การกำหนดอิริยาบถอาการได้ชัดเจนไม่ว่าจะฟุ้ง ไม่ว่าจะปวด
มันกำหนดเห็นอาการได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เรียกว่าอุเบกขาเวทนา
เริ่มตั้งแต่เวทนา คือ เวทนา ๕
โดยตัวเวทนาตัวที่ ๑ คือ ทุกข์ เป็นเวทนาที่มีทุกข์มาก
เวทนาตัวที่ ๒ คือ สุข คือเวทนาที่มีสุขมาก มีทุกข์หรือไม่
ตอบว่ามี แต่มีทุกข์น้อย เพราะตัวสุขมาก่อน
ตัวทุกข์ตามมาทีหลัง มันทุกข์น้อย มันจึงหนุนอย่างนี้
เพราะตัวสุขมันยิ่งใหญ่กว่าและเกิดขึ้นก่อน
แต่ถ้าเมื่อใดตัวทุกข์มาก่อน ตัวสุขตามมา ตัวสุขก็แพ้ไป
แต่ขณะใดหากเวทนา ตัวที่ ๓ คือ ตัวอุเบกขา มาก่อน
มันจะสุขหรือจะทุกขเวทนาขนาดไหน มันก็ยังทนได้
ต่อมาเป็นเวทนาตัวที่ ๔ คือ โทมนัส
ขณะที่มีทุกข์อยู่นี้ มันนึกถึงทุกข์ในอดีต
ยกตัวอย่างเช่น เราโดนแม่สามีต่อว่าหรือโดนสามีต่อว่า หรือคนอื่นปรามาส
ทำให้รู้สึกทุกข์โทมนัส จนบางครั้งนั่งสะอื้นน้ำตาไหล เพราะมันทุกข์ที่ใจ
นึกถึงทีไร ทำไมชีวิตของเรามันทุกข์ทรมานขมขื่น เดือดร้อนวุ่นวาย
ต้องดิ้นรนสารพัดเช่นนี้ มันโทมนัสเหลือเกิน
การที่เราทนได้ เรียกว่า อุเบกขา
ต่อไปตัวเวทนาตัวที่ ๕ คือ โสมนัส หมายถึง สบายใจหรือพอใจ
หากมันพอใจสิ่งเหล่านั้นอยู่ เราจะนั่งยิ้มปลื้มปีติยินดีกับสิ่งเหล่านั้น
ซึ่งเวทนาทั้ง ๕ ตัวนี้ มันจะหนุนเนื่องซึ่งกันและกัน
ไม่มีความเห็น