ที่สุดของชีวิต
เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา นับเป็นประวัติศาสตร์ในชีวิตความเป็นครู ของดิฉัน ทั้งนี้เพราะดิฉันได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการแสดง เนื่องในวันลูกเสือแห่งชาติ ณ สนามศุภชลาศัย โดยใช้นักเรียนโรงเรียนพรตพิทยพยัต จำนวน ๖๐๐ คน ที่สำคัญเป็นการแสดงหน้าพระพักตร์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่อง ๗ ๙ และ ช่องอื่น ๆ
ความเป็นมา
เมื่อวันศุกร์ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ ดิฉันได้รับมอบหมายให้จัดทำการแสดงพิธีเปิดกีฬาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรุงเทพมหานครเขต ๒ งานนี้ ใช้นักเรียน ๕๐๐ คน ชื่อชุดการแสดง องก์ที่ ๑ เทิดไท้องค์ราชันย์ องก์ที่ ๒ สมานฉันท์สามัคคี องก์ที่ ๓ หกสิบปีพรตพิทยพยัต งานนี้ คุณหญิง ดร. กษมา วรวรรรณ ซึ่งเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาเป็นประธาน ท่านชื่นชมการการแสดงนี้มาก และมอบหมายให้เราทำจัดการแสดงพิธีเปิดวันลูกเสือแห่งชาติ ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ในปีถัดมา
เมื่อวันนี้มาถึง ดิฉันได้ดำเนินการจัดการแสดง และ ใช้ชื่อว่า “ เมืองไทยจงตื่นเถิด ” ซึ่งเป็นชื่อบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ เขียนขึ้นเพื่อปลุกใจ ให้คนไทยรักชาติ ซึ่งสอดคล้องกับที่พระองค์ทรงตั้งกองเสือป่า จนกระทั่งเป็นกองลูกเสือแห่งชาติ ในปัจจุบันนี้
การแสดงแบ่งเป็น ๒ องก์
องก์ที่ ๑ เป็นการแปรธงชาติ เป็นรูปต่าง ๆ จบด้วยเป็นรูปหัวใจ ซึ่งหมายถึง เรารักประเทศไทย บทเพลงที่ใช้เป็นเพลง To victory
องก์ที่ ๒ ใช้บทเพลง “ ฉันคือเจ้าพระยา ” บทเพลงของคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น ที่ร้องไว้ในการแสดงชุด แม่น้ำของแผ่นดิน บอกเรื่องราวของน้ำค้าง กับน้ำฝนมารวมกันเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ หลายสายจนเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งดิฉันได้นำผ้ายาวจำนวน ๖ ผืน ความยาวผืนละ ๓๐ เมตร สีแดง ๒ ผืน ขาว ๒ ผืน และน้ำเงิน ๒ ผืน รวมเป็นสีธงชาติ ซึ่งหมายถึงแม่น้ำเจ้าพระยาที่สร้างวัฒนธรรม และ ความอุดมสมบูรณ์ของชาวไทย มาถึง ปัจจุบันนี้ และที่สำคัญประเทศชาติร่มเย็นได้ด้วยพระบารมี ของพระมหากษัตริย์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ถ้าคุณได้รับมอบหมายงานอย่างที่อ่านมาข้างต้น คุณจะจัดการอย่างไร กับเด็ก ๖๐๐ คน
( ม. ๔, ๕, ๖ ) กับการแสดงวันลูกเสือแห่งชาติ หน้าพระพักตร์ ถ่ายทอดสด โอ๊ย โอ๊ย กับเวลาแค่ ๑๕ นาที และเพียงคุณครูคนเดียว กับนักเรียน
สบายค่ะ ครูต้องวางแผนและดูตัวเองก่อน ดังนี้
๑. เมื่องานใหญ่ ใจครูต้องใหญ่ เท่า ๆ กับงาน
๒. อย่าไปกลัว ไม่ลองก็ไม่รู้ ( จริง ๆ ก็หวั่นๆ เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร )
๓. วางแผนการทำงาน ศึกษาข้อมูล อ่านเรื่องราวบทพระราชนิพนธ์
ของพระบาทมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๖ ) จนได้ชื่อชุดการแสดง
๔. เสนอผู้อำนวยการ และผู้อำนวยการนำเสนอเรื่องราว งบประมาณกับ
คณะกรรมการกองลูกเสือแห่งชาติตามลำดับ
ทำอย่างไรนักเรียนจะร่วมมือกับครู ก็นักเรียนเป็นสำคัญไง
๑. ปลุกระดมความคิดอันยิ่งใหญ่ ให้นักเรียน ว่าเราต้องทำเพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน งานระดับชาติ งานที่เราต้องแสดงหน้าพระพักตร์ งานถ่านทอดสดให้คนดูทั้งประเทศ สารพัดจะบรรยายเลยค่ะ
๒. แบ่งงานดังนี้ ม. ๕ ทั้งระดับ ประมาณ ๓๐๐ คน ต้องแสดงทั้งหมด ( เพราะครูสอน ม. ๕ ) และผู้ที่ให้ความร่วมมือจะได้ คะแนนกิจกรรม แบ่งงานดังนี้
- ๕/ ๑ แสดงเป็นนางใน - ๕/๒ แสดงเป็นนางใน และสายน้ำ
- ๕/๓ แสดงเป็นชาวบ้านภาคเหนือ - ๕/๔ แสดงเป็นชาวบ้านภาคใต้
- ๕/๕ แสดงเป็นชาวบ้านภาคกลาง - ๕/๖ แสดงเป็นชาวบ้านภาคอีสาน
- ๕/ ๗-๕/๙ แสดงเป็นคนวิ่งธงชาติ
- ๖ / ๑ เป็นสตาฟดูแลการฝึกซ้อม เขียนบท ถ่ายวีดิทัศน์ระหว่างการฝึกซ้อม เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างซ้อม ประสานงานทุกอย่างกับครู เสื้อผ้า และแสดงเป็นน้ำฝน และตัวละครหลัก เช่นพระราชา พระราชินี
- ๖ / ๒ แสดงเป็นน้ำค้าง และสายน้ำ
- ๖ / ๓ แสดงเป็นสายน้ำ
- ๖ / ๔ แสดงเป็นสายน้ำ
- ๖ / ๕- ๖/๖ แสดงเป็นคนถึอร่ม ตุง และคนแบกเสลี่ยง
- ๖ / ๗ เป็นสตาฟจัดการกับอุปกรณ์การแสดง ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด และจัดเก็บ จัดเตรียมสำหรับให้นักแสดงซ้อมและแสดงจริง
- ๖ / ๘- ๖/๙ แสดงเป็นคนถึอร่ม ตุง และคนแบกเสลี่ยง สายน้ำ
ส่วนม. ๔ บางส่วนมาช่วยเป็นสายน้ำ และ ตัวประกอบ และในส่วนที่นักแสดงขาดแคลน
ชุดนี้เป็นการแสดงโขน ชุดยกรบ เป็นนักเรียน ม. ๕ ทั้งหมด
เตรียม แต่ง รอ การแสดง ที่สนามเทพหัสดิน
๓. จัดโปรแกรมการฝึกซ้อม และเตรียมเสื้อผ้า ตลอดจนอุปกรณ์
๔. ปัญหาและอุปสรรค อันนี้มีแน่นอน ครูบางคนไม่สนใจเรื่องราวของเราเลย
เอาแต่ตำหนิ จะทำแต่กิจกรรมบางละ เด็กถูกหาว่าไม่ใส่ใจเรียนขึ้นห้องช้า มัวแต่ซ้อม จะมาเรียนหรือมารำ เอาเข้าไป ( นี่งานระดับชาตินะเนี่ย เพื่อนยังว่าเราได้ ชื่อเสียงก็เป็นของโรงเรียน ) เฮ้อ
แล้ววันแสดงจริงก็มาถึง
ทุกอย่างพร้อม สตาฟเตรียมแจกอุปกรณ์เสื้อผ้าให้นักแสดงรับผิดชอบ ฝ่ายอุปกรณ์จัดแพ็กอุปกรณ์อย่างเรียบร้อย แต่งหน้า ทั้งคืน ทั้งวัน ทุกคนเหนื่อยมาก พระบรมโอรสาธิราชจะเสด็จ ๑๖.๐๐ น. ห้ามซ้อมในสนามศุภฯ พักที่สนามเทพหัสดิน รอ รอ รอ เวลา
ระหว่างนั้น เวลา ๑๕.๐๐ น. ใกล้แล้ว เวลาที่สำคัญ จะมาแล้ว สตาฟ นักเรียน ม. ๖ ถามว่า จะซ้อมสักรอบไหมเพราะวันนี้ยังไม่ได้ซ้อมเลย ครู ตอบว่า “ น้อง ๆ ดูเหนื่อย พักดีกว่า ” สตาฟไปเช็คประตูทางเข้า ทางออก พบปัญหา ก็ช่วยกันแก้
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ บรรดาสตาฟเกิดขลังขึ้นมาเรียกน้อง ๆ ซ้อม ที่สนามเทพหัสดินฯ ซะงั้น เอ้า ครูก็ว่าไงว่ากัน ( ครูก็เหนื่อยเต็มที )
ผ่านไป ๕ นาที มีนักเรียนวิ่งมาบอกว่า สตาฟหยิบผ้ามีขาวมาผิด ๑ ผืน หยิบผืนสั้นมา ผ้าไม่เท่ากัน
เด็ก ๆ ที่เป็นสตาฟเริ่มจะพูดกันต่อ ๆไป สติ เท่านั้นค่ะ ที่จะช่วยได้ ครูสั่งห้ามพูด่อ รู้เฉพาะ ทีมงามไม่เช่นนั้น ทุกคนจะใจเสีย
แว่บ นั้นครู คิดไว้ ๒ ทาง ทางที่ ๑ ตัดผ้าให้เท่ากันหมด แต่งานจะไม่สวยเพราะสนามใหญ่มาก ทางที่ ๒ หาซื้อผ้าแถวนั้นทันที
ขณะนั้นเวลา ๑๕.๓๐ น. ตำรวจเริ่มมาปิดการจราจร เพราะใกล้เสด็จ ผู้อำนวยการโรงเรียน โทรมาถามว่าเรียบร้อยไหม ต้องโกหกไปว่า เรียบร้อยค่ะ แต่ขณะนั้น ครู พนักงานขับรถ และนักเรียนวิ่งทั้งที่ไม่ใส่รองเท้า ตำรวจมองแบบงงๆ ไปวิ่งหาซื้อผ้า จะไปประตูน้ำก็กลัวไม่ทัน ไปศึกษาภัณฑ์หน้าสนามศุภฯ ก็ไม่มี พนักงานขายบอกชี้ไปทางซ้าย เรียกตุ๊ก ๆ เจอร้านตัดเสื้อกีฬา ไม่มี ได้แต่นึกพึงพ่อแก่ช่วยลูกด้วย
พอถึงร้านที่ ๓ เวลา ๑๕.๔๕ น. บอกว่าพอมีใช้ได้หรือเปล่าไม่รู้ เป็นผ้าโทเร ยาว ๓๐ เมตร ราคา ๓,๐๐๐ บาท โอ้โหใจชื้น เพื่อนโทรมาบอกว่าต้องให้เด็กเข้าใต้อัฒจรรย์เตรียมการแสดงแล้ว พระบรมฯ จะเสด็จ แล้ว เราก็วิ่งหอบผ้าไปให้เด็กเปลี่ยนทันที
เด็ก ๆ ที่รู้ว่าวิกฤตเกิดขึ้น มองกันด้วยตาที่มีน้ำตาปริ่มๆ ครู ฝืนยิ้ม ให้ทุกคน แล้วขึ้นไปนั่งดูการแสดงบนอัฒจรรย์ เช็ดน้ำตาไปดูไป และแล้วเราก็ทำสำเร็จ
ทุกคนชื่นชม ครูที่โรงเรียนลุ้นกันทางทีวี กลับมาด้วยความสุขใจ คืนนั้นหลับสบาย
เด็ก ๆ ที่เป็นสตาฟวิ่งมาขอโทษ กันใหญ่ ครูบอกว่า ครูไม่โกรธหรอก การทำงานมีผิดพลาดได้ทั้งนั้น ให้จำไว้เป็นประสบการณ์ของชีวิต
และนี่แหละที่สุดของชีวิตของดิฉัน ถ้าคุณอ่านแล้ว ลองคิดดูถ้าเป็นคุณจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่สำหรับดิฉัน ดิฉันภูมิใจในตัวลูกศิษย์มากค่ะ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เขาคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้
เบื้องหลังและเบื้องหน้า
น้ำค้างและน้ำฝน ไหลมารวมกันเป็นสายน้ำ
ไม่มีความเห็น