วิบัติของพรหมวิหารสี่


บันทึกนี้ต้องการเขียนขึ้นเพื่อบันทึกอารมณ์ความรู้สึกและข้อฉุกคิดถึงธรรมะของพระพุทธองค์ที่เกิดขึ้นของตัวเองในระหว่างการรับชมการถ่ายทอดบรรยากาศการเปิดโต๊ะเจรจาระหว่างนายกฯและแกนนำนปช.

เมื่อวานเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งที่ได้เห็นการเปิดโต๊ะเจรจาระหว่างนายกและแกนนำนปช....ผลมันจะจบลงอย่างไรเป็นเรื่องทางโลกและการเมือง..แต่สิ่งกระทบด้านในใจของฉันในช่วงระยะกว่าสองชั่วโมง(มาได้ฟังช่วงตอนกลางไปแล้วเนื่องจากเพิ่งกลับเข้าที่พักหลังจากออกไปขึ้นเวร)..ได้เห็นท่าทีและยินเสียงของตัวละครสองฝ่ายหกคนผลัดกันรับและรุกในเชิงของการเจรจา...เห็นตัวอคติที่มีอยู่ข้างในตัวเองจังๆ ความรู้สึกมีทั้งสงสารเห็นใจและกราดเกรี้ยวคัดค้าน...เลยย้อนสำรวจใจต่อไปอีกถึงที่มาของความรู้สึกนั้น..พบสิ่งที่ซ่อนอยู่คือ ความรักและปรารถนาอยากเห็นความสงบสุขของตนเองและสังคมด้วย...ใจก็นึกถึงคำว่า"เมตตา"แต่เออเนอะ..ทั้งๆที่ทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งและมาเจรจาต่างก็พูดถึงประเด็นนี้ว่าอยากให้มี/เกิดขึ้นเหมือนๆกันแต่ทำไมความรู้สึกที่เรารับฟังมันจึงได้ต่างกัน...พบว่าตัวเองนั่นแหละที่มีความมากเกินไปและน้อยเกินไปในการที่จะกระทำความคิดและพฤติกรรมที่ประกอบไปด้วยเมตตา.รู้ว่าฝ่ายไหนที่ใจเรามีความเมตตามากเกินเราก็จะรู้สึกชื่นชอบชื่นชมมอง/ตัดสินว่าเขาน่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้องมากกว่าหรือเขาควรที่จะได้รับการชื่นชมมากกว่า.ส่วนอีกฝ่ายที่เราเมตตาน้อยหรือไม่เมตตาเลยแม้ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไรก็จะตั้งท่าจงเกลียดจงชัง แช่งชักด่าทอ จนร้อนไปหมดทั้งตัวและใจ แถมบางทีฝ่ายนั้นมีข่าวดีๆก็ไม่สามารถมีความสุขได้(กลายเป็นเหมือนคนขี้อิจฉา หรือไม่รู้จักการมีมุฑิตาซะอย่างงั้น).กลับกลายเป็นการที่เราทำตัวเองตกหลุมของการเอาความชอบใจไม่ชอบใจมาเป็นตัวนำทางการตัดสินใจปัญหาสำคัญที่ต้องพิจารณาให้รอบด้านและใส่ใจกับรายละเอียด...ใจที่ไม่สมดุลและเต็มไปด้วยอารมณ์รักแรงเกลียดแรงนี้ก็เลยส่งผลลามต่อไปยังความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมการตัดสินใจหรือการแทรกแซงช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ที่เรารักหรือเรารู้สึกว่าเขานั้นกำลังมีปัญหามีความทุกข์อยู่นั้นสิ้นสุดหรือหมดปัญหาไป(กรุณา)..และเราก็ทำไปตามสัญชาติญาณความรู้สึก..ทำไปจนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้ได้รับรู้ถึงใจที่ร้องเตือนและตั้งคำถามว่าทำไมยิ่งช่วยยิ่งทุกข์..ทำไมยิ่งอยากให้สงบแต่กลับวุ่นวายหนอ...นิ่งๆ และมองย้อนจึงได้เจอคำว่า "ตัวตน" หรือ "ฉัน"หรือ "ความเห็นแก่ตัว"เข้าจังๆ ...เมื่อใจได้คำตอบว่า กรณีของส่วนรวมการที่เราลดตัวตนให้มันเหลือน้อยลงน่าจะเป็นสิ่งที่พึงสนับสนุน

ได้ข้อคิดเลยว่า  ถ้าเราไม่ละเอียดอ่อนในการคิดการกระทำ(ขาดสติ/ประมาท)และเอาอัตตามาเป็นตัวตั้งในการกระทำต่างๆแม้ว่าเราอาจจะบอกกับตนเองหรือผู้อื่นว่านี่คือ ฉันกำลังรักหรือกำลังช่วยเหลือคนอื่นอยู่นะแต่เราก็จะเผลอไปตกหลุมแห่งวิบัติของพรหมวิหารสี่เข้าอย่างจัง..ทำให้เมื่อเวลาฟังเหตุผลที่ควรจะได้ยินได้เข้าใจ มันก็กลับถูกตัดตอนออกไป หรือแม้กระทั่งการตัดสินใจหรือหาข้อสรุปที่ควรจะเป็นนั้นก็กลับเบี่ยงเบน หรือ ไม่เป็นกลาง..และก่อนที่จะสิ้นสุดปรากฏการณ์หรือบทสรุปของความขัดแย้งใดๆก็ตามใจของคนเราแต่ละคนจำเป็นต้องได้รับการดูแลและรักษาความสมดุลและมีสันติสุขภายในให้เกิดมีขึ้นให้ได้เสียก่อน...ในความเชื่อของตัวเองเห็นว่าจิตใจของคนเราทุกคนนั้นต้องการความเป็นธรรมและความผ่องใสเหมือนกันแต่เลือกปฏิบัติต่างกันนี่ส่วนหนึ่งแล้วมาจากการมีสติ คิดใคร่ครวญและการถอนออกจากกการยึดอัตตาที่มันแตกต่างกันนั่นเอง

      

 

หมายเลขบันทึก: 347889เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2010 05:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

จริงตามที่ท่านคิดครับ ความเชื่อยังเป็นเหตุให้คนมีความคิดไปตามที่เชื่อ

ขอบคุณท่านผอ.ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมเยียนและร่วมให้ความคิดเห็นค่ะ

สวัสดีค่ะ

อยากเห็นสังคมไทยมีความรัก ความเมตตาต่อกัน ทุกคนมีสติ ความวุ่นวายเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

คุณเบดูอิน

คุณmena

สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ.ขอบคุณในการส่งความรักและปรารถนาดีต่อกันทั้งที่เราอาจไม่เคยได้รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนแต่ในช่วงเวลานี้การที่เรารับรู้ว่า คนไทยยังคงมีน้ำใจและปรารถนาดีต่อกันได้ เป็นสิ่งที่งดงามและทำให้รู้ว่าสังคมไทยยังไม่ใช่สังคมที่เสื่อมสลาย หรือหมดพลัง ทั้งหมดก็อยู่ที่พวกเราทั้งหลาย ที่จะตั้งใจช่วยกันซ่อมสร้างสังคมไทยให้น่าอยู่และเอื้ออาทรต่อกัน เป็นความหวังที่ต้องยืนหยัด ไม่ถอดถอนใจ ปีใหม่ไทยปีนี้อาจไม่สดใสนักแต่ขอให้อย่าหมดหวังหรือท้อแท้ในการทำงานหรือหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคม ขอให้มีความสันติสุขในใจค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท