- สภามหาวิทยาลัยต้องทำหน้าที่กำกับดูแล 3 แนวไปพร้อม ๆ กันคือ แนวที่ 1 (Type I Governance) เน้นการสร้างความไว้วางใจต่อสังคม แนวที่ 2 (Type II Governance) เน้นยุทธศาสตร์และแนวที่ 3 (Type III Governance) เน้นการคิดเชิงรังสรรค์ สร้างสรรค์ (Generative Thinking)
- เปรียบเทียบการทำหน้าที่บอร์ดทั้ง 3 แนวได้ดังนี้
ลำดับ แนวที่ 1 (Fiduciary)
ธรรมชาติขององค์กร Bureaucratic
ธรรมชาติของภาวะผู้นำ เป็นลำดับชั้น
ปณิธานหลักของบอร์ด stewardship ต่อสินทรัพย์ที่จับต้องได้
ภารกิจหลักของบอร์ด ทางเทคนิค : กำกับการดำเนินการ,
สร้างความมั่นใจว่ามีการตรวจสอบ
บทบาทหลักของบอร์ด การ์ด
คำถามหลัก มีอะไรผิดพลาดบ้าง
ปัญหาเป็นสิ่งที่ต้อง ค้นหา
วิธีการประชุม แบบสภา เน้นความมีระเบียบ
วิธีตัดสินใจ มีการลงมติ
วิธีรู้ มีเหตุผล
การสื่อสารกับวงการ จำกัด มีพิธีรีตอง เป็นไปตามกติกา
ตัววัดสมรรถนะ ตัวเลข, การเงิน, รายงาน
แนวที่ 2 (Strategic)
ธรรมชาติขององค์กร Open System
ธรรมชาติของภาวะผู้นำ วิเคราะห์มองการณ์ไกล
ปณิธานหลักของบอร์ด เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับฝ่ายบริหาร
ภารกิจหลักของบอร์ด วิเคราะห์ : พัฒนายุทธศาสตร์,
ประเมินสมรรถนะ
บทบาทหลักของบอร์ด นักยุทธศาสตร์
คำถามหลัก แผนคืออะไร
ปัญหาเป็นสิ่งที่ต้อง แก้ไข
วิธีการประชุม มีหลักฐาน มีเหตุผล
วิธีตัดสินใจ มีฉันทามติ
วิธีรู้ ทุกชิ้นส่วนเข้าที่เข้าทาง
การสื่อสารกับวงการ สองทาง, เป็นครั้งคราวเพื่อสร้างการยอมรับ
ตัววัดสมรรถนะ ตัวชี้วัดเชิงยุทธศาสตร์, การวิเคราะห์
ความสามารถในการแข่งขัน
แนวที่ 3 (Generative)
ธรรมชาติขององค์กร Nonrational
ธรรมชาติของภาวะผู้นำ ทบทวน เรียนรู้
ปณิธานหลักของบอร์ด เป็นแหล่งภาวะผู้นำขององค์กร
ภารกิจหลักของบอร์ด สร้างสรรค์ : ทำความเข้าใจปัญหา, เน้นการ
สร้างความหมาย
บทบาทหลักของบอร์ด นักสร้างความหมาย
คำถามหลัก คำถามคืออะไร
ปัญหาเป็นสิ่งที่ต้อง ตีกรอบ
วิธีการประชุม เอาจริงเอาจัง และบางครั้งสนุกสนาน
วิธีตัดสินใจ ดิ้นรนและฉวย
วิธีรู้ มีความหมาย
การสื่อสารกับวงการ หลายทาง, ต่อเนื่องเพื่อเรียนรู้
ตัววัดสมรรถนะ สัญญาณของการเรียนรู้และความสามารถ
ในการแยกแยะ
- หน้าที่รังสรรค์ (Generative Mode) สรุปได้ดังนี้
(1) มีมุมมองต่อองค์กรแตกต่างออกไปจากมุมมองทั่วไป องค์กรไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงและตามเหตุผลเสมอไป ไม่ได้เดินตามขั้นตอนจากวิสัยทัศน์สู่พันธกิจ สู่เป้าหมาย สู่ยุทธศาสตร์ สู่การดำเนินการ
(2) นิยามของคำว่า "ภาวะผู้นำ" แตกต่างจากมุมมองทั่วไป ผุ้นำทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถเผชิญปัญหาที่ซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับประเด็นเชิงคุณค่าที่กำหนดคำตอบและการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
(3) มี "ทิฐิ" (mindset) ที่แตกต่าง คือก้าวข้ามการทำหน้าที่เชิงสร้างความไว้วางใจต่อสังคมและหน้าที่เชิงยุทธศาสตร์ไปสู่การทำหน้าที่เชิงภาวะผู้นำ
(4) แสดงบทบาทที่แตกต่าง บอร์ดเป็นสินทรัพย์เชิงเพิ่มคุณค่าและเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กร
(5) มีวิธีคิดที่แตกต่าง บอร์ดมีบรรยากาศที่สนุกสนานทางปัญญา มีการคิดสิ่งใหม่ ๆ และในขณะเดียวกันก็มีเหตุผล และคิดเชิงเส้นตรง กล่าวง่าย ๆ บอร์ดคิดแบบไม่เป็นเส้นตรงและคิดแบบเป็นเส้นตรงในเวลาเดียวกัน
(6) มีมุมมองต่องานที่แตกต่าง บอร์ดจับประเด็นที่เป็น "higher order", ประเมินงานเชิงเทคนิค, และถามคำถามเชิงยั่วยุมากกว่าคำถามเชิงดำเนินการ
(7) มีวิธีปฏิบัติงานที่แตกต่าง บอร์ดประชุมในรูปแบบคล้าย ๆ retreat, ประชุมทีม, ประชุมถกเถียงกันมากกว่าการประชุมอย่างเป็นทางการ บอร์ดทำงาน ณ ชายขอบขององค์กร ทำหน้าที่อันหลากหลายเกี่ยวกับการเรียนรู้ขององค์กร
ผมมีข้อสงสัยตลอดมาว่า สภามหาวิทยาลัยที่ทำหน้าที่ครอบคลุมทั้ง 3 แนวไปสู่การเป็น Generative Governance นั้นจะแบ่งหน้าที่ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับฝ่ายบริหารอย่างไร ผมได้คำตอบว่าฝ่ายบริหารโดยเฉพาะอธิการบดีนั้นเสมือนนั่งอยู่ที่ศูนย์กลางขององค์กร แต่สภามหาวิทยาลัยแนว Generative Governance ต้องนั่งอยู่ที่ขอบขององค์กร เป็น "คนชายขอบ" ที่ไม่ใช่ถูกผลักออกไปที่ชายขอบ แต่จงใจนั่งอยู่ตรงนั้นเพื่อระวังระไวองค์กร ทำหน้าที่คล้ายยามบนเชิงเทิน มองเข้ามาข้างในองค์กรว่าอยู่กันอย่างมีสติหรือเปล่าว่าอันตรายมีอยู่รอบด้าน และมองออกไปนอกองค์กรเพื่อดูว่าสถานการณ์ภายนอกที่เป็นโอกาสและเป็นอันตรายต่อองค์กรมีอะไรบ้าง
แล้วตีความหมายของสิ่งที่เห็น และส่งเสียงเตือน เป็นบอร์ดที่ทำงานไม่ใช่แค่ประชุม
วิจารณ์ พานิช
20 มิ.ย.49
รูปแบบการพัฒนาระบบบริหารสถานศึกษาโดยใช้ SBM ควรมีรูแบบอย่างไร ได้บ้าง ขอบคุณครับ