ในอดีต
• งานประจำของห้องผ่าตัด คือ การพยาบาลดูแลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด ขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด ภายใต้บทบาทหน้าที่ของพยาบาลห้องผ่าตัดให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาล อยู่ในสภาพ “พึ่งพาความรู้จากภายนอก” จนเคยชิน กล่าวคือทำงานตาม “ความรู้” ที่กำหนดไว้ในกฎระเบียบอย่างชัดเจนตายตัว
• การทำงานของพยาบาลจะอยู่ในลักษณะงานประจำ (Routine)
• ขาดการทบทวนเพื่อพัฒนางาน
• การสร้างสรร การสร้างนวตกรรมมักไม่ค่อยปรากฏ
ปัจจุบัน
• งานประจำของห้องผ่าตัดก็ยังคงเป็นการพยาบาลดูแลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด ขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด ภายใต้บทบาทหน้าที่ของพยาบาลห้องผ่าตัดให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาล แต่เพิ่มบทบาทเป็น“หน่วยสร้างความรู้” เป็นหน่วยวิชาการ ซึ่งต้องมีทั้งการพัฒนาแนวความคิดและทักษะในการสร้างความรู้ขึ้นใช้เองในงานของตนให้เกิดปัญญาปฏิบัติ คือปัญญาที่ได้จากการปฏิบัติงาน และใช้สำหรับปฏิบัติงาน เป็น “ปัญญารวมหมู่” (collective wisdom) คือ มาจากการเรียนรู้ร่วมกันผ่านการปฏิบัติ เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในหมู่พยาบาลในหน่วยงานเดียวกัน• โดยมีงานประจำของชุมชนคนชุดเขียวที่มาเสริมด้วยคือ เครื่องมือที่เรียกว่า " KM "
• งานประจำเป็นทั้งเป้าหมาย (end) และเครื่องมือ (means) ของการทำ KM
• เริ่มต้นด้วยความคิดว่าในหน่วยงาน/งานประจำ มีความรู้ดีๆ อยู่แฝงอยู่ในเนื้องานมากมาย โดยอยู่ในความสำเร็จจากความสำเร็จเล็กน้อยจนกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ดำเนินการทำ mapping โดยจัดเวที ลปรร. ทั้งจาก
เรื่องเล่าทุกๆ เช้า (Morning Talk)
การทำ AARหลังการประชุมวิชาการของทุก ๆ คน
การประชุมประจำเดือนทั้งจากการทบทวนงานวิชาการ จากเวทีให้ความรู้จากศัลยแพทย์
สิ่งที่สำคัญ คือทุกเวที ลปรร. ต้องจดบันทึก “ความรู้” ที่มีอยู่ในการปฏิบัติ และนำมาทำวงจร PDCA ของงานประจำ
อ.วิจารณ์กล่าวว่า หัวใจ ของ KM คือ
• KM ที่ไม่เนียนอยู่ในงานประจำ เป็น KM ปลอม จะไม่ยั่งยืน ไม่ก่อผลจริงจัง ไม่นำไปสู่ LO
• จุดเริ่มต้นของความล้มเหลว คือ CEO เรียกเจ้าหน้าที่มาคนหนึ่ง บอกให้รับผิดชอบทำ KM เพราะคำสั่งเช่นนี้อยู่ภายใต้แนวคิดว่า KM คือกิจกรรมหนึ่ง ที่แยกจากงานประจำ
ขออนุญาตสรุปว่า หากหัวหน้าสั่งว่าให้ลูกน้องคนใดคนหนึ่งไปทำ KM ให้สำเร็จแสดงว่าเป็นการเริ่มต้นที่ผิดทิศทาง การที่ยังไม่เข้าถึงหัวใจ KM เพราะการมอบความรับผิดชอบระบบจัดการความรู้ไว้กับใครหรือหน่วยใดหน่วยหนึ่ง มีความเสี่ยงที่การดำเนินการจัดการความรู้จะแยกออกจากเนื้องาน ทำให้การจัดการความรู้กลายเป็นเนื้องานหรือภาระงานเสียเอง ผู้ปฏิบัติงานจะต่อต้าน หรือไม่เต็มใจทำ เพราะรู้สึกว่าเป็นการเพิ่มงาน แล้วในที่สุดการจัดการความรู้จะล้มเหลว
กับบทวิเคราะห์ KM ของชุมชนคนชุดเขียวในปัจจุบันดิฉันคิดว่าพวกเราเริ่มจาก.. ตั้งไข่.. เตาะแตะ.. กำลังจะเต่งตึง.. อนาคตต่อไปเราคงจะเติบโต (สักวันหนึ่งเราจะโต้..เราจะโต) ... แต่ KM ของเราจะไม่มีวันตาย อาเมน
คิดว่าเป็นการเข้าถึงธรรมะในการปฏิบัติงานโดยมีทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ(เข้าถึงคุณค่าแห่ง“ปัญญารวมหมู่”) ขออนุโมทนากับน้องเล็กและชุมชนคนชุดเขียนด้วยค่ะ และจะขออนุญาตไปจับภาพ/สัมภาษณ์ในแง่นวัตกรรมด้านส่งเสริมสุขภาพในองค์กรด้วยนะคะ
ตอบพี่มอม ขอบคุณค่ะ จะแก้ไขนะคะ
ตอบคุณaudit3 ยินดีค่ะ หัวใจ KM คือการ Share ค่ะ
ตอบพี่ปิ่ง เล็กยังไม่มีเวลายื่นใบสมัครแต่ขอจองไว้ก่อนนะ สัญญาว่าอาทิตย์หน้าจะไปสมัครค่ะ
ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยส่งข้อความที่เป็นประโยชน์ต่อสาขาจะดีค่ะ