นกยูง
นางสาววิภาดา ขุนทองจันทร์

การศึกษากับการเมืองกำหนดอนาคตของชาติ


การศึกษากับการเมืองกำหนดอนาคตของชาติ

การศึกษากับการเมืองกำหนดอนาคตของชาติ

เริ่มไม่ยาก ยากที่ไม่เริ่ม

 

ระหว่างการศึกษากับการเมืองไทยนั้นถ้าเป็นจะปรับหรือแก้ไขเรื่องใดก่อน คำถามนี้มีความน่าสนใจมากจึงขอนำมาแบ่งปันให้ท่านที่สนใจเรื่องคุณภาพของการศึกษาไทยได้ขบคิดกัน ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าการศึกษาจะต้องมาก่อนเป็นลำดับแรกเพราะคุณภาพของคนจะดีหรือเลวอยู่ที่ว่าได้รับการศึกษาที่ถูกต้องหรือไม่ จึงจะนำไปสู่ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ที่การเมืองไทยทุกวันนี้เราไปไหนได้ไม่ไกลและยังมีปัญหาคอร์รัปชั่นกันอยู่ทุกหย่อมหญ้า ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการศึกษาไทยในอดีตที่สอนให้คนไทยเป็นเช่นนี้ (แม้ว่าจะไม่มีการเปิดสอนวิชากลโกงกันอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ด้วยนิสัยแบบศรีธนญชัยของคนไทยก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเอาตัวรอดแบบฉลาดแกมโกง ) อีกส่วนหนึ่งคือการปราบปรามทุจริตของไทยนั้นเราจัดว่าหย่อนยานกันมากหรือทำกันแบบ “ลูบหน้าปะจมูก” ไม่จริงจัง ขาดความยุติธรรม ขาดความโปร่งใส เพราะพวกที่มีหน้าที่ปราบคอร์รัปชั่นกลับไปเรียกผลประโยชน์จากผู้กระทำความผิดอีก เรียกว่าผิดซ้ำผิดซ้อนกันไปใหญ่ จึงทำให้การบริหารบ้านเมืองไทยเป็นแบบ “เตี้ยอุ้มค่อม” ล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียเกือบหมดแล้ว  สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่เรามิอาจมองข้ามได้เลยก็คือ “คุณภาพ” ของการศึกษาไทยในทุกชั้น ทุกระดับนั้นเราอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน แม้ว่าเราจะมีนักศึกษาที่จบการศึกษาในระดับปริญญามากมายแต่คุณภาพของผู้ที่จบมานั้นถึงเวลาไปปฎิบัติงานจริง ๆ ก็ไม่สามารถนำความรู้ ความสามารถออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่เพราะพื้นฐานทางด้านวิชาการนั้นเข้าขั้นอ่อนแอ เราพูดถึงเรื่องการปฎิรูประบบการศึกษากันมานานหลายสิบปี แต่ดูเหมือนว่าเรานั้นเชื่องช้าเต็มที อยากให้ท่านลองเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ เพราะต้องการให้เห็นว่าเขาทำกันอย่างไร ทำไมประเทศเกาะเล็ก ๆ ด้วยเนื้อที่เพียง 1/3 ของกรุงเทพมหานครจึงล้ำหน้าเป็นศูนย์กลางธุรกิจ การเงิน น้ำมัน และอีกหลาย ๆ ด้านในภูมิภาคและติดอันดับโลกเสียด้วยซ้ำ   ก็เพราะเขาให้ความสำคัญกับคุณภาพของบุคคลากรที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการศึกษามาก  การผลิตบุคคลากรของเราก็ยังไม่ตรงกับความต้องการของตลาดจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณภาพของคนไทยเป็นเช่นนี้   เขียนมาอย่างนี้ไม่อยากให้ท้อใจ เพียงแต่อยากให้ช่วยกันคิด แก้ไข ปรับปรุง เรามีพื้นฐานดี ๆ หลายอย่างควรนำมาเป็นพลังในทางบวกทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

ในความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายของสังคมไทย เกิดจากบรรดานักการเมืองที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยการทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น เขาเหล่านั้น ก็คือนักศึกษาที่มีอุดมการณ์มีส่วนร่วมเคลื่อนไหวทางสังคม เมื่อครั้งอดีต 14 ตุลาคม 2516 16 ตุลาคม 2519 และ 15 พฤษภาคม 2535 มีอยู่มิใช่น้อย มาบัดนี้ แนวโน้มแห่งอนาคตของคนรุ่นลูก รุ่นปัจจุบัน ที่การขยับท่าทีมีอุดมการณ์ดูเหมือน จิตสำนึกต่อสังคมที่แสดงออกด้วยการออกไปสัมผัสกับชนบทโดยตรงในรูปของค่ายอาสา อันเป็นตัวหล่อหลอมจิตอาสาเสียสละควรต่อยอดให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้การศึกษาจำกัดตัวอยู่เฉพาะในรั้ว แต่จะต้องผันตัวเองเรียนรู้ชีวิตความเป็นจริงของสังคมในชนบทบ้าง เพื่อเพาะองค์ความรู้ในเชิงเปรียบเทียบระหว่างชนบทและเมือง ที่มีความต่างห่างกันทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ และการเมือง อนึ่ง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม เศรษฐกิจ การว่างงาน และปัญหาด้านสุขภาพ เป็นต้น แม้จะมีกลไกของรัฐมาขยับขับเคลื่อนก็ยังไม่เพียงพอ ในขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นเร็วกว่าดังเข็มบอกนาที มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งทวีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ สภาพสังคมดังกล่าว ได้ส่งผลให้สังคมเกิดอาการล้าระหว่างวัฒนธรรมทางวัตถุกับวัฒนธรรมทางนามธรรม ซึ่งแสดงออกด้วยความสำเร็จที่วัดกันที่วัตถุสิ่งของ ในลักษณะอวดประชันขันแข่งแบ่งชั้นกันตามวัตถุที่ถือครอง

หากจะมองว่าการศึกษา คือ หนึ่งในกระบวนการนำคนเข้าสู่สังคม แล้วต้องดูต่อไปว่าการขัดเกลาด้วยการศึกษาเป็นอย่างไร จากระบบการศึกษาที่หันมามอง “บวร” คือ การประสานกันระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน เพื่อร่วมด้วยช่วยกันขัดเกลานำคนเข้าสู่สังคม หรืออาจจะจัดเป็นการศึกษานอกระบบจากกรอบการศึกษาแผนใหม่ ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาโลกตะวันออกในนามวัฒนธรรม  คุณค่าชีวิตที่ซึมซับอยู่ในสังคมไทยแบบดั้งเดิม การศึกษาจึงมีภาระต่อสังคมในฐานะขัดเกลาจิตวิญญาณ โรงเรียนทำหน้าที่สร้างปัญญาที่มักเน้นไปทางวิชาชีพ ทั้งวัดและโรงเรียนจึงเป็นสมบัติของชุมชนนั้นๆ ที่ทำหน้าที่อย่างสอดประสานกันเพื่อธำรงไว้ซึ่งสังคม อันเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานที่เป็นจริงของชุมชนต่างๆ ที่มีวัด บ้าน โรงเรียน เป็นเสาหลักของสังคมอยู่  หากแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เสาหลักนั้นได้เชื่อมโยงระหว่างบทบาท เพื่อให้เกิดกิจกรรมต่อชุมชน แทนที่ดำรงตนในลักษณะต่างฝ่ายต่างอยู่แทบไม่มีบทบาทและกิจกรรมร่วมกันเลยทำให้ขาดพลังในการขับเคลื่อน เมื่อโครงสร้างหลักไม่สัมพันธ์กันเท่ากับว่าเป้าหมายระหว่างวัตถุกับคุณความดีนิยม ที่สมาชิกสังคมตีตรากำหนดเป็นเป้าหมายไม่ได้ดุลกัน บนรอยต่อระหว่างสังคมพัฒนาใฝ่หาเทคโนโลยี บริโภค เสพสุขอิงวัตถุเกินกำลังทรัพย์ที่ถูกกระตุ้นด้วยการโฆษณา ให้เกิดการลิ้มลองกับสังคมจารีต ที่นับวันมีชีวิตแบบขาดหายขาดช่วงไม่ต่อเนื่อง นอกจากเทศกาลสำคัญ อาทิเช่น สงกรานต์ เข้าพรรษาเท่านั้น เป็นต้น เป็นภาพชีวิตที่กำลังจางความหมายที่แท้จริง ทั้งนี้ เพราะไม่ดำรงความจริงในวิถีทางที่เป็นควรจะเป็น เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นมูลเหตุแห่งความแปลกแยกระหว่างคนสองวัยสองยุคสมัยคือ ผู้ใหญ่กับวัยรุ่น วัดกับสถานศึกษา ชุมชนกับผู้เรียน และความเป็นท้องถิ่นอันเป็นองค์ความรู้กับกระแสของโลก ว่าจะอภิวัตน์อย่างไร จึงจะไม่เกิดช่องว่างถ่างออกจากกัน จนนำไปสู่การล้าทางวัฒนธรรมตามที่กล่าวมาแล้ว  ตรงนี้ต้องทบทวนที่การจัดการศึกษาที่เป็นทางการในนิยามทันสมัย เมื่อระบบการศึกษารวมศูนย์อำนาจการจัดการศึกษาไว้ที่รัฐ กล่าวคือ รัฐใช้การศึกษาเป็นกลไกในการเผยแพร่และถ่ายทอดอุดมการณ์ของรัฐให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามตามไปด้วย ทั้งยังใช้การศึกษาในการถ่ายทอดความรู้ที่จะเข้าไปตอบสนองอุดมการณ์ของรัฐ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐไทยกระทำมาโดยตลอด เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐจะใช้เครื่องมือทางการศึกษาผ่านทางสถานศึกษา วัด ชุมชนที่มีอยู่ทั่วประเทศให้เกิดประโยชน์อย่างไร ไปพร้อมๆ กับการสนับสนุนให้โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ เพราะนี่คือปฐมเหตุที่ต้านทานการล่มสลายของชุมชน หากไม่ได้ดุลยภาพแล้วสังคมไทย คงเป็นเพียงสังคมทันสมัยแต่ไม่พัฒนา

 

หมายเลขบันทึก: 345482เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2010 10:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน 2012 02:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ความจริงเงื่อนงำของการเกิดเหตุการณ์ กรณี 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19, 15 พฤษภา 35, นั้น

มีแง่มุมอีกหลายมุมที่ไม่มีผู้ใดกล้าศึกษาหรือมองเห็น เพราะกลัวทวนกระแสเก่าๆที่เล่าต่อๆกันมาของฝ่ายตน

ความลับมันมีมากกว่าที่เราได้รับรู้

พวกที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นคือผู้กุมความลับที่ไม่ยอมเปิดเผย

ดังนั้นสิ่งที่เรารับรู้เหตุการณ์วันนั้น อาจไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

ผู้เล่าย่อมเป็นผู้กำหนดเนื้อหาโดยพวกเราเป็นเหยื่อ คนหลอกลวง คนโกงยังคงลอยนวลอยู่ต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท