วันเวลามันไม่เคยรอใครหรอกมีแต่เราที่จะวิ่งหนีเราไปเราต่างหากที่จะต้องวิ่งเข้าหามันทุกวันนี้อาชีพการทำงานของหนูก็คือธุรกิจส่วนตัว หนูเปิดร้านขายเสื้ออยู่แถวๆในตัวอำเภอแต่ว่าบ้านของหนูอยู่ไกลจากตัวอำเภอ ประมาณ 9 กิโลเมตร ร้านที่เปิดขายของเป็นห้องแถวให้เช่า เปิดมาประมาณ 3 ปีได้คะ ทุกวันนี้ก็เช้ามาก็ รีบออกจากบ้านไปเปิด
ร้าน เย็นประมาณสองทุ่มค่ะถึงจะปิดร้าน หนูรับงาน past time มาทำด้วย แล้วก็น้าหนูเค้าเป็นผู้จัดการอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในอำเภอฝาง บางครั้งเค้าก็ให้หนูไปทำตารางรายรับรายจ่ายช่วยวงจรชีวิตก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน บางครั้งมันก็เหนื่อย เหนื่อยมากๆ แต่คนเหนื่อยกว่าหนูก็มีเยอะ แต่ที่เหนื่อยแล้วไม่เคยบ่นเลยสักคำ ก็พ่อแม่หนูค่ะหนูมีความ
ศรัทธาในตัวท่านจริงๆท่านทำงานหนักกว่าหนูเป็นหลายเท่าแต่ท่านไม่เคยบ่นสักคำพ่อกับแม่หนูก็มีอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้าเหมือนกันท่านขายเสื้อผ้าเหมือนกับหนูแต่ขายตลาดนัดทุกวันเวลา ตีสี่ ออกจากบ้านแล้วค่ะ ไปขายของที่ตลาดนัด กลับถึงบ้านก็ ประมาณสองทุ่ม เป็นอย่างนี้ทุกวันหนูอยากให้ท่านบายค่ะไม่อยากให้ท่านต้องลำบากอีกอายุท่านก็มากขึ้นทุกวัน หนูอยากเรียนให้จบไวๆอยากเป็นครูดังที่ตั้งใจและหวังไว้พ่อกับแม่คงประทับใจในตัวหนูมากหากมทีปริญญาอีกสักใบมาติดไว้ที่ข้างฝาบ้านเป็นกำลังใจให้
หนูนะคะอาจารย์ เมื่อเหนื่อยกับชีวิตมากขึ้น ชีวิตของเราจะมีความทรหดมากขึ้น เราจะมีความแลาดมากขึ้นหลังจากได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งเราจะเข้าใจโลกโลกมากกว่าที่เคยเพราะเราได้เห็นคววามพริกผันของโลกใบนี้มาไม่น้อยตลอดเวลอันยาวนานที่เราต้องเหน็ดเหนื่อยเราเชี่ยวชาญกับการรักษาบาดแผลตนเองหลังจากที่เราล้มลุกคลุกคลานมามากบทเรียนมากมาย ที่ทำให้เรารู้จักกับคำว่าสู้กับการมีชีวิตวันนี้เราอาจยังไม่มีความร่ำรวยแต่เรามีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมากขึ้น
สู้ สู้ ครับ ;)