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก
นี่คือเรื่องของ นามธรรม

ทำด้วยใจสงบ

เราจะทำบุญก็ดี
  เราจะทำอะไรก็ดี   จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น
  มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน 
เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  จงอย่าทำ
นั่ง ให้จิตใจมันสบายเสียก่อน
  เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว
  จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก
มีสติพร้อม

จะ ทำสิ่งใดก็ตาม
  เราต้องมีสติพร้อม
คือ
อย่าให้ มีโทสะ
  อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล มาอยู่เหนือความจริง

เตือนมนุษย์

มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว    มนุษย์ ผู้นั้น จะไม่มีง านทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว   มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก    มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

พิจารณาตัวเอง

คืนหนึ่งก็ดี   วันหนึ่งก็ดี
  ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที
ไม่ติดต่อกับใคร
ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่า
  ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
  คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่า ไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้
  มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด   ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
ธรรมะของหลวงปู่ทวด   อ่านแล้วส่งต่อ เพื่อเป็นธรรมทาน

หมายเลขบันทึก: 366453เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2010 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม 2014 11:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

ขออนุญาตคัดลอกๆผแจกจ่ายค่ะ ขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

P

ครูคิม

พิจารณาตัวเอง คืนหนึ่งก็ดี วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ ติดต่อกับใคร เพื่อทบทวน..

 

ตามคำสอนหลวงปู่ทวดนี้ หมอเล็กต้องหัดทำทุกวัน เพราะปัจจุบันถึงที่ทำงานหกนาฬิกา ค่ะ

ถ้ามีวินัย เป็นเวลาที่เหมาะมากสำหรับการทบทวนชีวิต ที่ทำงานยังสงบ อ่านหนังสือและทบทวนตัวเองได้มาก ๆ เลย

 

ครูพี่คิมคะ คงต้องเริ่มที่เรื่องเกี่ยวกับ การทำหน้าที่"ผู้ให้" ผัดไปผัดมา ต้องขอโทษที่ช้ามาก ๆ เลยค่ะ

P

ครูคิม

ครูคิมคะ วินาทีที่กำลังเป็นผู้ให้ ทราบจากผู้ร่วมอนุโมทนาบุญว่า เขาผ่านวิกฤติเรื่องเกี่ยวกับการงานค่ะ เวลาใกล้ ๆ กันมาก ๆ

อานิสงส์ของบุญ นะคะ

ขอบคุณพี่คิมเช่นกันที่ ให้โอกาสหมอเล็ก เป็นผู้ให้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท