การมองโลกในแง่ดีเป็นการมองในแง่ที่จะไม่กอบโกยหาผลประโยชน์จากโลกใบนี้
เมื่อชีวิตเราเกิดมาจากธาตุทั้ง 4 ของโลก เราจึงจำเป็นต้องใช้ชีวิตและร่างกายดีในการทำความดีเพื่อตอบแทนบุญคุณของโลกใบนี้ที่ให้เกิดและให้มีซึ่งตัวเรา
ชีวิตเป็นเหมือนละครฉากหนึ่งซึ่งเราเป็นนักแสดงที่ถูกสมมติบทบาทขึ้นบนเวทีที่ชื่อว่าโลก
เรามีหน้าที่ที่จะแสดงให้เห็นถึงความรัก ความเอื้ออาทรทั้งต่อผู้อยู่เบื้องหน้า คือผู้ชมซึ่งหวังและเฝ้ารอที่จะรับความสุข ความสนุกสนานจากเรา พร้อมกันนี้เราก็ยังคงต้องตอบแทนผู้ที่อยู่เบื้องหลัง อันได้แก่ พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ครอบครัว ซึ่งเป็นผู้หล่อหลอมเราให้มี "ชีวิต"
ชาตินี้เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนาถือว่าเราได้อะไรที่มากมายเหลือล้น
ขอให้ใช้โอกาสจากอัตภาพที่เป็นมนุษย์นี้เพื่อทำความดีและ "เสียสละ..."
เมื่อเรามองโลกว่าเป็นผู้ให้ทั้งชีวิตและโอกาส เราก็ควรที่จะตอบแทนบุญคุณแก่ผู้ที่ให้เรานั้น
จงให้แก่ผู้ที่ให้ และจงให้แก่ผู้ที่ไม่ให้ การกระทำตามวิถีของผู้ให้นี้เองจะนำพาเราสู่ความสุขแท้ซึ่งนั่นคือ "ความสงบ"
เมื่อเราได้ให้แล้ว จิตใจจะละได้ซึ่งความตระหนี่ ถี่เหนียว โลภโม โทสันต์ เมื่อความโลภน้อย ความเร่าร้อนในการแสวงหาก็จะลดลง ชีวิตของเราก็ย่อมเย็นลงและเย็นลง
ความเย็นจากการให้นั้น น้อมนำความเย็นมาสู่จิตใจได้มากมายกว่าความเย็นของน้ำแข็งที่ขั้วโลก
เมื่อให้แล้ว รอยยิ้มแห่งความสุขก็จะผลิบานขึ้นที่ใส่แล้วส่งต่อความละมุนละไมมารวมตัวกันไว้ที่มุมปาก
รอยยิ้มของผู้ให้นี้เอง จึงเป็นรอยยิ้มแห่งความบริสุทธิ์และเป็นรอยยิ้มที่สิ้นสุดแห่งความเห็นแก่ตัว
มาร่วมกันมอบรอยยิ้มให้แก่โลกด้วยการให้ แบ่งปันความดีด้วยการคิดดี พูดดี และทำดี ร่วมกันสร้างโลกใบนี้ให้สวยงาม...
อาจารย์อยู่ไหนค่ะเนี่ย
เนื้อหาดีมาก แต่ตนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมตนไม่เหมือนกัน หากทุกคนทำได้ตามเขียน โลกจะสงบสุขขึ้นมากทีเดียว