ความเชื่อมันเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายเหตุผลว่าทำไม อย่างเรื่อง การจัดการรกของเด็กแรกเกิด
เมื่อวานหลังภรรยาผมคลอด พยาบาลที่อยู่ห้องคลอดก็ออกมาถามผมว่า ต้องการรกเด็กกลับบ้านไหมค่ะ?
ผมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด ว่าขอเอากลับครับ
ผมแอบชมโรงพยาบาลเวชธานีว่า เขาเอาใจใส่ แม้แต่ความเชื่อเล็กๆ จากนั้นพยาบาลคนนั้นก็จัดการใส่ถุงดำนำมายื่นให้ผม
ผมไปยืนดูลูกสาวผ่านผนังกระจก พยาบาลในห้องเดินมาถามผมว่าต้องการจะเข้ามาทำพิธีทางศาสนาอะไรไหมคะ? เรื่องเหล่านี้ มันสะท้อนถึงความเอาใจใส่ในมิติความเชื่อ ศาสนาซึ่งส่วนใหญ่คนไทยเรา ไม่ว่าศาสนาใดก็จะมี ผมว่ามันเสน่ห์ของการบริการนะครับ
แต่ที่เกือบแย่ มีเรื่องต่ออีกนิดครับ หลังจากที่ผมรับถุงดำบรรจุรกลูกสาวอยู่ข้างใน ผมก็ถือมาที่ห้องพักคนไข้ แต่เนื่องจากปากถงไม่ได้มัด ผมเกรงว่าถุงจะล้มแล้วอาจทำให้ของเหลวข้างในหกเรี่ยราด เลยนำไปวางที่หน้ากระจกข้างอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ และกะว่าจะฝากน้องชาย เอากลับบ้านเมื่อตอนที่เขามาเยี่ยม
และเมื่อตอนสองทุ่มกว่าเมื่อน้องชายและมะผมจะกลับบ้าน ก็นึกถึงถุงรกลูกสาว แต่ต้องตกใจเพราะถุงหายไป ทราบจากภรรยาผมบอกว่าตอนเย็นแม่บ้านโรงพยาบาลเข้ามาทำความสะอาด คาดว่าต้องหยิบนำไปทิ้งแล้ว ผมจึงเดินไปถามที่เคาเตอร์พยาบาล เขาก็ต้องโทรตามหาแม่บ้านกันใหญ่ จากนั้น ช่วงประมาณ สี่-ห้าทุ่มเห็นจะได้ หัวหน้าแม่บ้าน และพยาบาลก็มาเคาะประตูห้อง นำถุงรกใส่ถุงดำและใส่ถุงกระดาษซ้อนอีกทีนำมาให้ พร้อมบอกกล่าวขอโทษแทนแม่บ้านที่ไม่รู้ และบอกว่าวันนี้ตอนเย็นไม่มีคนคลอดจึงมั่นใจว่าเป็นรกของลูกสาวผม เลยขอบคุณมากที่ต้องลำบากไปสืบเสาะหาจนเจอ
กลับมาที่ รกเด็ก ต่อ ด้วยคนแก่ๆ ที่บ้านเขาจะมีวิธีการจัดการรกเด็กหลังคลอด ด้วยการนำไปฝังดิน ใต้โคนต้นไม้ อย่างน้อยที่สุด ก็น่าจะเป็นปุ๋ยสด ให้แก้ต้นไม้ได้
แต่ผมเคยถามว่าทำไมเขาจึงทำแบบนี้ เขาบอกว่ามันเป็นความเชื่อของคนโบราณ ที่เชื่อว่า การฝังรกเด็กไว้ที่บริเวณบ้านนั้น เมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้น แม้เขาจะดื้อ จะออกจากบ้านไป เขาก็จะกลับคืนมาบ้าน เพราะรกเขาอยู่ที่บ้าน
ความเชื่อก็เป็นเช่นนั้นเอง
เพิ่งจะทราบว่าเขาฝังรกเด็กทำไม ปกติจะบอกกันต่อๆ เท่านั้นว่าให้ฝังในบ้าน แต่ไม่ทราบสาเหตุใด
ขอบคุณครับ
อภิชา