งานของฉัน (กิร ดังได้สดับมา "อารมณ์ทำงาน")


ในการทำงานทุกอย่างย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนกันหมด แต่ถ้ามีอารมณ์ในขณะทำงานต่างกัน ผลที่ออกมาก็จะต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

ตั้งแต่เรียนจบ ฉันเคยได้สัมผัสงานมา 3 อาชีพด้วยกัน 

      ฉันเริ่มต้นชีวิตทำงานด้วยการเป็นมัคคุเทศก์ ได้สักระยะหนึ่ง ต่อมา ฉันได้เข้าทำงานในบริษัททัวร์อีกสักพัก ณ วันนี้ ฉันกำลังทำอาชีพครู ซึ่งในการทำงานทั้ง 3 อาชีพนี้ เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อยู่ในสาขาเดียวกัน คือ สาขาการท่องเที่ยว ในการทำงานแต่ละอาชีพ ฉันได้ประสบกับสถานการณ์หลายๆอย่าง ทั้งความตึงเครียด ความสนุกสนาน ความสุข และบางครั้งที่ฉันมีความทุกข์ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อฉันได้อ่านเรื่องราวหนึ่ง ในหนังสือ “กิร ดังได้สดับมา” ก็ทำให้ฉันคิดได้ว่า ถ้าหากเราคิดถึงงานที่กำลังทำ ในลักษณะที่ดี เราก็จะทำงานนั้นได้อย่างมีความสุข และจะทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งฉันได้ลองทำตามแล้ว คิดว่าได้ผลจริงๆ ฉันจึงขอนำเรื่องราวในตอนที่ 7 จากหนังสือกิร ดังได้สดับมา ชื่อเรื่องว่า “อารมณ์ทำงาน” มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ

ตอนที่ 7 อารมณ์ทำงาน

                ชายคนหนึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อไปตากอากาศริมทะเลแถวบางแสน ผ่านหมู่บ้านอ่างศิลาที่มีโรงงานแกะสลักหินอยู่จำนวนมาก จึงแวะรถหน้าโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงงานใหญ่และมีคนงานจำนวนมากกำลังสลักหินกันอยู่ เข้าไปในโรงงานเดินชมรูปสลักหินที่วางเรียงรายอยู่ เดินเรื่อยไปจนถึงบริเวณที่ช่างกำลังสลักหินกันอยู่จึงเข้าไปถามช่างคนหนึ่ง ซึ่งใช้ค้อนตอกสลักหอนด้วยท่าทางขึงขัง หน้านิ่วคิ้วขมวด เหงื่อท่วมตัวว่า

                “นี่น้อง ทำอะไรน่ะ”

                ช่างคนนั้นตอบโดยไม่เงยหน้าด้วยทีท่าไม่พอใจว่า “ก็กำลังสลักหินอยู่ ไม่เห็นหรือไง ไม่น่าถาม”

                เขารีบเดินหนีไป ขืนยืนอยู่ตรงนั้นอาจโดนช่างคนนั้นสกัดตัวแทนหินก็ได้

                พบคนต่อมาซึ่งก็เหงื่อท่วมตัว กำลังสกัดหินอยู่เหมือนกัน จึงถามเหมือนคนแรกว่า

                “น้องๆ ทำอะไรอยู่น่ะ”

                “อ๋อ กำลังทำมาหากินอยู่” เขาเงยหน้าตอบแบบไม่แยแส ไม่ยินดียินร้าย

                เดินไปอีกหน่อยก็เห็นชายกลางคนง่วนอยู่กับสกัดหิน เหงื่อท่วมตัว แต่สีหน้ายิ้มแยมแบบมีความสุข จึงถามว่า

                “พี่ๆ กำลังทำอะไรน่ะ”

                เขาเงยหน้าตอบอย่างยิ้มแย้มและภาคภูมิใจ

                “ผมกำลังสร้างโบสถ์ครับ วัดในชลบุรีนี่แหละมาว่าจ้างโรงงานให้สกัดสิงโตเชิงบันไดโบสถ์ ผมงี้ชื่นใจจริงๆ ได้มีโอกาสฝากฝีมือไว้ แถมได้บุญด้วย”.

เรื่องนี้สื่อความได้ว่า : ….

            ในการทำงานทุกอย่างย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนกันหมด

            แต่ถ้ามีอารมณ์ในขณะทำงานต่างกัน

            ผลที่ออกมาก็จะต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

            กล่าวคือ....

            ในขณะทำงานนั้น หากจิตใจมุ่งไปในทางที่เป็นบุญเป็นกุศล ในทางที่เป็นศิลปะ ก็จะได้ความสุขจากการทำงาน ทำงานอย่างเพลิดเพลิน และได้ผลงานประณีตวิจิตรงดงามเพราะทำงานด้วยจิตที่วิจิตร ผลงานที่ออกมาย่อมทำให้เกิดความสุขและความภาคภูมิใจตลอดชีวิตเมื่อนึกถึง

            ตรงกันข้าม หากว่าทำงานด้วยคิดแต่เพียงจะรับค่าจ้างท่าเดียว ไม่คิดถึงเรื่องผลงาน ผลงานจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้เสร็จๆไปเป็นใช้ได้ ก็จะทำงานด้วยอารมณ์บูดตลอดเวลา

            เมื่อทำงานด้วยจิตที่มีอารมณ์บูดเสียก็จะเหนื่อยเร็ว อยากให้งานเสร็จหรือให้เวลาหมดไปเร็วๆ ทั้งจะไม่มีความสุขในการทำงานนั้นเลย ในการทำงานทุกอย่างนั้น ถ้าปรับความคิดให้ชอบงานที่ทำ คิดถึงผลงานมากกว่าผลเงิน และสนุกกับการทำงานได้ ย่อมจะเหนื่อยน้อยลงหรือไม่เหนื่อยเลย.

ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก

หนังสือ กิร ดังได้สดับมา : พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช)

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 356661เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2010 13:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท