จริยธรรมในพระคัมภีร์เดิม


จริยะธรรม ของคริสเตียน

คำว่า "จริยธรรม" มาจากการรวมคำสองคำ  คือคำว่า จริยะ กับ ธรรม

คำว่าจริยะ มีความหมายว่า ความประพฤติ

คำว่าธรรม มีความหมายว่า คุณความดี

เมื่อนำคำสองคำนี้มารวมกัน จริยธรรมจึงมีความหมายว่า ความประพฤติที่ถือว่าเป็นความดี หรือมาตรฐานการประพฤติของมนุษย์ที่ถือว่าเป็นความดีเป็นสิ่งที่ควรทำ

เมื่อมาเป็นจริยธรรมคริสเตียน จึงมีความหมายว่า ความประพฤติที่ถือว่าเป็นความดีตามแนวทางของคริสเตียน

ลักษณะจริยธรรมของคริสเตียน แบ่งเป็น 4 ยุค ดังนี้

1.จริยธรรมยุคปฐมกาล

2.จริยธรรมยุคพระบัญญัติ

3.จริยธรรมยุคพระเยซูคริสต์

4.จริยธรรมยุคอัครทูต

ซึ่งจริยธรรมยุคปฐมกาลและยุคพระบัญญัตินั้น จะปรากฏในพระคัมภีร์เดิม  ส่วนจริยธรรมยุคพระเยซูคริสต์และยุคอัครทูต จะปรากฏในพระคัมภีร์ใหม่

จริยธรรมยุคปฐมกาล เป็นการเริ่มต้นของจริยธรรมโดยพระเจ้าเป็นผู้กำหนด จริยธรรมนั้นเกิดขึ้นทันทีตั้งแต่มนุษย์คู่แรก พระเจ้าได้ทรงสั่งห้ามกินผลไม้จากต้นไม้แห่งรู้ดีรู้ชั่ว(ปฐก.2:16-17) เท่ากับว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความรับผิดชอบทางจริยธรรม

การฆ่าก็ถือว่าเป็นความบาป (ปฐก.4:1-15) เริ่มต้นที่คาอินโกรธอาแบล แล้วไปสู่การฆ่ากันในที่สุด

การมุสาก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย จากเหตุการณ์ที่อับราฮัมพูดความจริงไม่หมดเรื่องนางซาราห์(ปฐก.18:15, 20:2 , 12:11-13)

การที่เชื่อในพระเจ้านั้นถือว่าเป็นความดี พระเจ้าทรงพอพระทัยอับราฮัมที่เชื่อฟังในเรื่องของการถวายลูกแกะต่อพระเจ้า

การรักษาพันธสัญญาด้วยการเข้าสุหนัตก็ถือว่าเป็นความดีด้วยเช่นกัน(ปฐก.17:9-14)

ความยุติธรรม ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ (ปฐก.18:19)

การมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนในยุคไม่ถือว่าเป็นความบาป แต่การเอาภรรยาผู้อื่นมาเป็นภรรยาตัวเองถือว่าเป็นความชั่ว แต่การมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของพี่น้องที่เสียชีวิตแล้วนั้น ถือว่าเป็นความดี เพราะเป็นการสืบเชื้อสาย

จริยธรรมยุคพระบัญญัติ จริยธรรมในยุคนี้ ปรากฏในพระธรรมอพยพ เลวีนิติ และเฉลยธรรมบัญญัติ ซึ่งมีข้อกำหนดทางศีลธรรมและกฏหมาย ที่พระเจ้าประทานให้อิสราเอล ครอบคลุม 3 ด้าน ดังนี้

1. บัญญัติ 10 ประการ เป็นพระบัญญัติด้านศีลธรรม ถือเป็นหัวใจของพระบัญญัติทั้งหมด อันได้แก่

2. พระบัญญัติด้านจิตวิญญาณ ได้แก่พระบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการถวายเครื่องบูชา และการฉลองวันเทศกาล

3. พระบัญญัติด้านระเบียบสังคม ได้แก่ พระบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข การป้องกันโรค กรรมสิทธิ์ที่ดิน การรักษาที่ดินเพื่อการเกษตร การเก็บภาษี การเป็นทหาร ครอบครัว การมีบุตร การหย่าร้าง ฯลฯ

เราอาจจะสรุปลักษณะจริยธรรมของยุคนี้ว่า เป็นยุคที่ไม่มีจริยธรรมที่มีรายละเอียดของบทบัญญัติ แต่มนุษย์ก็รู้จริยธรมมแบบกว้างๆ แล้ว และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น การเคารพบิดามารดา ความซื่อสัตย์ การไม่ล่วงประเวณีผู้ใด การไม่ข่มขืนผู้อื่น หรือการสมสู่กันอย่างวิปริตเป็นต้น ฉะนั้นจริยธรรมในยุคนี้จึงเป็นจริยธรรมตามจิตสำนึกผิดชอบเป็นส่วนใหญ่ แค่มาตรฐานของจริยธรรมในยุคนี้ถือว่าไม่สมบูรณ์ พระเจ้าจะช่วยให้มนุษย์เข้าในจริยธรรมที่สูงขึ้นในยุคพระบัญญัติ 

คำสำคัญ (Tags): #จริยธรรม
หมายเลขบันทึก: 361369เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2010 21:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 10:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท