ลำนำรัก.....เสียงพิณ


• แม่ตาหวานของข้าเอย

ลำนำรัก.....เสียงพิณ
**********
เทพแห่งพิณ

            ณ หมู่บ้านอัมพสณฑ์ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของกรุงราชคฤห์ มีถ้ำอยู่แห่งหนึ่งชื่อ  อินทศาล อยู่ที่ภูเขาเวทิยกะด้านเหนือของหมู่บ้าน  พระพุทธเจ้าประทับเข้าฌานอยู่ในถ้ำนั้น
ท้าวสักกเทวราชผู้เป็นจอมแห่งเทพ ประสงค์จะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ จึงชวนหมู่เทพทั่วทั้งดาวดึงส์ รวมถึง ปัญจสิขเทพบุตร (เทพคนธรรพ์,เทพนักดนตรี,เทพแห่งพิณ) เพื่อไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ด้วยกัน  ปัญจสิขเทพบุตร ถือพิณสีเหลือง(ดั่งผลมะตูม)ไปด้วย
            ทันทีที่หมู่เทพชุมนุมกัน ภูเขาเวทิยกะและหมู่บ้านก็สว่างไสวด้วยเทวานุภาพ ชาวบ้านต่างพากันตกใจตื่นกลัว เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท้าวสักกเทวราชตรัสเรียกปัญจสิขเทพบุตรมารับสั่งว่า ขณะนี้พระพุทธองค์ทรงเข้าฌานอยู่ การที่จะเข้าไปเฝ้ามิใช่เรื่องง่าย ควรที่จะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้พระองค์ทรงโปรดก่อน แล้วจึงเข้าเฝ้ากัน เทพบุตรรับคำบัญชาแล้ว ถือพิณเข้าไปทางถ้ำ กะระยะพอประมาณว่า เมื่อบรรเลงพิณแล้ว พระพุทธองค์จะทรงได้ยินเสียงพิณ

ลำนำรัก

ปัญจสิขเทพบุตรยกพิณขึ้นบรรเลง พร้อมขับลำนำเคล้าคลอกับเสียงพิณ....

• โฉมฉายแม่เอย
ข้าขอนบไหว้ติมพรุบิดาผู้ให้กำเนิดคนงาม
สุดที่รักของข้า
• เจ้านั้นงามเฉิดฉายเป็นที่รักแห่งข้า
เหมือนสายลมเป็นที่ต้องการยามเหงื่อโทรมกาย
เหมือนพระธรรมเป็นสุดปรารถนาของพระอรหันต์
• โฉมฉายแม่เอย
ประโลมใจข้าให้หายร้อนรุ่มด้วยเถิด
ให้เหมือนยารักษาคนไข้หนัก
ให้เหมือนอาหารสำหรับผู้โหยหิว
ให้เหมือนวารีดับไฟพุ่งโพลง
• แม้นข้าได้ซบอกนาง
ก็จะเหมือนพญาคชสาร
ฝ่าแดดมาพบสระน้ำใสเย็น บัวงามสล้าง
แล้วลงแช่กาย
• ความงามของเจ้านั้น
ทำให้ข้าหลงใหลโง่งมยิ่งแล้ว
ไม่ต่างอะไรกับคชสารเหลือขอ
ถูกขอถูกหอกทิ่มแทง ก็มิรู้เจ็บปวด
• ข้าตกหลุมรักในตัวเจ้า
ถอนใจเพ้อคลั่งมิได้แล้ว
ดุจเดียวกับปลาติดเบ็ด
• แม่ตาหวานของข้าเอย
กอดข้าสิ
สุดแสนดีของข้าเอย
กอดรัดข้าสิ
ให้สมกับที่ข้าถวิลหวัง
• อันรักที่ข้ามีต่อเจ้างามงอนนั้น
เหลือจะประมาณได้
ประหนึ่งบุญทาน
อันทำไว้ในพระอรหันต์
• โฉมงามของข้าเอย
ขอบุญที่ข้าสั่งสมไว้ในพระอรหันต์
จงหนุนส่ง
ให้ข้าได้เจ้าอยู่คู่เคียง
• โฉมงามแม่เอย
ขอบุญที่ข้าฝากฝังไว้ในหล้าโลก
จงสะพรั่งผล
ให้ข้าได้เจ้าเป็นคู่ชีวัน
• โฉมฉายแม่เอย
ข้าใฝ่ฝันในตัวเจ้า
เทียมเท่าพระศากยมุนีผู้พรั่งพร้อมด้วยสติปัญญา
เด็ดเดี่ยวเพียรเพ่งมุ่งนฤพาณ
• ยอดกัลยาของข้าเอย
มาตรแม้นข้าสมรักได้เจ้ามาชูชื่น
ก็เสมอพระผู้ตรัสรู้
สุขเกษมเปรมปรีย์
• คนดีของข้าเอย
มาตรแม้นองค์อินทร์แห่งดาวดึงส์
พึงประทานพร
ข้าก็จะขอเลือกเจ้าเป็นพร
รักแห่งข้ามั่นคงป่านฉะนี้
• คนเก่งของพี่เอย
บิดาใดให้กำเนิดคนงามเช่นเจ้า
ดั่งสาลพฤกษ์ผลิดอกไสว
ข้าขอนอบนบบิดาองค์นั้นแล

            (บทลำนำนี้ ถอดความจากคำประพันธ์ที่เป็นภาษามคธ **โฉมฉาย** บาลีว่า สุริยวจฺฉสา แปลว่า มีร่างงามเหมือนพระอาทิตย์ ( ดวงอ่อน ๆ ) เป็นคุณศัพท์ของเทพธิดาภัททา ( ภัทรา )  ผู้มีรัศมีส่องจากปลายเท้าขึ้นไปจรดปลายผม กายของนางจึงเปล่งแสงระเรื่อเหมือนแสงพระอาทิตย์อ่อน ๆ เทพทั้งหลายจึงเรียกนางว่า สุริยวจฺฉสา หรือแปลอีกนามว่า สุริยายอแสง)

                                      เข้าฌานได้ยินเสียง

            พระพุทธองค์เมื่อได้ทรงสดับลำนำที่คลอเคล้ากับเสียงพิณของปัญจสิขเทพบุตร ก็ตรัสชมเชยว่า เ  สียงพิณกับเพลงขับกลมกลืนกันดี   ทรงถามว่า   ลำนำนี้ร้อยกรองขึ้นเมื่อใด
เทพบุตรกราบทูลว่า เมื่อครั้งพระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ ๆ ขณะที่ประทับอยู่ ณ อชปาลนิโครธริมฝั่งเนรัญชรา

      เทพบุตรได้กราบทูลเรื่องที่ตนหลงรักเทพธิดาชื่อภัททา ซึ่งเป็นธิดาของหัวหน้าคนธรรพ์ชื่อติมพรุ หากแต่นางมีใจรักอยู่กับมาตลิเทพบุตร(เทพสารถี)นามว่าสิขัณฑิ ไม่มีทางที่จะได้สมหวัง แม้แต่น้อย ได้แต่ถือพิณไปบรรเลงวนเวียนยังที่อยู่ของท้าวติมพรุ พร้อมกับขับคลอด้วยบทลำนำดังกล่าว ส่วนเทพธิดาผู้เลอโฉม ก็ได้แต่กล่าวเตือนใจว่า นางเองได้ยินปัญจสิขะยอพระเกียรติพระพุทธองค์ขณะที่ตนฟ้อนอยูในเทวสภา ก็เมื่อยกยอขึ้นใจอยู่อย่างนั้น ก็แสดงว่าปัญจสิขะมีใจมุ่งตรงต่อนิพพาน ขอให้มุ่งตรงไปสู่จุดหมายนั้นเถิด อย่าได้พบกันอีกเลย
นับแต่นั้น ปัญจสิขะกับเทพธิดานั้น ก็ไม่ได้พบปะพูดคุยกันอีกเลย
            ขณะที่ปัญจสิขเทพบุตรสนทนาอยู่กับพระพุทธองค์ เวลาได้ล่วงเลยไปครู่ใหญ่
ท้าวสักกเทวราชทรงห่วงว่า เทพแห่งพิณคงสนทนากับพระองค์เสียจนเพลิน
จึงเรียกออกมารับสั่งอีกว่า ให้กราบทูลเรื่องที่ตนและทวยเทพพากันมาเข้าเฝ้า
ซึ่งในที่สุดก็ได้เข้าเฝ้าตามประสงค์

                      ความสมหวังของท้าวสักกะและปัญจสิขเทพบุตร

            ท้าวสักกะ ได้ทรงสนทนาธรรมกับพระพุทธเจ้า ด้วยการถามตอบปัญหาธรรมต่าง ๆ
จนเมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงวิสัชชนาแล้ว ท้าวเธอทรงยอมรับว่า การตอบปัญหาของพระพุทธองค์ไม่มีอันใดเหลือให้เคลือบแคลงสงสัยได้อีกเลย  ท้าวเธอได้ดวงตาเห็นธรรมและได้ทรงบรรลุธรรมขั้นสูงยิ่งขึ้น (ความละเอียดการถามตอบธรรมนี้ศึกษาได้จาก สักกปัญหสูตร ฑีฆนิกายมหาวรรคในพระสุตตันตปิฏก)
            ท้าวสักกเทวราชได้เรียกปัญจสิขเทพบุตรมารับสั่งว่า เขามีบุญคุณต่อพระองค์เหลือเกิน ที่ช่วยให้ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงทรงแต่งตั้งให้ปัญจสิขะดำรงตำแหน่งผู้นำแห่งคนธรรพ์ (คันธัพพราชา)พร้อมกับยกเทพธิดาสุริยวัจฉสาให้เป็นคู่ครองสมกับที่ใฝ่ฝัน
            สุดท้ายท้าวสักกะได้ก้มลงเอาพระหัตถ์ลูบแผ่นดิน(เพื่อให้เป็นพยาน)
พร้อมกับเปล่งอุทานว่า
             “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโตะ สัมมาสัมพุทธัสสะ” (๓ ครั้ง)
ว่ากันว่าในการสนทนาธรรมโดยการตอบปัญหาของท้าวสักกะในครั้งนี้ ท้าวสักกะและหมู่เทพจำนวนกว่าแปดหมื่นตนต่างก็ล้วนแต่ได้บรรลุธรรม 
                                      ******************

:จากพระไตรปิฎกฉบับเฉลิมพระเกียรติ

หมายเลขบันทึก: 349931เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2010 09:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 13:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นมัสการท่าน ขอบพระคุณมากครับที่นำมาให้อ่าน...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท