เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของสัตว์โลก การสูญเสียคนที่รักของครอบครัว ถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ที่นำมาซึ่งความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงของครอบครัว
เพื่อเป็นการระลึกกันเป็นครั้งสุดท้ายญาติพี่น้อง จำต้องมีการจัดงานศพให้อย่างยิ่งใหญ่
การเดินทางไปอินเดียครั้งนี้ จึงได้พาคณะไปที่วิษณุบาท ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของศาสนาฮินดู
วิษณุไม่ใช่เป้าหมายของการไปในครั้งนี้ เนื่องจากภายในวิษณุบาทนั้น เป็นสถานที่ศักสิทธิ์ จึงสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์เท่านั้น
ที่ประตูทางเข้าจะมีป้ายห้ามคนที่นับถือศาสนาอื่นเข้า แต่ป้ายขนาดเล็กจึงทำให้มองไม่เห็น แม้ทางเจ้าหน้าเฝ้าประตู จะมาสอบถามว่าเป็นชาวพุทธ หรือเปล่า เมื่อรู้ว่าเป็นชาวพุทธก็อนุญาตให้เข้า แต่ไม่อยากละเมิดข้อห้ามทางศาสนาจึงได้พาคณะไปดูสิ่งที่สร้างความสลดใจ
ด้านหลังของวิษณุบาท เป็นสถานที่เผาศพของพลเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองพุทธคยาและใกล้เคียง
ผ้าห่อศพ
เมื่อมีคนในบ้านเสียชีวิตลง ญาติพี่น้องจะใส่คานหามมายังสถานที่แห่งนี้ ผู้ทีเสียชีวิตเป็นผู้ชายจะห่อศพด้วยผ้าสีขาว ส่วนผู้หญิงจะเป็นผ้าสีสดใส
ไม้จันทน์ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผาศพ
วันนี้มีศพมารอเผา ๓ ศพ เป็นของผู้หญิงทั้งสิ้น มีคนในครอบครัวเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาร่วมพิธีศพ
ญาติพี่น้องในครอบครัวร่ำลาผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อทำพิธีกรรมตามเชื่อศพจะถูกนำขึ้นสู่กองฟืนที่เตรียมไว้ จากนั้นศพจะถูกเผา เมื่อเผาศพไหม้หมดแล้วจะมีการเก็บเถ้าถ่านไปทิ้งในแม่น้ำเนรัญชรา
แห่ศพไปสู่ที่เผา
เพื่อให้เป็นการให้เกียรติ แก่ผู้เสียชีวิตและญาติ คณะของเราจึงไม่ถ่ายรูปพิธีกรรมการเผาศพ เพียงแค่ยืนปลงว่าชีวิตของมนุษย์ของมนุษย์ มีเพียงเท่านี้ มุ่งตักตวงผลประโยชน์ไปเพื่ออะไร สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลยเหมือนกับซากศพทั้งสาม ที่เขาเอามาเผาไฟและนำเถ้าถ่านไปทิ้ง
บัดนี้คงเหลือแต่ความดีที่ลูกหลานจะได้จดจำและเล่าขาน เพียงแค่๒-๓ อายุคน ทุกสิ่งทุกอย่างก็สูญสลายไปจากโลกนี้
อีกศพที่รอพิธีกรรมเผา
อนิจท่านทั้งหลายอย่างมัวเมาในสิ่งกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เลยจงสร้างคุณงามความดี ลูกหลายภายภาคหน้าจะได้จดจำและระลึกถึงไปตลอดการ.