เรื่องของสปริงเกอร์ กับอากาศที่แล้งจริงๆ


ความคิดที่จะติดสปริงเกอร์บริเวณหลังบ้านได้มีมานานพอสมควรแล้ว และตอนนี้แม่ก็ได้ปลูกผักปรัง อย่างที่เคยเล่าไปเมื่อครั้งก่อน มาเมื่อไม่นานมานี้ ผักปรังเริ่มตายไปทีละต้นสองต้น จนเหลือน้อยเต็มทีแล้ว สาเหตุที่เป้นแบบนี้ก็เพราะแล้ง อากาศร้อนมากๆ จนทำให้ต้นผักปรังทนไม่ไหวกับสภาพอากาศร้อนดังกล่าว และไม่ค่อยได้น้ำเท่าไรนัก แม่รดน้ำคนเดียวไม่ทั่วถึงเพราะตักรดทีละหลุม ทีละกระบวย วันๆรดน้ำไม่ทั่วทั้งหมด ผมก็ไม่ค่อยจะว่างที่จะช่วยลากสายยางสูบน้ำรด

จนเริ่มเห็นแววที่จะเจ้ง เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเลย ตัดสินใจเข้าตลาดไปซื้อท่อพีวีซี สปริงเกอร์ ข้อต่อต่างๆ รวมทั้งวาว ก็หมดเงินไป 950 บาท มองๆดูของแล้วคิดว่าเยอะพอสมควร แต่ที่ไหนได้ พอวางท่อแบบคร่าวๆ ถึงได้รู้ว่าซื้อของมาน้อยเกินไปมากๆเลยล่ะ  ท่อขนาด 6 หุo  9 เส้น คิดว่าพอที่ไหนได้ ต่อได้เพียงครึ่งเดียวเอง พื้นที่ 10x12  เท่านั้นเองน่ะ ต่อสปริงเกอร์ไปได้แค่ 6 ตัวเอง เศร้าใจเลย ใช้เวลาต่ออยู่คนเดียว ตั้งแต่ บ่ายสองโมง เสร็จเรียบร้อยก็ สี่โมงเย็นพอดี จัดการเดินเครื่องสูบน้ำแบบไฟฟ้า ผลเป็นที่น่ายินดีวางปริงเกอร์ได้ระยะห่างดี ต่อไปการรดน้ำก็จะสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะเลย

เหลือพื้นที่อีกครึ่งนึง วันเสาร์(1 พ.ค.) ก็จะไปตลาดไปซื้อเพิ่มเติมอีก แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะหยุดวันแรงงาานหรือเปล่านะ ถ้าหยุดก็ซวยไปล่ะ กะจะซื้อมาต่อเพิ่มเติมให้เต็มพื้นที่เลยล่ะคราวนี้ แม่จะได้สบายไม่ต้องตักน้ำรดทีละกระบวย แค่เสียบปลั๊กสปริงเกอร์ก็ทำหน้าที่ไปเป็นอันว่าสบายไปอีกขั้นตอนในการรดน้ำผัก  เดี๋ยวถ้าต่อเสร็จสมบูรณ์แบบแล้วจะได้ถ่ายภาพมาให้ชมกันอีกที แต่อาจจะไม่สวยเท่าไรเพราะผักปรังตายไปซะเยอะเลย

หลังจากที่เห็นแววว่าผักปรังตายไปซะเยอะเลยบอกแม่ให้เอาต้นโหระพามาลงทิ้งไว้บ้างเพราะปลูกผักชนิดเดียวคงจะไม่รอดแน่เลย โหระพาอาจจะพอช่วยได้บ้างเก็บสลับกันไปกับผักปรัง ตอนนี้ก็เอามาลงบ้างแล้ว สองแถว น่าจะประมาณ 30 หลุมได้จะว่าไปแล้วก้ไม่เยอะเท่าไรเลยบอกแม่ว่าเอาโหระพาลงเยอะๆเลย แม่ก็ไม่ยอมจะกันพื้นที่ไว้สำหรับ บวบและก็ผักกาดด้วย เพราะผักกาดโตเร็วเก็บขายได้ดี  อึม...นะ แม่กะว่าใช้พื้นที่ให้คุ้มเลย แต่ผมก็ว่าดีเหมือนกันเพราะติดสปริงเกอร์แล้ว จะตัดพื้นที่ส่วนทางเดินลากสายยางไปได้เยอะเลย


แต่ดีใจได้ไม่นาน เพราะช่วงทดสอบสปริงเกอร์นั้นสูบน้ำเพลินไปหน่อย แต่ก็ไม่เพลินเท่าไรนะสูบประมาณ 10 นาทีเองน้ำหมดบ่อซะล่ะเศร้าใจไปเลย ก็ต้องรอให้น้ำขึ้นอีก แต่ตาน้ำน้อยมากๆ เลยรอไม่ไหวเอาไว้สูบน้ำรดวันหน้าล่ะกัน หน้าแล้งซะก็แล้งจริงๆ เลยนึกถึงอิสานที่เขาแล้งกว่าเรา คงจะลำบากมากๆเลย ได้ดูแต่ในทีวีเห็นเขาเอารถน้ำเอาน้ำไปแจกจ่าย ก็ดีนะที่บ้านเราไม่แล้งแบบนั้น ยังมีน้ำให้รดผัก ถึงแม้จะตาน้ำน้อยลงกว่าเดิมก็ตาม แต่ก็ยังมีน้ำ ให้รดแบบสปริงเกอร์ ที่หลายๆ คนบอกว่าเปลืองน้ำกว่ารดเป็นสายยางรดทีละหลุม มันก็จริงอย่างที่เขาว่า แต่มันก็สะดวกกว่าเยอะเลยล่ะ

นี่ล่ะหนาเทคโนโลยีกับการเกษตร คงจะต้องไปด้วยกัน ถ้าทำเกษตรแบบเก่าสงสัยจะไม่ทันการเพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เอาเทคโนโลยีมาช่วยผ่อนแรงบ้างก็สบายไป

หมายเลขบันทึก: 355217เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2010 00:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อ่านแล้วก็ทำให้นึกถึงตอนเป็นเด็กก็เคยปลูกผักปรังเหมือนกัน

การดิ้นรนหาน้ำ และ การใช้เครื่องสูบน้ำ เป็น จุดเริ่มต้น ก่อความขัดแย้ง เร่งการแข่งขัน รีบสูบ รีบใช้ น้ำ ระหว่างเพื่อนบ้าน และพี่น้องร่ามชุมชน --- น้ำน้อย น้ำใจแห้ง ;-)

สปริงเกอร์? สปริ๊งกะเล่อร์ (sprinkler) is more international.

ทุกหลังคาเรือแถวนี้เขาใช้น้ำประปากันครับ เพราะพื้นที่ในเมืองส่วนใหญ่ก็จะปลูกดอกไม้กันปลูกแบบกระถาง มีแต่บ้านผมที่มีพื้นที่หลังบ้านพอได้ปลูกผักขนาดพื้นที่ 10x12 เมตรเท่านั้นเองล่ะครับ

ตอนแรกแม่ก็จะให้ต่อน้ำประปาแต่ผมว่ามันมีคลอรีนมันจะไม่ดีกับผักเลยต่อสปริงเกอร์ให้แทน ดีกว่าลากสายยางเหมือนเช่นเคยที่ทำมา เพราะคราวนี้ปลูกผักปรัง ผักปรังต้นมันจะอ่อนหักง่ายครั้นจะลากสายยางต้นผักปรังคงเละหมดแน่ตอนรดน้ำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท