หน้าแรก
สมาชิก
นาย นายทันดร ธนะก...
สมุด
สศต. มสธ.
แนวทางการพัฒนางาน...
นาย นายทันดร ธนะกูลบริภัณฑ์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
แนวทางการพัฒนางานฝึกอบรมของสำนักฝึกอบรม
พัฒนาการฝึกอบรม
แนวทางการพัฒนางานฝึกอบรมของสำนักฝึกอบรม
นายทันดร
ธนะกูลบริภัณฑ์
*
บทนำ
การแข่งขันในการเป็นหน่วยงานที่เป็นเลิศนั้น สิ่งที่ต้องนำมาคิด นำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการนั้นต้องมีการใช้วิทยาการบวกประสบการณ์รวมทั้งคิดถึงอนาคตหรือแนวโน้มที่น่าจะเป็นเพราะปัจจุบันในการทำงานนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามกระบวนการที่ไม่แน่นอน (
Chaos)
ทุกวินาที ทั้งด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มของการเป็นบริโภคนิยม นั่นหมายถึงการยอมเป็นหนี้เป็นสินเพื่ออยู่ในสังคมอย่างมีหน้ามีตา
ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความรู้ของบุคลากร หรือความรู้ที่มีอยู่ในสมองที่เก็บมาจากการเรียนในศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีการศึกษากันตามมหาวิทยาลัย หรือการเรียนรู้ด้วยตนเอง จากหนังสือ วารสาร
Internet
แล้วนำมาเป็นความรู้ประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับงาน เป็นทุนทางปัญญา (
Intellectual Capital)
ทำให้การทำงานประสบผลสำเร็จ แต่แล้วเมื่อปฏิบัติไประยะหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงขององค์การ การเติบโตขึ้น โครงสร้างการบริหารจัดการ ทำให้คนต้องมีการพัฒนาให้ทันกับเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดด คือพัฒนาไปรวดเร็วอย่างไม่อาจคาดได้ดังนั้นคนส่วนหนึ่งจึงไปศึกษาต่อภาคพิเศษ เรียนนอกเวลาในภาคค่ำที่หลายๆมหาวิทยาลัยเปิดสอน การเรียนทางไกล
การเรียนผ่านจาก
Internet
ก็แล้วแต่ใครจะถนัดและมีทุนทรัพย์หรือเวลาช่วงใดว่างหรือปลีกไปศึกษาได้ตามแต่ที่จะใฝ่หาความรู้ที่ต้องการมาใส่ตัว
ในการพัฒนาคนนั้น
“
การฝึกอบรม
”
เป็นแนวทางหนึ่งที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ที่เป็นระบบ รวมยอดหรือมีเวลาระยะสั้นที่ให้สาระมากและตรงกับความต้องการเฉพาะด้าน เฉพาะเรื่อง เน้นที่คนทำงานแล้วในสายงานนั้น ๆ แล้วมาเพิ่มพูนความรู้ให้นำไปใช้ได้มากขึ้น จากที่รู้แล้วก็ให้รู้จริงที่รู้จริงก็ให้
รู้แจ้งนำไปใช้งานได้ดียิ่งขึ้น จึงเกิดหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เรียกว่า สำนักฝึกอบรม และมีหลากหลายชื่อแล้วแต่ใครจะเป็นผู้ตั้ง
ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยก็จะชื่อตรงๆว่าสำนักฝึกอบรม
สำนักเสริมศึกษา สำนักพัฒนามนุษย์ ฯ
เป็นต้นซึ่งที่ระบุชัดว่าเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาคน เพิ่มคุณภาพการทำงานที่เป็นสิ่งที่ตรงกับงานที่ปฏิบัตินั้น ๆ อยู่โดยมีการจัดหลักสูตรที่หลากหลาย
สำนักการศึกษาต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มหาวิทยาลัยจัดตั้งมา เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งการดำเนินการในสภาวะที่มีการแข่งขันเป็นอย่างสูงมากกันทั้งทางภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการด้านด้านการฝึกอบรม
กิจกรรมด้านฝึกอบรม ที่ดำเนินการกัน อยู่นั้น
มีการจัดหลักสูตรระยะสั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีระยะเวลาในการจัดประมาณ 1- 5 วัน ในหลักสูตรปกติ หลักสูตร
In
house
ที่ไปจัดให้ตามความต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ กำลังเป็นที่นิยมสูงขึ้น เพราะเป็นการยกระดับความรู้ความเข้าใจพร้อมกันทั้งระบบ จะทำให้เกิดการประสาน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหน่วยงาน
เป็นการพัฒนาที่ได้ผลมากกว่าการส่งไปอบรมทีละคนสองคน
และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ที่ต้องอบรมอีกด้วยเพราะจัดในที่ๆหน่วยงานนั้นรับผิดชอบเอง
ปัจจุบันพบว่าไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการที่เป็นมหาวิทยาลัยต่าง ๆทั้งในระบบและนอกระบบ เกือบทุกสถาบัน บริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ ต่างก็มีการดำเนินงานด้านการฝึกอบรม ดังนั้นการดำเนินการต่าง ๆ ที่จะต้องนำมาพัฒนางานหรือแนวทางการพัฒนางานด้านฝึกอบรม จึงจำเป็นต้องมีวิธีการที่หลากหลายนำมาใช้
ที่จะนำมาใช้ประกอบการดำเนินการ เช่น
-
การวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของการเปิดหลักสูตร
-
การประชาสัมพันธ์ก่อนการดำเนินการเปิดอบรม
-
การบริการที่เป็นเลิศระหว่างการอบรม
-
การติดตามผลการอบรมประเมินความสำเร็จของหลักสูตร
-
การแจ้งข้อมูลใหม่ ๆ ในวิชาการนั้น ที่ได้อบรมไปแล้ว
-
การจัดส่งของขวัญและ ข้อมูลให้ผู้ผ่านการอบรมแล้ว
จากหัวข้อต่าง
ๆ ที่พอจัดเป็นแนวทางพัฒนาจากการเสนอจึงขอนำเสนอรายละเอียด ดังนี้
1.การวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของการเปิดหลักสูตร
การที่จะเปิดหลักสูตรใดก็ตามมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ว่าถ้าเปิดแล้วจะมีคนสนใจมาเข้ารับการฝึกอบรมหรือไม่
เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจ หรือแม้ยังไม่เห็นความสำคัญในขณะนี้แต่ในอนาคตจะเป็นเรื่องที่มีคนต้องมาเข้ารับการอบรมเช่นเป็นเรื่องใหม่ๆที่เกี่ยวกับการพัฒนาหน่วยงานหรือเป็นข้อกำหนดที่ผู้ทำงานนั้นต้องรู้หรือต้องมีใบรับรองการผ่านการฝึกอบรม การดูแลคนชรา
การให้ความรู้แก่แม่บ้าน
เป็นต้น
2.
การประชาสัมพันธ์ก่อนการดำเนินการเปิดอบรม
วิธีการการประชาสัมพันธ์ก่อนการดำเนินการเปิดรับสมัครการฝึกอบรมที่ประหยัดที่สุดนั้นคือการส่งขึ้นบน
Internet
ที่ใช้คำนำค้นเรื่องว่า
“
ฝึกอบรม/ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์/ อบรมระยะสั้น
/สัมมนา
”
ที่
Search engine
เช่น
Google
(ไทย)จะค้นพบได้ทันที นับได้ว่าเป็นการพัฒนาเนื้อหา รูปแบบ มีการตกแต่งให้มีข้อมูลภายใน 1 หน้า สามารถพิมพ์ออกไปดูได้ ไม่เติมสีสัน เป็นเพราะคนพิมพ์จะมีความรู้สึกว่าแพง สำหรับเครื่องพิมพ์สี และเปลี่ยนหมึกสำหรับ
Laser
ชื่อเรื่องก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นคำค้นได้ถ้าไม่ยาวมากนัก
3.
การบริการที่เป็นเลิศระหว่างการอบรม
ความประทับใจตั้งแต่พบกับเจ้าหน้าที่ การต้อนรับที่อบอุ่น เป็นกันเอง เป็นมิตรยิ้มละไม
สถานที่อำนวยความสะดวกให้
แสงสว่าง
บรรยากาศ
การพูดจาของผู้ต้อนรับ
ป้ายชื่อบอกทาง
ป้ายชื่อ แฟ้ม ปากกา ดินสอ สมุด
เอกสารประกอบ หลากหลายสิ่งที่เตรียมพร้อมไว้ ให้ผู้เข้ารับการอบรมแทบไม่ต้องถามเพิ่มเติมก็สามารถดำเนินกิจกรรมของเขาได้ก่อนการฝึกอบรม
ในระหว่างการฝึกอบรมนั้น แสงสว่าง การจัดโต๊ะ
เก้าอี้ อุณหภูมิของอากาศที่มักเปิดครื่องปรับอากาศจนเย็นเกินความต้องการ ต้องมีการดูแลปรับให้เหมาะสม
อุปกรณ์เครื่องใช้ของวิทยากร เสียงจากไมโครโฟนที่ไม่หอนเวลาพูด
ที่วิทยากรใช้มี ข้อแนะนำต่าง ๆ ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมครบถ้วน เช่น ห้องพัก
อาหาร ห้องน้ำ กิจกรรมจะมีอะไรในช่วงใดโดยประมาณ ที่ผู้เข้ารับการอบรมต้องทราบ เส้นทางการคมนาคม แหล่งพักผ่อนระหว่างการพักการอบรม เหล่านี้จะเป็นจุดเสริมความประทับใจให้แก่ผู้เข้าอบรมได้
4.
การติดตามผลการอบรมประเมินความสำเร็จของหลักสูตร
ลูกค้าหรือผู้ที่ผ่านการอบรมไปแล้วเปรียบเสมือนหนึ่งทูตสวรรค์หรือกระบอกเสียงที่สำคัญของสำนักหรือหน่วยที่ทำหน้าที่ฝึกอบรมที่จะไปทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมหรืองานต่าง ๆ ที่กระจายไปแบบคนสู่คน ปากต่อปาก ที่ดีกว่าการประชาสัมพันธ์ประเภทอื่น ๆ เพราะมีผู้รับรองผลคือผู้พูดหรือเป็นตัวชี้แนะเปรียบเทียบให้เห็นว่างานที่ไป อบรมมาหรือวิชาการที่รับไปนั้น จะเป็นประโยชน์แก่หน่วยงานหรือไม่ ความประทับใจจากผลงานของหน่วยงานที่ทำหน้าที่อบรม ดังนั้นผู้ผ่านการอบรมนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่ นำไปสู่การเพิ่มหรือลดจำนวนผู้อบรมได้ชนิดที่หากมีความเข้าใจผิดแล้วแก้ยาก
เมื่อใดก็ตามหากได้รับความประทับใจกลับไป การร้องขอให้ไปช่วยประชาสัมพันธ์ ในสิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมได้รู้ได้เห็นได้รับ
สิ่งที่เขาควรได้รับเมื่อครบหลักสูตรที่มาอบรมเข้าแล้วควรมีดังนี้
กระเป๋าใส่เอกสารที่ในกระเป๋ามีสิ่งต่างๆต่อไปนี้
1.
เอกสารประชาสัมพันธ์หลักสูตรต่าง ๆทุกประเภทของหน่วยงาน
2.
เอกสารแนะนำหน่วยงาน/แนะแนวการศึกษา
3 . ไปรษณียบัตรจ่าหน้าถึงสำนัก ให้แจ้งข้อมูลเมื่อมีการย้ายที่อยู่ สำหรับจัดส่ง
เอกสารต่าง ๆ ให้ หากมีการเปลี่ยนที่อยู่
4 . เอกสารการประเมินผลการปฏิบัติงานสำหรับหัวหน้างานต้นสังกัดประเมินผลการทำงานหลังอบรม
5 . หนังสือ /
CD
รุ่นที่มีเพื่อนร่วมรุ่นและสรุปสาระสำคัญของหลักสูตรนั้น
เพื่อเสริมความรู้และการประสานเพื่อนร่วมรุ่น
6.
เอกสาร สื่อ ประกอบการฝึกอบรมที่น่าอ่าน
นำไปเผยแพร่ได้
5.
การแจ้งข้อมูลใหม่ ๆ ในวิชาการนั้น ที่ได้อบรมไปแล้ว
โดยที่วิทยาการความรู้ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาใช้ได้ไม่นานก็ต้องปรับเปลี่ยนไป
ตามสถานการณ์ ดังนั้นวิทยาการใหม่ ๆ ผู้ที่อบรมไปแล้วก็มีความต้องได้รับเพิ่มเติม ซึ่งในกระบวนการนี้ ควรมีการดำเนินการดังนี้
5.1
จัดเอกสารสรุปเพิ่มเติม ภายใน 6 เดือน หลังฝึกอบรม
5.2
แจ้งเรื่องหลักสูตรที่เทียบเคียงหรือสูงกว่าให้รับทราบ
5.3
จัดส่งข้อแนะนำเสนอแนะแนวทางการทำงานใหม่
6.
การจัดส่งของขวัญและ ข้อมูลให้ผู้ผ่านการอบรมแล้ว
ธรรมชาติของทุกคนย่อมเป็นฝ่ายที่ป็นผู้รับเสมอ ๆ ดังนั้นการให้จึงเป็น สิ่งผูกใจได้อีก
ทางหนึ่ง
สำนักต้องจัดงบจัดทำของที่ระลึกที่เป็นของสำนักเอง
ที่มีสัญลักษณ์ มีข้อความเบอร์โทรศัพท์
ที่ผู้รับเห็นแล้วระลึกถึงสำนัก
เช่น ไม้บรรทัด
สมุดพกจดบันทึก
ปฏิทินเล็ก-พก
ให้
อย่างน้อยก็เป็น สคส.
ปีใหม่
ส่งพร้อมข้อมูลการอบรมใหม่ ๆ แปลก
แตกต่างจากหน่วยอื่น ๆ
เป็นการประชาสัมพันธ์ที่คุ้มค่าซึ่งจะมีผลได้ทั้งน้ำใจและการที่ผู้ที่จะกลับเข้ามาเป็นลูกค้าอีกครั้ง
การพัฒนาหลักสูตร
เป็นที่ทราบกันว่าถ้าพูดถึงทฤษฎีความพึงพอใจ ก็ต้องเป็นของ
MOSLOW
และความต้องการของคนนั้นไม่มีที่สิ้นสุด หลักสูตรการฝึกบรมก็เช่นกัน ปกติเมื่อเกิดปัญหาการลดลงของผู้เข้าอบรม ต้องมาวิเคราะห์ปัญหาที่เรียกว่า
SWOT
ว่าจุดอ่อน จุดแข็ง ของหลักสูตรนั้น ๆ คืออะไร ตลาดการฝึกอบรม การแข่งขันของภายนอก อะไรเป็น ปัจจัย ที่ก่อให้เกิดปัญหานั้น ฯลฯ
แต่ที่สำคัญที่สุดหลักสูตรนั้นต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทั้งกลวิธี
ความรู้
เอกสารประกอบมิใช่เปิดมา หลายๆครั้งหลายรุ่น
ก็ยังเป็นเช่นเดิม เพราะโลกของความรู้ มีพัฒนาการไปไม่หยุด วิธีการทำงานมีการปรับเปลี่ยน
การอบรมก็ต้องให้ความรู้ที่ใหม่ๆตลอด เวลา
วิธีการที่จะเพิ่มจำนวนผู้เข้าอบรมมีหลายวิธีที่จะทำให้หลักสูตรเป็นที่น่าสนใจ
1.
ปรับปรุงหลักสูตร
ในการดำเนินการนั้นหากชื่อไม่ติดตลาดก็ต้องปรับแก้
-
ชื่อต้องเปลี่ยนให้ดูน่าสนใจ
-
หัวข้อการบรรยายเปลี่ยน
วิธีการ
-
วิทยากรเปลี่ยน
ตามเหมาะสม
จัดเป็นหลักสูตร
2-3
ระดับ เป็นขั้นต้น
กลาง
สูง และเป็นหลักสูตรที่เป็นความต้องการของตลาดหรือหน่วยงานที่เห็นว่าส่งคนอบรมแล้วได้ประโยชน์ คุ้มกับการลงทุนเพราะทุกคน (หน่วยงาน) ก็หวังกำไรเช่นกัน
ชื่อหลักสูตรหากค้นจาก
Web site
ต่าง ๆ แล้วพบว่าจะใช้ชื่อซ้ำ ๆ กันเป็นส่วนใหญ่ หากหาคำดี ๆ สะดุดตา เตะหัวใจ ใครก็ต้องการ ยกตัวอย่าง หลักสูตรยอดนิยม การเขียนหนังสือราชการ หนังสือโต้ตอบและรายงานการประชุม เปลี่ยนเป็น หนังสือราชการกับการปฏิบัติ งานสารบรรณ
เทคนิคการจัดการฝึกอบรม เปลี่ยนเป็น อบรมอย่างไรจึงจะสำเร็จเห็นผล
คิดอย่างไรให้เป็นระบบ
ปรับเป็น ระบบการคิดที่พัฒนาความรู้
หลักสูตรยอดนิยม การจัดการความรู้
จัด 3 ระดับได้
นี่ก็เป็นแนวทางการที่จะปรับราคาค่าอบรมให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
2.
วิทยากร
วิทยากรควรเป็นใคร ข้อเสนอนี้เป็นเรื่องที่ยากที่จะทำแต่ถ้าทำได้ก็สร้างชื่อเสียงให้กับสำนักก้าวสู่ความเป็นสากลได้เช่นกัน
-
คนที่มาบรรยาย ต้อง/ควรเป็นคนแต่งตำราในวิชานั้นๆ
เป็น
GURU
จริงๆ
-
วิทยากรจากสาขาวิชาของ มสธ. จาก
อาจารย์
ผศ. รศ.
ศ.
ที่มีอยู่กว่า 250
คน ต้องมีดีกันหลากหลาย
จัดทำเป็นข้อกำหนด หรือการผูกพันในระบบของ มสธ. ที่อาจารย์ที่มีเวลาว่างจากงานงานกันแล้ว เมื่อเขียนชุดจบ มาเป็นวิทยากร กันคนละ 2
–
3 หัวข้อตามความถนัด ซึ่งจะเป็นข้อผูกพันกับการเพิ่มจำนวนวิทยาการ ที่มีอยู่และขอเน้นให้ทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่การติวเข้ม แต่เป็นการเสริมวิชาการในสาขาที่เหมือน
เรียนสรุปย่อเพื่อการสอบกับ มสธ. นั่นก็คือการสอนเสริม ที่จ่ายเงินจัดโดยสำนักการศึกษาต่อเนื่อง ทบทวนกับสภาวิชาการ เพื่อหาทางดำเนินการ
การจ่ายค่าตอบแทนชม.ละ 2,000
–
5 ,000 บาท หากเป็นเจ้าของตำรา ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับสภาพการดำเนินการ
ในการทำงานนั้นผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ไม่ควรที่จะไปทำหน้าที่วิทยากร ทั้งบรรยาย หรือกลุ่มสัมพันธ์ ควรไปทำหน้าที่กำกับดูแล รังสรรค์งาน พัฒนางาน หาวิธีการที่เหมาะสม แปลกใหม่
ติดต่อวิทยากร สถานที่/อำนวยการ ประสานงานจะเหมาะสมกว่า
ถ้าจะทำงานด้านการฝึกอบรม
In-house
ให้ได้ดี การไปขอเสนองาน หรือที่บอกว่าการไปเสนอตัวรับงานนั้น ควรมีการจัดหลักสูตรเป็นชุด ๆ เพื่อสะดวกต่อการเลือก หรือเป็นกลุ่มของงาน
กลุ่มอบรมที่จัดเป็นประเภทต่าง ๆ
1.
กลุ่มพัฒนาภาพรวมของงาน
2.
การพัฒนาวิชา
เฉพาะด้าน
3.
การพัฒนาเฉพาะทาง/ เฉพาะคน
-
ภาพรวม เช่น หลักสูตร
นบก / นบส.
มีระยะเวลาตั้งแต่ 20 -45 วัน มีการดูงานต่างประเทศ
ค่าอบรมประมาณ 25,000
- 40,000 บาท
หากหลักสูตรดีย่อมเป็นที่น่าสนใจ
-
หลักสูตร
การพัฒนางานบริการ/ การวางแผน/ การบริหารจัดการ/ การเงิน บัญชี/ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และอีกหลากหลายรูปแบบที่จัด โดยเฉพาะหลักสูตรการพัฒนาการท่องเที่ยว หรือแม้แต่หลักสูตรประเภท
ติวสอบแข่งขัน สอบบรรจุ
แนวโน้มของหน่วยงานที่ต้องการพัฒนา คนให้รู้จักคิดเป็นใช้ความรู้ เป็นการจัดแบบทางไกลผสมทางใกล้ ซึ่งอาจจะดีกว่าการใช้เฉพาะทางใดทางหนึ่ง
ปัจจัยอะไรบ้างที่จะสามารถทำให้การดำเนินการสำเร็จ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ฝึกอบรมต้องมีบุคลากรสำคัญหลัก ๆ ที่จะสนับสนุนในการจัดกิจกรรมแนวใหม่ พร้อมทั้งเครื่องมือที่พร้อมสำหรับงานมี
คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย เครื่องส่งโทรสารถ่ายเอกสารสี เครื่องสแกนคุณภาพสูง
เจ้าหน้าที่ต้องมีความพร้อมต่อการแก้ไขปัญหา ตอบปัญหา
สร้าง
Web page
เป็นของตนเอง พร้อมรายละเอียดที่แก้ไขได้ตลอดเวลา ความพร้อมของเอกสารการฝึกอบรมที่เป็นปัจจุบัน รูปเล่มดี
สีสันสวยงาม
กระเป๋าเอกสาร
เสื้อรุ่น ทั้งเจ๊กเก็ตและโปโล ที่แสดงความภูมิใจให้แก่ผู้เข้าอบรมเมื่อมาอบรมแล้ว
บทสรุป
ในโลกของการแข่งขัน คนในองค์กรต้องเป็น
Knowledge Worker
เป็น
Person Learner
ตลอดเวลา ดังนั้นการฝึกอบรมคงจะได้รับการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานนั้น ๆ ไปอีกนาน เพราะนโยบายการบริหารประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา
การที่ใช้ ธรรมาภิบาลเข้ามาจับการทำงาน ราชการก็ต้องใสสะอาด
รวมทั้งการที่
พระราชบัญญัติการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี มาตรา 11
ได้กำหนดให้ทุก
หน่วยงานที่ต้องมีการพัฒนาคน
และการจัดการความรู้
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะต้องมีความเข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง ความต้องการเรียนรู้ การพัฒนางาน การสรรหาเทคนิควิธีการใหม่ ๆ แม้จะมีข้อมูล
DATA
มากมาย จะค้นหาเองได้ แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งการได้รับฟังผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญชี้แนะจะทำให้การศึกษานั้น ๆ รับความรู้ความเข้าใจมากขึ้น
จึงสรุปว่าการทำงานด้านการให้บริการการฝึกอบรมนี้จะยังมีอนาคตที่แจ่มใสอยู่นานเท่านานตราบใดที่ยังมีการจัดองค์กรที่มีคนเป็นผู้ทำงาน
เขียนใน
GotoKnow
โดย
นาย นายทันดร ธนะกูลบริภัณฑ์
ใน
สศต. มสธ.
คำสำคัญ (Tags):
#การพัฒนางานฝึกอบรม
หมายเลขบันทึก: 34637
เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2006 12:00 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 19:13 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
นาย นายทันดร ธนะก...
สมุด
สศต. มสธ.
แนวทางการพัฒนางาน...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท