คิดดีก็ได้ดี
ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
จาก ชีวิตลิขิตได้
ความว่า
การก่อสร้างตนให้มีความเจริญและความสุขในโลกย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนทุกชาติ แต่อาจมีแนวทางต่าง ๆ กัน เช่นบางพวกมุ่งคิดสร้างวัตถุต่าง ๆ ที่จะบำรุงชีวิตให้มีความสุขเฉพาะตนเองเป็นข้อสำคัญ พ่อและแม่เมื่อเลี้ยงดูลูกจนเติบโต สามารถทำงานเลี้ยงตนเองได้ ก็ปลดภาระปล่อยให้แยกออกไปตั้งตนตนเอง เมื่อลูกแยกออกไปตั้งครอบครัวของตนเองแล้ว ก็ทำงานประกอบอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวของตนไป ไม่ต้องหันมาเหลียวแลเลี้ยงดูพ่อแม่อีก เมื่อพ่อแม่แก่ชราเข้าบางทีก็ต้องไปอยู่ในที่สำหรับเลี้ยงคนแก่ ต้องว้าเหว่ เลี้ยงสัตว์ เช่นสุนัขไว้เป็นเพื่อนก็มี ตัวลูกเองเมื่อแก่เข้าก็ต้องแยกออกไปกว้าเหว่อยู่เช่นเดียวกัน พวกนี้มักมีความเจริญทางวัตถุกันมากมาย มักเล่าเรียนและทำงานกันตัวเป็นเกลียว โดยไม่ได้พึ่งพากันมีความคิดว่าในเมื่อทุกคนก็มีความสามารถที่จะทำงานหารายได้ด้วยตนเอง
ส่วนบางคนไม่ได้คิดสร้างทางวัตถุมากมายนัก ชอบบำรุงจิตใจให้สบายมากกว่า มีความผูกพันระหว่างพ่อ แม่ ลูก กันตลอดไป พ่อ แม่ มักจะเห็นลูกของตนเป็นเด็กอยู่เสมอ มีความเป็นห่วงใยกันเรื่อยไป ลูก ๆ ก็ไม่ทอดทิ้ง พ่อและแม่ให้ว้าเหว่ และมักจะลูกหลานให้ท่านเลี้ยง โดยที่ท่านไม่ต้องไปหาสุนัขที่ไหนเลี้ยงเป็นเพื่อน มีลูกหลานเป็นเพื่อน พวกนี้มักจะมีความซึ่งพวกแรกอาจจะทึ่งในปัญญา ในความคิดทีเดียว เช่นบางทีอยู่กระท่อมเล็ก ๆ กลางไร่นา แต่ก็เป่าขลุ่ยร้องเพลงกันอย่างสบายใจ เพราะเห็นว่าจะหาเงินให้มากเพื่ออะไร ก็เพื่อจะมีบ้านอยู่ใหญ่โตสวยงาม มีวัตถุต่างๆ เพียบพร้อมเพื่ออะไร ก็เพื่อความสุข การอยู่กระท่อมเล็ก ๆเพียงเท่านั้น ก็มีความพอใจ มีความสุขแล้ว จะต้องไปทะเยอทะยานหาบ้านหารถยนต์ ให้ลำบากไปทำไม
ความสุขของคนเราไม่ได้อยู่ที่มีวัตถุอำนวยความสะดวก มีบ้าน มีรถยนต์ แต่เพียงอย่างเดียว แต่ความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ พร้อมกับการปฏิบัติตัวในทางที่ดีอยู่ในศีลในธรรมเพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้วนี่เป็นพื้นฐานแห่งความสุขที่แท้จริง
นางฟารีดา ละประเสริฐ
เจ้าหน้าที่การเงิน
ไม่มีความเห็น